การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140
“คะ คิมซูฮยอน??”
“กอร์ดอนโรฮันจะขับเคี่ยวกับคิมซูฮยอนตั้งแต่แมตช์แรกเลยเหรอ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แมตช์นี้ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเรากําลังชมรอบชิงชนะเลิศเลยไม่ใช่เหรอไง?”
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ต่างพากันส่งเสียงพูดออกมาอย่างแตกตื่น
คนจํานวนไม่น้อยได้มีการตั้งสมมติฐานไว้แล้ว ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะสงครามแก่งแย่งอันดับ โดยเรียงลําดับจากคนที่มีโอกาสมากสุดไปต่ําสุด คนที่ 1 กอร์ดอนโรฮัน คนที่ 2 ซูฮยอนคนที่ 3 โทมัส และ คนที่ 4 อาเดล
ตัวเต็งทั้ง 4 คน โทมัสได้ต่อสู้กับซูฮยอนและพ่ายแพ้ในรอบก่อนหน้านี้ ทําให้หมดโอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ สําหรับอาเดลหลายฝ่ายเชื่อว่าความสามารถของเขาอ่อนด้อยกว่ากอร์ดอนโรฮันหรือผู้ตื่นขึ้นชาวเกาหลีใต้
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงคาดการณ์ว่าสุดท้ายสงครามแก่งแย่งอันดับ คนที่จะกลายเป็นผู้ ชนะคงหนีไม่พ้นกอร์ดอนโรฮัน และ ซูฮยอน 1 ใน 2 คนนี้เท่านั้น
แม้โอกาสคว้าชัยชนะของซูฮยอนจะอยู่อันดับที่ 2 แต่จากการสัมภาษณ์ประชาชน 9 ใน 10 ลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือ คนที่จะเดินออกไปจากสนามแข่งขันอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมชัยชนะเป็นกอร์ดอนโรฮันไม่ผิดแน่
ทว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้เริ่มเกิดการสั่นคลอน
<<ถ้า 2 คนนั้น ฟัดเหวี่ยงกันจนหมดเรี่ยวแรงล่ะก็…>>
ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือรอดมีความคิดเหมือนกัน
<<บางทีการคว้าชัยชนะในสงครามแก่งแย่งอันดับ ฉันอาจมีโอกาสอยู่…>>
หากซูฮยอนพยายามหลีกเลี่ยงต่อสู้กับกอร์ดอนโรฮันตรงๆ และรอจนกว่าจะถึงรอบสุดท้ายผลสรุปอาจแตกต่างออกไป
ต่อให้กอร์ดอนโรฮันยิ่งใหญ่คับฟ้าเพียงใด การต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขัน 30 ครั้งติดต่อกัน โดยที่ร่างกายปราศจากบาดแผลแทบเป็นไปไม่ได้
มนุษย์เรามีพละกําลังจํากัด ความอ่อนล้าของร่างกายไม่มีมนุษย์ไหนปฏิเสธได้ แค่แรงกายหายฮวบไปหนึ่งส่วน ก็สามารถพลิกล็อคผลลัพธ์การต่อสู้ได้
แน่นอนว่า กอร์ดอนโรฮัน และ ซูฮยอน ไม่ใช่ไม่ทราบถึงความจริงข้อนั้น
ซึ่งหมายความว่า…….
<<พวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?>>
ทุกคนที่นั่งชมสงครามแก่งแย่งอันดับอยู่ตอนนี้ต่างคิดเหมือนกัน ชายทั้ง 2 คนก้าวลง ไปในสนามแข่งขันอย่างมาดมั่น พวกเขาแข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ การต่อสู้ที่กําลังเกิดขึ้นกําหนดผู้แพ้ผู้ชนะไว้เพียงหนึ่ง แต่ทําไมพวกเขาถึงนิ่งดูดายกันจัง? ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจมั้งเหรอไง
ไม่มีใครรู้ว่าซูฮยอนกําลังคิดอะไรอยู่ แต่สําหรับกอร์ดอนโรฮัน เขาต้องการพิสูจน์ฝีมือตัวเองว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกผ่านสงครามแก่งแย่งอันดับ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ทําไมเขาถึงอาสาลง สนามก่อนเป็นคนแรก เพราะเขาประสงค์กอบโกยชัยชนะมาไว้ในมือในได้มากที่สุดเพื่อใช้เป็น หลักฐานยืนยันความสําเร็จของเขา
ซูฮยอนเดินเข้าไปในสนามแข่งขันและปรายตามองกอร์ดอนโรฮันที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ซูฮยอนเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “สนามที่นายเตรียมการไว้ตระการตาจริงๆ สมบูรณ์แบบจนหาข้อบกพร่องไม่ได้ ไม่แปลกใจที่ใครต่างบอกว่านายคือผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
ก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและมอบความพ่ายแพ้ให้แก่ทุกคนด้วยตัวคนเดียว ถ้ากอร์ดอนโรฮันได้รับชัยชนะจากสนามแข่งขันแห่งนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเขาคือผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกกอร์ดอนโรฮันเลือกสนามแข่งขันได้เหมาะเจาะกับบรรยากาศจริงๆ
“แต่ก่อนที่จะถึงฝั่งฝัน นายต้องชนะฉันให้ได้ซะก่อน”
ไม่ใช่แค่กอร์ดอนโรฮันเท่านั้นที่มีเป้าหมาย ซูฮยอนก็มีเป้าหมายที่ตั้งมั่นไว้ในใจเช่นกันและด้วยเหตุนี้สนามแข่งขันที่กอร์ดอนโรฮันเตรียมเอาไว้ จึงถูกอกถูกใจเขาไม่น้อย
สนามแข่งขันที่ยุติธรรมต่อทุกคนและให้กําเนิดบุคคลทรงอํานาจ แข็งแกร่งเหนือผู้ใด
ถ้ามีใครสามารถยืนหยัดจนเหลือคนสุดท้ายได้ คงไม่มีใครกล้าโพนทะนาความแข็งแกร่งของเขาผู้นั้น
“คิดไว้อยู่แล้วล่ะนะ ว่าคนอย่างนายต้องท้าทายฉันเป็นคนแรกแน่ๆ”
หอกสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นในมือของกอร์ดอนโรฮัน
“ก็ดีเหมือนกับที่เป็นนาย ถ้าไม่ใช่นาย ฉันคงเสียใจแย่”
“ฉันสงสัยเหตุการณ์เมื่อวานนิดหน่อย แต่บางทีการต่อสู้บนสนามแข่งขันที่ตระการตาแบบนี้อาจเพลิดเพลินใจมากกว่า”
“ฉันมีคําถามอยากถาม ทําไมเมื่อวานนายถึงไม่จัดการฉันตั้งแต่ตอนนั้น?”
“ถ้าฉันลงมือกับนายตอนนั้น ผู้คนจํานวนมากคงรุมประณามฉันว่า การที่ฉันเอาชนะกอร์ดอนโรฮันมาได้ เป็นเพราะอีกฝ่ายกําลังเหนื่อยล้ากะปลกกะเปลี้ย ฉันไม่อยากตกเป็นจําเลยสังคมนะ”
“นายคิดว่าฉันจะหมดแรง เพราะต่อสู้กับปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก”
“ฉันรู้ว่าการต่อสู้ในครานั้นนายยังมีแรงเหลืออยู่ แต่คนนอกอาจไม่คิดอย่างนั้น”
ซูฮยอนชักดาบออกมาจากฝักและแย้มเนตรที่สามเตรียมพร้อม
“สนามแข่งขันแห่งนี้จะมีความหมายมากขึ้น เมื่อฉันเอาชนะนายได้”ซูฮยอนพูด
“พวกเราใจตรงกันเลยแฮะ คําพูดของนาย ฉันอยากพูดอยู่พอดี”
ชาย 2 คนปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาพร้อมกัน ขณะรอสัญญาณเริ่มการแข่งขัน ความหนาแน่นของพลังเวทย์ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาที
พลังเวทย์ที่แผ่ซ่านออกมาจากองคาพยพ ส่งผลให้พื้นสนามแข่งขันเกิดรอยปริแตก
เพียงชั่วอึดใจระดับพลังของพวกเขาทั้งคู่ก็แตะเพดานสูงสุด
[การแข่งขันเริ่มได้
จอห์นนี่แบรดประกาศเริ่มการแข่งขัน
ฟรีบ!!
เช้ง!! เช้ง!!
หลังจากสิ้นเสียงสัญญาณ ร่างกายของทั้ง 2 คนที่ยืนประจันหน้ากัน หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว เสียงโลหะกระทบกันดังก้องกังวานอยู่ในสนามแข่งขัน
คลื่นลมกระโชกรุนแรงไปถึงที่นั่งบนอัฒจันทร์ เศษเสี้ยวพลังเวทย์จากชาย 2 คนที่โรมรันกันคละคลุ้งไปทั่ว
ตูม! ปัง!!
คมดาบและคมหอกเข้สปะทะกัน
อาวุธประเภทหอกได้เปรียบเรื่องความยาว ซูฮยอนจึงตกเป็นรองอีกฝ่ายหลายส่วน
กอร์ดอนโรฮันกระทั่งเท้าโดดขึ้นไปบนอากาศ เขาจ้วงหอกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดภาพเงาเลือนลาง จากปลายหอกหนึ่งหัว เกิดการแยกตัวออกจากกันกลายเป็นปลายหอกหลา ยสิบหัว
สวบ!! สวบ!!
แสงสว่างจากปลายหอกจ้วงแทงไปตามส่วนต่างๆของร่างกายซูฮยอน ไม่ว่าจะเป็น ลําคอไหปลาร้าและชายโครง
กอร์ดอนโรฮันระดมแทงหอกติดต่อกันซ้ําแล้วซ้ําเล่า
[ร่างแยกเงา]
ฉัวะ!!
ร่างกายของซูฮยอนพร่ามัวและอันตรธานหายไปจากตําแหน่งเดิมฉับพลัน คมหอกที่กอร์ดอนโรฮันจ้วงแทงเมื่อครู่เป็นเพียงร่างแยกที่มีหน้าตาเหมือนซูฮยอนทุกประการเท่านั้น
ทันใดนั้นเองกอร์ดอนโรฮันสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนแผดเผามาจากด้านหลัง เขารีบคลี่ปีกแล้วกระพือหลบการโจมตี
ตูม!!
หลังจากกอร์ดอนโรฮันกระโดดลอยตัวไปด้านบน เปลวเพลิงสีครามขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นตรงจุดที่พึ่งลับกายไป
ซูฮยอนนับเลขในใจแล้วปล่อยการโจมตีระลอกใหม่ แต่ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงดาบผ่าคลื่นความร้อนที่แผดเผาตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จึงเร่งกระโดดถอยหลัง
ฉีก!!
คมหอกสีขาวบริสุทธิ์แหวกทะลุ [แปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์] ออกมากะทันหันกอร์ดอนโรฮันกระพือปีกด้านหลังและแหงนหน้ามองซูฮยอนที่กระโดดลอยตัวอยู่บนอากาศ ใบหน้าของอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มอ่อน
“เปลวเพลิงของฉันร้อนใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”
วุป!! วุป!!
จู่ๆบรรยากาศรอบตัวของกอร์ดอนโรฮันก็เกิดความผันผวนขึ้น ปีกสีขาวบริสุทธิ์ของเขากางออกจนสุดตาดําของเขาเลือนหายไปหลงเหลือไว้เพียงผนังลูกตาสีขาวบริสุทธิ์เหมือนกับปีก
ซูฮยอนทราบเป็นอย่างดีว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคืออะไร
[คุณลักษณะ – อัครทูตสวรรค์
มันเป็นคุณลักษณะที่เทียบเท่าได้กับ [กายมังกร] ของฮวางจุนเผิง ไม่ใช่สิ ถ้าเอาตามความคิดเห็นจากซูฮยอน [อัครทูตสวรรค์] อาจเหนือชั้นกว่า
หลังจากกอร์ดอนโรฮันเปิดใช้งาน โคุณลักษณะ – อัครทูตสวรรค์] ตัวเขาก็เปรียบเสมือนได้รับคําอวยพรจากเทพยดา
ร่างกายของกอร์ดอนโรฮันในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าและเอ่อล้นไปด้วยพลังเวทย์ที่แสนเกรี้ยวกราด
จุดเด่นของ [อัครทูตสวรรค์] ที่เห็นชัดมากที่สุดคือ เมื่อเปิดใช้งานจะมอบสถานะต้านทานสกิลที่สัมพันธ์กับพลังเวทย์ให้แก่ผู้ถือครองอย่างมหาศาล กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณลักษณะของกอร์ดอนโรฮันเพิ่มพูนค่าสถานะต้านทานสกิลมากกว่าคุณลักษณะอื่นๆจนเทียบไม่ติด
<<หมายความว่าต่อจากนี้ [เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีคราม] ของฉันใช้ไม่ได้ผลแล้วสินะ>>
เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีความสามารถคล้ายคลึงกับ เปลวเพลิงพิโรธ เพราะทั้ง 2 สกิลมีความโดดเด่นด้านการโจมตีใส่มอนสเตอร์ธาตุมืด
แต่คุณลักษณะของกอร์ดอนโรฮันมีความเกี่ยวพันกับเผ่าพันธุ์เทวทูตบนสวรรค์ คุณสมบัติของ[อัครทูตสวรรค์] คือมอบสถานะต้านทานพลังเวทย์ให้ผู้ถือครองอย่างมหาศาล มิหนําซ้ํา [อัครทูตสวรรค์] เป็นคุณลักษณะธาตุแสง สกิล [เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงใช้ไม่ได้ผล
แปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์) ของซูฮยอนที่ห้อมล้อมกอร์ดอนโรฮันอยู่ในตอนนี้ ไม่มีความรู้สึกร้อนแผดเผาอีกต่อไป หลังจากเปิดใช้ [อัครทูตสวรรค์] ความร้อนที่กอร์ดอนโรฮันเคยรู้สึกจางหายไปกับสายลมเขาสามารถเดินผ่าความร้อนได้ เสมือนกําลังเดินในสวนหน้าบ้านของตนเอง
<<ในเมื่อเป็นแบบนี้…>>
เกล็ดสีดงอกเงยออกมาจากชั้นผิวหนังซูฮยอนแล้วลามไปทั่วร่างกาย เนตรที่สามกลางหน้าผากแย้มกว้างอย่างสมบูรณ์ ทําให้ประสารทสัมผัสของเขาเฉียบคมมากขึ้น ร่างกายแข็งแกร่งกว่าเดิม
ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของซูฮยอน ส่งผลให้กอร์ดอนโรฮันหยุดชะงักอยู่กับที่
ชายชาวอเมริกาหรี่ดวงตาอันคมกริบและควงหอกที่ถืออยู่ในมือ
“แบบนี้สิถึงจะดี การต่อสู้จะได้ไม่น่าเบื่อ เอาการโจมตีของฉันไปกินบ้าง”
ตัวหอกหมุนเร็วจนสายตามองไม่ทัน กอร์ดอนโรฮันเหวี่ยงหอกที่กําลังหมุนแทงไปหาซูฮยอนเต็มแรง
การโจมตีที่กอร์ดอนโรฮันใช้ออกมา เป็นการโจมตีแบบเดียวกับเมื่อวานที่ทําลายสนามแข่งขันพังพินาศ
ซูฮยอนตั้งท่าดาบเตรียมรับมือคมหอกที่กําลังเขยิบใกล้เข้ามา เมื่อการโจมตีประชิดตัวซูฮยอนเขาจับดาบด้วยมือ 2 ข้างแล้วเหวี่ยงดาบเต็มกําลัง
ปัง!!
พลังอํานาจที่โคจรอยู่รอบหอกกระจายทั่วทุกสารทิศ
แรงปะทะทําให้พื้นสนามแข่งขันเต็มไปด้วยรอยขูดขีดจากดาบและหอก พื้นบางจุดที่รับคลื่นพลังไม่ไหวเริ่มแยกตัวออกจากกัน ซูฮยอนเมินเฉยสภาพแวดล้อมรอบตัว เขากระทุ่งเท้าพุ่งหน้าไปหากอร์ดอนโรฮันอย่างเด็ดเดี่ยว
สวบ!!
ราวกับว่ากอร์ดอนโรฮันกําลังรอจังหวะนี้อยู่ เขาหยุดควงหอกและจ้วงแทงหอกไปข้างหน้าอีกครั้ง
หมับ!!
ซูฮยอนรับหอกผู้ตื่นขึ้นชาวอเมริกันด้วยมือเปล่า
<<เขารับหอกของฉันได้ด้วยมือเปล่างั้นเหรอ?>>
เป็นครั้งที่แรกดวงตาของกอร์ดอนโรฮันเกิดการสั่นระรัวอย่างหนัก
ถ้าเปลี่ยนเป็นดาบเขาคงไม่ตกใจ เพราะเขาเคยเห็นซูฮยอนรับดาบคนอื่นด้วยมือมาแล้ว
แต่กอร์ดอนโรฮันคาดไม่ถึงว่าซูฮยอนจะใช้มือเปล่ารับหอกได้เช่นกัน
ตามปกติหากใช้มือเปล่ารับอาวุธมีคม มือที่ไร้เครื่องป้องกันควรเกิดบาดแผลเหวอะหวะหรือไม่ก็ระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อ
อย่างไรก็ดี….
[กายาทรหด]
ทําให้ซูฮยอนรับการโจมตีด้วยมือเปล่าได้ แต่มือของเขาไม่ใช่แกร่งจนฟันแทงไม่เข้า การรับคมหอกเมื่อครู่ทําเอาฝ่ามือได้รับรอยถลอกเล็กน้อย แม้ซูฮยอนจะรู้สึกเจ็บฝ่ามือนิดๆ ทว่าเขายังสามารถกัดฟันอดทนความเจ็บปวดได้อยู่
ความชํานาญ สกิล [กายาทรหด] พัฒนามาถึงระดับสูงสุด สาเหตุเพราะ [กายาทรหด] เป็นหนึ่งในสกิลที่ซูฮยอนใช้อยู่เป็นเนืองนิจ เลยทําให้สามารถรับการโจมตีจากหอกของกอร์ดอนโรฮันด้วยมือเปล่าได้
ที่สําคัญการที่เป้าหมายถูกบังคับให้หยุดอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้ซูฮยอนโจมตีสวนกลับ
ซูฮยอนไม่รั้งรอเร่งยกดาบเหนือหัว
การที่ซูฮยอนยกดาบขึ้นฟ้าฉับพลัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดเหวี่ยงดาบโจมตี
<<เขาตั้งใจลงดาบธรรมดาใส่ฉันทั้งอย่างนั้นเลยเหรอ?>>
อุป!!!
พลังเวทย์แสนเชี่ยวกรากควบแน่นอยู่บนใบดาบ การโจมตีที่ซูฮยอนกําลังออกทวงท่าต้องไม่ใช่การโจมตีธรรมดาอย่างที่กอร์ดอนโรฮันคิดเสียแล้ว
<<หรือว่า…?>>
[หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง – ทลายบรรพตยักษ์]
ฉัวะ!!
คมดาบซูฮยอนฟาดแหวกอากาศ เล็งไปยังศีรษะของกอร์ดอนโรฮัน
ตูม!!!
พื้นสนามแข่งขันแตกเป็นเสี่ยงๆ แผ่นปูนหลุดร่อน ฝุ่นผงฟังไปทั่วอากาศ
ผู้เข้าแข่งขันจ้องมองไปยังสนามแข่งขันที่เสียหายยับเยินด้วยสีหน้าตะลึงงัน
พวกเขาทุกคนคาดไม่ถึงว่าสนามแข่งขันที่เสริมความแข็งแรงด้วยหินอีเธอร์และสามารถดูดซับแรงกระแทกจากการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี จะเกิดความเสียหายหนักขนาดนั้น
ฮักจุนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ผสมโรงตกใจไปพร้อมกับคนอื่นๆด้วยเช่นกัน สนามแข่งขันที่อยู่ตรงหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังใช้ต่อสู้กับผู้ตื่นขึ้นคนอื่นอยู่เลย แต่ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาในตอนนี้คือสนามแข่งขันที่เสียหายอย่างหนักจนไม่เหลือเค้าเดิม
<<ฉันก็หลงคิดว่าช่องว่างระหว่างตัวเองและเขากระเถิบเข้ามาอีกนิดแล้วแท้ๆ แต่ที่ไหนได้…>>
การต่อสู้คราวนี้ เป็นครั้งแรกที่ฮักจุนเห็นซูฮยอนปล่อยพลังแบบจัดหนักจัดเต็ม
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้รอบคัดเลือกที่ซูฮยอนโดนเพื่อนร่วมทีมลอบแทงข้างหลัง หรือ ตอนต่อสู้กับโทมัสซูฮยอนไม่เคยปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาเลยสักครั้ง
ช่วงที่ฮักจุนก้าวมาอยู่ในตําแหน่งแรงค์ S เขาเชื่อมั่นเต็มอกว่าความสามารถของตัวเองใกล้เคียงกับซูฮยอนไม่ใช่พวกไก่อ่อนที่เคยเจอกันครั้งแรกบนหอคอยแห่งการทดสอบอีกแล้ว
เขาคิดเอาเองว่าหากเพียรพยายามเร่งพัฒนาความสามารถในหนักขึ้น ตัวเขาจะไล่ตามระดับของซูฮยอนทัน
แต่สิ่งที่เขาคิดไว้ในหัวผิดไปหมด ช่วงว่างระหว่างเขาและซูฮยอนไม่ได้แคบลง ไม่สิเผลอๆอาจกว้างกว่าเดิมด้วยซ้ํา
<<อีกนานแค่ไหน ฉันถึงจะตามเขาทัน….>>
ฮักจนคิดว่าตัวเองปล่อยเนื้อปล่อยตัวและอวดดีมากเกินไป ทําให้ลืมความลําบากและเป้าหมายชีวิตที่ตั้งมั่นไว้ เขาหลงคิดมาตลอดว่าเส้นทางในอนาคตข้างหน้าจะรังสรรค์เมื่อไหร่ก็ได้แต่พอเข้าร่วมสงครามแก่งแย่งอันดับและผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ความจริงและความฝันต่างกันราวฟ้ากับเหว
เขาโทษตัวเองที่มัวเผลอไผลไปกับความแข็งแกร่ง จนลืมเป้าหมายและความฝันในอนาคตหากต้องการแข็งแกร่งติดอันดับโลก เขาต้องพยายามมากขึ้นกว่านี้
ฮักจุนคิดตื้นเขินเกินไป หนทางความแข็งแกร่งของเขายังห่างอีกไกลนัก
เมื่อลองไปเทียบกับชายทั้ง 2 คนนั้น เขาอ่อนแอเหลือทน
“บ้าไปแล้ว หากเป็นฉันคงไม่เอาตัวเข้าแลกยืนรับการโจมตีของกอร์ดอนโรฮันโต้งๆเหมือนอย่างซูฮยอนแน่ๆ จะว่าไปการโจมตีรอบล่าสุดของซูฮยอนรุนแรงชิบหาย เหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียวสนามเป็นจุณเลย”
“พวกเขายังมีชีวิตอยู่ไหม? ไม่ใช่ว่าตายกันไปทั้งคู่แล้วนะ?”
“ซูฮยอนอาจไม่ตาย แต่กอร์ดอนโรฮันบางที่อาจจะ…”
หลายคนสงสัยว่ากอร์ดอนโรฮันจะเอาชีวิตรอดไปจากการโจมตีที่มีอานุภาพรุนแรงเช่นนี้ไปได้หรือไม่?
ผู้เข้าแข่งขันชมการต่อสู้ผ่านหน้าจออย่างใจจดใจจ่อและเลือนสายตามองไปยังสนามแข่งที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่น เสียงพูดคุยจอแจของพวกเขาค่อยๆซาลง
เป็นเพราะเงาร่างของซูฮยอนและกอร์ดอนโรฮันกลางสนามแข่งขันเริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น..
ตุบ!!
กอร์ดอนโรฮันบักหอกลงพื้นเพื่อพยุงตัว
ขาทั้ง 2 ข้างสั้นพับๆ เลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากมุมปาก กลางหน้าอกมีบาดแผลชะเวิกชะวากบ่งบอกว่าอาการของเขาไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เป็นเกราะที่ทนทานใช้ได้เลย” ซูฮยอนกล่าวพลางจ้องดาบตัวเอง ที่สึกหรอสูญเสียความคมไปหมดสิ้น
ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์หรูมีราคาของกอร์ดอนโรฮัน มองด้วยตาเปล่าจะเห็นชุดเก ราะบางๆครอบทับไว้ข้างใน ซูฮยอนทราบดีว่าชุดเกราะที่กําลังเปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์นั่นคือะไร
<<นั่นมันเกราะทหารสวรรค์ไม่ใช่เหรอ นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีมันด้วย>>
เกราะทหารสวรรค์หาพบได้ยากเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันมีการค้นพบแค่ 5 ตัวเท่านั้น กระทั่งอนาคตข้างหน้าการเสาะหาให้ได้สักตัว ก็ยังยากเต็มกลืนอยู่ดี
เกราะทหารสวรรค์กล่าวขานกันว่าเป็นชุดเกราะของเหล่าทหารผู้พิทักษ์ท้องนภา ความแข็งแกร่งของชุดเกราะจึงเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง
<<ขอดูผลลัพธ์หน่อยแล้วกัน…>>
“แค่ก แค่ก”
กอร์ดอนโรฮันสํารอกเลือดออกมาก้องโต
<<ทรงประสิทธิภาพสมกับร่ําลือจริงด้วยแฮะ>>
โดยปกติ [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] จะส่งผลกระทบให้เป้าหมายหมดสภาพต่อสู้ในการโจมตี เพียงครั้งเดียว แต่ความเสียหายทั้งหมดจากการโจมตีรอนอานุภาพลงไปครึ่งหนึ่งเพราะได้รับการ ป้องกันจากเกราะทหารสวรรค์
จึงเป็นเหตุผลในกอร์ดอนโรฮันยืนหยัดอยู่ได้และยังพอเหลือพลังเวทย์ในร่างกายอยู่บ้าง
“การโจมตีเมื่อกี้ เหมือนกับการโจมตีเมื่อวานไม่มีผิด ใช้สกิลเดียวกันหรือป่าว?” กอร์ดอนโรฮนชิงเปิดปากถามก่อน
“นายหมายถึง [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] เหรอ?”
“ชื่อสกิลที่นายใช้ออกมาเมื่อกี้สินะ? พลังทําลายล้างยิ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ”
“นายพูดถูกพลังทําลายล้างของมันมหาศาลมาก แต่ความชํานาญ [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง]ของฉันยังต่ําอยู่มาก เมื่อเทียบกับบักหยุนกิว”
สกิล [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] ไม่ใช่สกิลระดับสูงหรือหายากจนเอื้อมไม่ถึง ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้จากร้านค้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่บนหอคอยแห่งการทดสอบ โดยใช้คะแนนความสําเร็จซื้อ
ราคาที่ต้องจ่ายอาจมองว่าแพงหูฉีไปหน่อย แต่ความสามารถของมันคุ้มค่ากับการลงทุนและแม้สกิลจะมีพลังทําลายล้างสุดกล้าแกร่ง
ทว่าสกิลมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การใช้สกิลแต่ละครั้งผู้ใช้ต้องยกดาบขึ้นฟ้าถึงจะสามารถร่ายสกิล [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] ออกมาได้ เอาเข้าจริงๆสกิลนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้บ่อยนักสมมุติศัตรูเห็นคุณกําลังตั้งท่า คิดเหรอว่าศัตรูจะยอมนิ่งดูดายให้คุณทําตามอําเภอใจ
จึงมีน้อยคนมากที่จะเชี่ยวชาญสกิล หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] แต่ บักหยุนกิว และ ซูฮยอน เป็นข้องยกเว้น เพราะทั้ง 2 คนยกระดับความชํานาญของ [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] ถึงระดับสูงสุดแล้ว
โดยเฉพาะบักหยุนกิว ผู้ฝึกฝนสกิล [หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง] มาเป็นเวลานาน ย่อมมีความสามารถเหนือชั้นกว่าซูฮยอนเป็นไหนๆ
“นายบอกว่าความชํานาญของนายยังต่ํา เมื่อเทียบกับบักหยูนกิว แต่จากความรู้สึกของฉันการโจมตีของนายดูทรงพลังกว่าของบักหยุนกิวหลายเท่า เพราะอะไรกัน?” กอร์ดอนโรฮันถาม
“เพราะฉันแข็งแกร่งกว่าเขาไง”
ช่างเป็นคําตอบที่ตรงไปตรงมา ตรงกว่านี้หาไม่ได้อีกแล้ว
กอร์ดอนโรฮันได้แต่นิ่งเงียบ เขานึกคําที่จะกล่าวต่อไปไม่ออก เป็นความจริงที่ซูฮยอนและบักหยุนกิวใช้สกิลประเภทเดียวกัน แต่พลังอํานาจแตกต่างกันอย่างมาก ราวกับสวรรค์และโลกคืออยู่กับว่าใช้โดยใคร
“บัดซบเอ๊ย นี่สินะความรู้สึกต่ําต้อยเมื่อคนอื่นมองมาที่ฉัน? ฉันไม่สบอารมณ์กับความรู้สึกแบบนี้จริงๆ”
กอร์ดอนโรฮันครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวดและสายหัวเรียกสติ เขายกมือสัมผัสบาดแผลกลางหน้าอก มือที่ขาวสะอาดเปรอะเปื้อนเลือดสีแดง
เลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลประหนึ่งนาป่าไหลหลากเริ่มชะรอตัวหยุดนิ่ง เพราะกอร์ดอนโรฮันใช้พลังเวทย์ปิดบาดแผลเอาไว้ชั่วคราว เป็นอย่างที่เขาเคยคิดไว้ การต่อสู้ย่อมเกิดบาดแผลอย่างไม่อาจเลี่ยง
“นายรู้ไหม ใจจริงฉันอยากต่อสู้ระยะประชิดตัวต่อตัวกับนาย แต่ว่า…” กอร์ดอนโรฮันแหง นหน้าขึ้นแล้วโยนหอกไปบนอากาศ
“เหมือนฉันจะฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว การต่อสู้ระยะประชิดตัวต่อตัวของนายและฉัน คงต้องเก็บไว้ต่อยอดรอบหน้า ถ้ามีโอกาสนะ”
สายตาของซูฮยอนเพ่งมองหอกที่ชายชาวอเมริกันโยนขึ้นไปบนอากาศ
หอกกอร์ดอนโรฮันที่โยนขึ้นไปบนอากาศ 1 เล่ม ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยหอกนับหมื่นเล่มหอกละลานตาว้าว่อนฉวัดเฉวียนไปมา
ฟรีบ!!
จากเดิมด้านหลังของกอร์ดอนโรฮันมีปีก 1 คู่ แต่ตอนนี้มีปีกคู่ที่ 2 งอกเพิ่มออกมา
ปีกทั้ง 2 คู่สยายออกจนสุดแล้วกระพือพร้อมกัน เสริมสร้างให้กอร์ดอนโรฮันมีความองอาจยิ่ง
ทีแรกกอร์ดอนโรฮันกําหนดแผนเอาไว้เป็นฉากๆหลังจากต่อสู้กับซูฮยอนเสร็จแล้ว จะท้าทายผู้เข้าแข่งขันคนไหนต่อดี ทว่าเวลานี้เขาไม่สนเรื่องสัพเพเหระพรรค์นั้นอีกแล้ว
สิ่งที่เขาควรตั้งมั่นคือการเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าให้ได้ก็พอ..
[อัครทูตสวรรค์ – เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์
ไม่ช้าไม่นาน
[เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์] ที่รังสรรค์ขึ้นมาจากน้ํามือของกอร์ดอนโรฮัน จะร่วงหล่นสู่พื้น โลก
“หืม? ดูอันตรายยังไงชอบกล” ซูฮยอนพึมพํา
และการโจมตีที่กําลังอุบัติขึ้นต่อจากนี้ จะทําให้คนทั่วโลกได้เป็นประจักษ์พยานการต่อสู้ที่ไม่สามารถคาดเดาผลแพ้ชนะได้