การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 141
ตอนที่ 141
[อัครทูตสวรรค์ – เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์]
สร้างหอกนับหมื่นปกคลุมทั่วอากาศเหนือสนามแข่งขัน สําหรับผู้เข้าแข่งขันที่นั่งชมการต่อสู้บนอัฒจันทร์ฉากที่ปรากฏขึ้นตอนนี้เป็นอะไรที่ตระการตามาก หอกเล่มเดียวไม่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ แต่ถ้าจํานวนหอกมากกว่า 1 เล่มขึ้นไปล่ะก็ สถานการณ์ที่ตกเป็นรองอาจพลิกล็อกได้
“ฉันฝันไปหรือป่าว?”
“การโจมตีครั้งนี้ เหลือล้ํายิ่งกว่าจินตนาการของฉันเสียอีก”
แม้นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนอื่นๆที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศก็ยังแปลกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ทุกคนจินตนาการภาพขึ้นภายในหัว หากพวกเขาไปยื่นอยู่แทนที่ซูฮยอน พวกเขาจะสรรหาวิธีไหนรับมือกับคมหอกเหล่านั้นได้กัน? เชื่อเลยว่าคนมากกว่าครึ่งหนึ่งต้องขอยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้
แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ หากพวกเขายังดันทุรังต่อสู้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาไม่อยากเสี่ยงรับการโจมตีให้ร่างกายตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ ถ้ารู้ตัวว่ากําลังพ่ายแพ้สู้ยอมแพ้ไปตั้งแต่เนิ่นๆไม่ดีกว่าเหรอ
ทุกคนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสกิลของกอร์ดอนโรฮันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความคิดแว่บหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวพวกเขาโดยพลัน
<<เขาหุนหันพลันแล่นไปหรือป่าว>>
<<เขากดดันตัวเองมากเกินไป>>
สมมุติกอร์ดอนโรฮันสามารถใช้สกิลนี้ได้อย่างไม่จํากัด เขาคงคว้าชัยชนะไปได้นานแล้ว
แต่ยังไงเรื่องที่พวกเขาโมเมขึ้นในหัวก็เป็นได้แค่เรื่องสมมุติ ไม่ว่าคนอื่นจะมีความคิดเห็นยังไงสุดท้ายกอร์ดอนโรฮันก็เป็นคนที่มีฝีมือใกล้เคียงกับคําว่าผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่ดี
เพราะคําว่าผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นความฝันที่กอร์ดอนโรฮันถวิลหา ซูฮยอนที่ฉายแววโดดเด่นมากกว่าคนอื่นจึงกลายเป็นเป้าหมายที่ต้องโค่นล้มให้ได้
การต่อสู้ตามอุดมคติของเขาที่วาดภาพไว้ คือปรารถนาเอาชนะซูฮยอนให้ได้อย่างสมบูรณ์ฉะนั้นกอร์ดอนโรฮันจึงเก็บท่าโจมตี [อัครทูตสวรรค์ – เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์] ไว้ใช้กับซูฮยอนโดยเฉพาะ เหตุผลที่ใช้ออกพร่ําเพรื่อไม่ได้ เพราะท่าโจมตีเผาผลาญแรงกายของผู้ใช้เป็นอย่างมาก
<<เขาต้องโดนซูฮยอนไล่ต้อนจนมุมแน่ๆ>>
<<ไม่น่าเชื่อว่ากอร์ดอนโรฮันผู้แข็งแกร่งจะถูกคู่ต่อสู้บีบเข้าตาจน>>
กอร์ดอนโรฮันเป็นเจ้าภาพหลักของงานสงครามแก่งแย่งอันดับและยังอ้างสิทธิ์ต่อสู้ก่อนเป็นคนแรกของการแข่งขันรอบสุดท้าย แม้คนที่ได้ลงสนามก่อนเป็นคนแรกจะเสียเปรียบมากกว่าใครเพื่อน แต่เขาไม่ควรดึงพลังในร่างกายออกมาใช้จนหมดตั้งแต่การต่อสู้รอบแรก เพราะต่อให้ชนะแมตช์นี้มาได้ เขาก็ยังมีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต้องต่อสู้ในแมตช์ต่อไปอยู่ดี
ทั้งที่พึ่งเป็นการต่อสู้แมตช์แรก ทว่ากอร์ดอนโรฮันในเวลานี้ ไม่ละล้าละลังปลดปล่อยพลังทั้งห มดออกมา เพื่อต่อกรกับซูฮยอน
<<อีกไม่นานการต่อสู้คงได้ผลสรุป>>
<<คิมซูฮยอนคนนั้นคงมาไกลได้แค่นี้ >
ทุกคนที่นั่งบนอัฒจันทร์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ซูฮยอนไม่มีทางหยุดคมหอกจํานวนมหาศาลเหล่านั้นได้แน่ เพราะพวกเขาเชื่อว่าซูฮยอนได้หงายไพ่ความสามารถของตัวเองออกมาหมดแล้วปลายทางที่รอซูฮยอนคือความพ่ายแพ้เท่านั้น และนั้นหมายความว่าพวกเขาทุกคนยังมีโอกาส
<<หากกอร์ดอนโรฮันผ่านการต่อสู้มาได้ โดยที่ไม่เหลือพลังสํารองในร่างกาย…>>
<<บางทีฉันอาจมีโอกาสชนะก็ได้>>
<<อืม…ฉันควรต่อสู้กับเขาในรอบต่อไปดีไหม? หรือฉันควรนั่งคอยไปอีกสักพัก เพื่อชัยชนะที่แน่นอนดีนะ?>>
ผู้เข้าแข่งขันวาดฝันเอาเองว่า เมื่อเรี่ยวแรงและพลังเวทย์ของกอร์ดอนโรฮันร่อยหรอลงไม่แน่พวกเขาอาจเอาชนะอีกฝ่ายได้
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของกอร์ดอนโรฮันได้รับบาดเจ็บจากซูฮยอนไม่น้อย สภาพของเขาตอนนี้ก็เหมือนสัตว์ร้ายที่สูญเสียเขี้ยวเล็บ การไล่ต้อนให้กอร์ดอนโรฮันจนมุมซ้ําสองจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“เฮ้อ…”ซูฮยอนระบายลมหายใจ แหงนหน้ามองหอกนับหมื่นที่ลอยเคว้งเหนือหัว
“บทสรุปของการต่อสู้ใกล้แล้วสินะ”
หากว่ากอร์ดอนโรฮันไม่มีเกราะทหารสวรรค์คุ้มครองกาย ปานนี้การต่อสู้คงยุติลงไปนานแล้ว
ซูฮยอนคาดไม่ถึงว่าการต่อสู้เพียงรอบแรกต้องใช้พลังมากถึงขนาดนี้ เขาอดส่ายหัวให้กับการต่อสู้ที่แสนยืดเยื้ออย่างเสียมิได้
“ฉันรู้ว่านายมีหลายสิ่งหลายอย่าง เก็บซ่อนเอาไว้ใช่ไหมล่ะ?”กอร์ดอนโรฮันถามพลางสังเกตสีหน้าซูฮยอน
แม้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ซูฮยอนยังคงหน้านิ่งเป็นพระอิฐพระปูนอยู่ได้ โดยไม่ขลาดก
ความรู้สึกที่กอร์ดอนโรฮันสัมผัสได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รับรู้ เพราะเขาและซูฮยอนยืนประจันหน้ากันซูฮยอนมีกิริยาท่าทางเป็นไง อยู่ในห้วงอารมณ์ไหน เขารับรู้ได้หมด
“อย่าให้พวกเขาคิดไปเองว่านายไร้ความสามารถ มีเท่าไหร่งัดออกมาให้หมด”
กอร์ดอนโรฮันต้องการต่อสู้กับซูฮยอนด้วยความแข็งแกร่งทุกอย่างที่มี ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของเขาบริสุทธิ์ใจยิ่งกว่าใครๆ กอร์ดอนโรฮันมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนนั่นคือการต่อสู้อย่างสมเกียรติ ถ้าการเอาชนะซูฮยอนเป็นเพราะโชคช่วย โอกาส หรือ ความประมาทเลินเล่อเขาคงไม่รู้สึกภูมิใจและไม่มีความสุข
การต่อสู้ครั้งนี้กอร์ดอนโรฮันตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ
“นายเพียงคนเดียวเท่านั้น” กอร์ดอนโรฮันกล่าวเสียงแผ่ว
“คนที่ฉันสามารถใช้พิสูจน์ได้ว่าฉันคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด นายเข้าใจคําพูดของฉันใช่ไหม ว่า กันตามหลักการสนามแข่งขันแห่งนี้สร้างมาเพื่อนายและฉันนั่นกันโดยเฉพาะ
อีก!! บิ๊ก!!
หอกนับหมื่นที่ลอยว่อนอยู่บนอากาศ สั่นสะเทือนอย่างหนัก
“ฉันอยากให้นายใส่ความสามารถทุกอย่างลงในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง”
“นายยอมทําตามคําขอร้องของฉันได้ไหม”
[เปิดใช้งานคุณสมบัติ “ฮีโร่-อมตะ]
เงื่อนไขไม่ครบตามที่กําหนด
[พละกําลังและความแข็งแกร่งจะไม่ถูกฟื้นฟู
[ความสามารถทางกายภาพเพิ่มพูนขึ้น]
“ต่อให้นายไม่พูด ฉันก็ตั้งใจทําอย่างงั้นอยู่แล้ว” ซูฮยอนตอบกลับ
สกิลที่เรียกว่า เฮีโร่อมตะ] เป็นสกิลประเภทพาสซีฟที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อความเหนื่อยล้าในร่างกายสะสมมาถึงจุดๆหนึ่ง ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาซูฮยอนตริตรองวิธีใช้งานสกิล (ฮีโร่อมตะ]มาได้สักพักเขาไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นสกิลพาสซีฟที่ยอดเยี่ยมมาก แต่เงื่อนไขการใช้งานยุ่งยากเกิดไปซูฮยอนคิดมาตลอดว่าสมมุติสกิล [ฮีโร่อมตะ] ไม่มีเงื่อนไขกระจุกกระจิก คงเป็นสกิลที่มีประโยชน์อย่างมาก
<<ผลของสกิลคงระยะเวลาได้ไม่นานนัก เพราะความชํานาญของฉันต่ําเกินไป>>ซูฮยอนคิดในใจ
แต่ไม่ใช่ปัญหา เขาเชื่อว่าตัวเองสามารถสะสางการต่อสู้ก่อนที่ผลสกิลจะหมด
กิริยาท่าทางของซูฮยอนเปลี่ยนแปลงไปจากเดินชั่วพริบตา กอร์ดอนโรฮันรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เขาก็ชี้ชัดไม่ได้ว่าความไม่ชอบมาพากลที่รู้สึกได้คืออะไรกันแน่ รูปลักษณ์ภายนอกและความหนาแน่นพลังเวทย์ของซูฮยอนยังคงเป็นเหมือนเดิม
<<สัญชาตญาณของฉันไม่มีทางมองผิด ร่างกายของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด>>
กอร์ดอนโรฮันมั่นใจความคิดของตัวเอง ดวงตาซูฮยอนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มีรูปลักษณ์ที่ผิดแปลูกไป คนอย่างซูฮยอนคงไม่ลดการป้องกันลงและยอมให้เขาโจมตีตามอําเภอใจแน่
<<นี่มันหรือว่า! >>เนื้อตัวของกอร์ดอนโรฮันสั่นเทิ้ม
<<ฉันเสียเวลามานานพอสมควร ปล่อยไว้ต่อไปอาจส่งผลเสียถึงฉัน!!>>
โอกาสที่จะพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น กอร์ดอนโรฮันมั่นใจว่าชัยชนะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือเขา ความปิติยินดีค่อยๆเติมเต็มร่างกายที่อ่อนล้าให้กลับมากระปรี้กระเปร่า
กอร์ดอนโรฮันกําหมัดแน่นแล้วยกมือเหนือหัว
“ให้เมื่อนายไม่เริ่ม ฉันขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
ตูม!!
เขาใช้กําปั้นทุบพื้นเต็มแรง
สวบ!! สวบ!!
หอกนับหมื่นเล็งโจมตีไปยังเป้าหมายเดี่ยว นั่นก็คือ ซูฮยอน
เคล้ง!!
ขณะหอกมากกว่าหนึ่งร้อยเล่มพุ่งพรวดเข้าโจมตีพร้อมกัน ซูฮยอนขยับดาบในมือแล้วตวัดฟันตอบโต้กลับไป หอกทุกเล่มที่กระทบคมดาบแตกกระจุยเป็นชิ้นๆแล้วร่วงหล่นสู่พื้น
ทุกครั้งที่ซูฮยอนตัดสินใจเหวี่ยงดาบ หูจะได้ยินเสียงลมแหวกอากาศเสมอ เขากวัดแกว่งดาบอย่างดุดัน
กอร์ดอนโรฮันยื่นมือออกไปกลางอากาศและคว้าหอกมาหนึ่งเล่ม เพื่อใช้หอก สกัดกั้นคลื่นพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากดาบซูฮยอน
อีก!! ตูม!!
แรงระเบิดที่ไม่มีเค้า ผลักร่างกายกอร์ดอนโรฮันให้กระเด็นถอยหลัง
<<เหลือเชื่อ แค่คลื่นรัศมีดาบของเขากลับสามารถผลักฉันให้กระเด็นได้>>
พลังที่กระแทกร่างกายของกอร์ดอนโรฮันเมื่อครู่รุนแรงขึ้นกว่าเก่าเยอะมาก การค้นพบที่น่า ตกใจทําให้เขาตะลึงงันชั่วคราว ซูฮยอนแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
กอร์ดอนโรฮันกําหมัดจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เขาควบคุมลมหายใจและตัดสินใจปล่อยการโจมตี [เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์] อีกหน แต่คราวนี้เขาเพิ่มจํานวนหอกและอัดพลังโจมตีเข้าไปข้างในให้มากขึ้นกว่าตอนแรก
วุป!
หอกที่ลอยเคว้งบนอากาศเริ่มมารวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ห่าฝนหอกระลอกใหม่ปรากฏขึ้นเหนือหัวกอร์ดอนโรฮัน จากสิบเพิ่มเป็นร้อย จากร้อยเพิ่มเป็นพัน และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแค่มองด้วยตาเปล่าก็ทราบได้ทันทีว่าพลังโจมตีของหอกรอบนี้ทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมแถมจํานวนก็มากกว่าที่ผ่านมาเห็นได้ถนัดตา
“เอาไปอีก!!”
ปัง!!
กอร์ดอนโรฮันใช้กําปั้นทุบพื้นสั่งการให้หอกโจมตีอีกครั้ง
[เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์]
สวบ!! สวบ!!
หอกกลุ่มก้อนใหญ่โตเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอํานาจ พุ่งโจมตีไปทางซูฮยอนจากบนศีรษะ
ทันใดนั้นเองดาบในมือซูฮยอนพลันมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้น เขากระชับดาบไว้ข้างตัว แล้วตวัดดาบฟันขึ้นไปด้านบนอย่างฉับไว
[เพลิงพิโรธ]
[คมดาบตัดตาข่าย]
ฉัวะ!! ฉัวะ!!
คลื่นรัศมีดาบแหวกอากาศฟาดฟันใส่หอกเหนือศีรษะ หอกจํานวนมากสูญเสียแรงขับเคลื่อนไปกลางทาง เริ่มหล่นสู่พื้นเหมือนเศษไม้ไร้ค่า
ดวงตาของกอร์ดอนโรฮันเบิกโพลงด้วยความตกใจ
<<ท่าโจมตีที่เขาใช้ อย่าบอกนะว่าเป็นคมดาบตัดตาข่าย?>>
โคมดาบตัดตาข่าย] เป็นวิชาดาบระดับพื้นฐานที่ว่าใครๆก็สามารถครอบครองได้เมื่อไปถึงชั้นที่ 30
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์สูงๆทราบดีว่าสกิล [คมดาบตัดตาข่าย] ไม่ได้ยอดเยี่ยม ถึงขั้นต้องวิ่งวุ่นจับจองมาเป็นเจ้าของให้ได้
สกิล [คมดาบตัดตาข่าย] เหมาะแก่การใช้โจมตีเป้าหมายจากระยะไกล เมื่อผู้ถือครองร่ายสกิลออกมาใช้ ทันทีที่กวัดแกว่งดาบ คลื่นดาบที่ปลดปล่อยออกไป หากกระทบลงบนวัตถุใดๆก็ตามวัตถุชนิดนั้นจะแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆเหมือนตาข่าย
แม้ว่าการโจมตีของซูฮยอนจะมีสกิลเปลวเพลิงผสมรวมอยู่ด้วย ทว่าแค่ สกิล [คมดาบตัดตาขาย] เพียงอย่างเดียวก็สามรถหยุดยั้ง [เทวทัณฑ์จากสรวงสวรรค์] ได้อย่างไม่ยากเย็น
<<สงสัยคงต้องใช้ท่านั้น…>>กอร์ดอนโรฮันขบคิดในใจ
หมับ!!
กอร์ดอนโรฮันกําหมัดแน่น “ถ้านายหยุดการโจมตีครั้งต่อไปได้ ฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้”
วุป!! วุป!!
หอกหลายหมื่นเล่มที่ลอยโฉบไปโฉบมาบนอากาศ เริ่มรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หอกแหลมคมสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่และภายในอัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ปรากฏขึ้น เหนือหัวกอร์ดอนโรฮัน
เขายกมือขึ้นไปบนอากาศ หอกสีขาวบริสุทธิ์เคลื่อนที่ไปตามจังหวะมือของกอร์ดอนโรฮัน ราวกับว่าถูกบังคับด้วยมือ
“ฉันเองก็ใช้หอกเป็นเหมือนกันนะ ถึงแม้จะถูๆไถๆก็เถอะ” ซูฮยอนหยิบหอกที่เก็บไว้ด้านหลังออกมา
เมื่อเทียบกับหอกของกอร์ดอนโรฮัน สภาพหอกที่ซูฮยอนถืออยู่ในมือตอนนี้ ดูชํารุดทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด
ซูฮยอนกระชับหอกปราบมังกรในมือ ขา 2 ข้างแข็งที่อยืนนิ่งอยู่กับที่ ลําตัวโน้มไปข้างหลังประหนึ่งกําลังเตรียมเหนี่ยวลูกศรให้ออกจากคันธนู
“หนึ่ง…สอง…”
ขณะหอกของกอร์ดอนโรฮันใกล้ร่วงหล่นรอมร่อ..
“สาม!!”
ซูฮยอนที่โน้มตัวไปข้างหลังเหมือนคันธนู ไถลเท้าไปข้างหน้า หอกปราบมังกรถูกขว้างหลุดออกจากมือ
ปัง!!!
หอกสีขาวบริสุทธิ์และหอกปราบมังกรปะทะกันกลางอากาศ แสงสว่างเจิดจ้าพร้อมเสียงฟ้าคํารามอึงอลไปทั่วสนามแข่งขัน ผู้คนที่นั่งชมการต่อสู้ผ่านหน้าจอและผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ติดขอบสนามไม่สามารถบอกได้ว่าภายในสนามแข่งขันตอนนี้กําลังเกิดอะไรขึ้น
ภายใต้ประกายแสงที่ทําลายทัศนวิสัย พวกเขามองเห็นเพียงภาพเงาเลือนลางของซูฮยอ และกอร์ดอนโรฮันเคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น
ฟรี่บ!!
กอร์ดอนโรฮันกระทั่งเท้ากระโจนเข้าหาซูฮยอน เขาสยายปีก 2 คู่ ออกจนสุด ในมือกระชับหอกยาว
สวบ!!
หอกหมุนลู่ลมอย่างรวดเร็ว ปลายหอกแหลมคมเล็งแทงกลางหน้าอกซูฮยอน
เมื่อผนวกกับแสงสว่างที่กําลังปกคลุมสนามแข่นขัน ส่งเสริมให้การมองเห็นย่ําแย่ลง กอร์ดอนโรฮันถือใจการโจมตีครั้งนี้ ไม่มีทางพลาดเป้า
<<เสร็จฉัน!! >>
หลังจากซูฮยอนขว้างหอกออกไป เขายังคงปักหลักยืนอยู่จุดเดิม หมายความว่าคมหอกของกอร์ดอนโรฮันที่กําลังแล่นฉิวไปตามลม ต้องแทงหน้าอกของซูฮยอนได้อย่างแม่นยําและไม่พลาดเป้าชัยชนะจึงอยู่ใกล้แค่เอื้อม
<<ฉันคือผู้ชนะ….>>
ฉีก!!
จังหวะที่ปลายหอกจี้จรดแทงทะลุหน้าอกซูฮยอน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
[ร่างแยกเงา]
ร่างกายซูฮยอนพร่าเลือนหายไปจากครรลองสายตา ชัยชนะที่เคยวาดฝันไว้ปลิดปลิวไปกับสายลมอ่อนๆ
<<อะไรกัน?>>
ฉัวะ!!
ทันใดนั้นกอร์ดอนโรฮันสัมผัสได้ว่าแผ่นหลังเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ร่ายกายโงนเงนและเริ่มทรุดฮวบลง
“แม่งเอ๊ย มองไม่เห็นโว้ยยยย!”
“ข้างในเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
แสงสว่างที่แผ่กระจายออกมาทําให้ผู้คนหรี่ดวงตาลงโดยอัตโนมัติ พวกเขาใช้มือวางเกยไว้บริเวณหว่างคิ้วแล้วพยายามพิศดูการต่อสู้ในสนามแข่งขัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็มองไม่เห็นสถานการณ์ข้างในอยู่ดี
แสงสว่างเจิดจ้าเกินไปจนสายตาสู้ไม่ไหว ผู้คนที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านนอกเชื่อว่าแสงที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของกอร์ดอนโรฮัน
<<พลังเวทย์ของเขาปกคลุมทั่วสนามไปหมดเลย สุดยอดเป็นบ้า!! >>
<<นี่สินะที่เรียกว่าความต่างชั้น ระหว่างฉันและเขา>>
แม้จะมองไม่เห็นว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้คนจํานวนไม่น้อยมั่นใจว่า กอร์ดอนโรฮัน ต้องเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน พวกเขาเชื่อสนิทใจว่าซูฮยอนไม่มีทางป้องกันหอกยักษ์พรรค์นั้นได้
“ทุกคนดูสิ มีคนยืนอยู่กลางสนามแข่งขันด้วย”
“มาทายกันขําๆดีกว่า นายคิดว่าคนที่ยืนอยู่กลางสนามเป็นใคร?”
“จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากกอร์ดอนโรฮัน ฉันโคตรมั่นใจเลยจะบอกให้”
“ฉันก็เทใจให้กอร์ดอนโรฮันเหมือนกัน”
“ผิดแล้ว!!” คนที่มีสายตาเฉียบคมกว่าใครเพื่อนตะโกนเสียงดังสนั่น
“ไม่ใช่กอร์ดอนโรฮัน แต่เป็น คิมซูฮยอน!!”
“คิมซูฮยอน?”
“อะไรนะ จะบอกว่า คิมซูฮยอน เอาชนะ กอร์ดอนโรฮัน ได้อย่างงั้นเหรอ?”
ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่บนอัฒจันทร์ผลุนผลันลุกขึ้นจากที่นั่งที่ละคน เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ในสนามแข่งขันให้จะแจ้ง ไม่นานพวกเขาก็มองเห็นภาพในสนามแข่งขันได้เต็ม 2 ตา
“เอาจริงดิ!!!”
“คิมซูฮยอนเป็นผู้ชนะ!”
ผู้คนที่ประจักษ์ความจริงโห่ร้องออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่สายตาพวกเขาเห็นคือกอร์ดอนโรฮันนอนราบไปกับพื้น โดยที่ซูฮยอนยืนมองพร้อมดาบที่เหน็บไว้ข้างเอว
“ให้ตายเถอะ น่าหงุดหงิดจริงๆ” กอร์ดอนโรฮันแค่นเสียงระบายความโกรธ สายตาของเขาค่อยๆเพ่งมองไปที่ซูฮยอนที่ยืนอยู่ปลายเท้า
“ฉันแพ้แล้ว”
“นายเกือบเอาชนะฉันได้แล้ว อีกแค่นิดเดียวเอง” ซูฮยอนกล่าว
“นายกําลังปลอบประโลมฉันอยู่เหรอ? ฉันรู้ดีคําว่านิดเดียวของนายไม่เป็นความจริง”
กอร์ดอนโรฮันยันตัวลุกขึ้นจากพื้น ซูฮยอนคิดอยากเอื้อมมือช่วยพยุงเขา แต่พอนึกให้รอบคอบปล่อยให้เจ้าตัวจัดการอิริยาบถเองน่าจะเข้าท่าที่สุด เพราะหากซูฮยอนยื่นมือเข้าช่วย อาจก ลายเป็นดาบสองคมและส่งผลเสียต่อศักดิ์ศรีของกอร์ดอนโรฮันซะเอง
“นายไม่ต้องปลอบใจฉันให้เสียเวลาหรอก…” กอร์ดอนโรฮันพึมพําพร้อมสายหัว
“แพ้ก็คือแพ้”
“พร้างัดปากไม่ออก แสดงว่านายก็คิดเหมือนฉันใช่ไหมล่ะ?”
“นั่นสินะ ผลตัดสินก็ออกแล้ว ปลอบใจไปก็เสียเวลาเปล่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คําพูดคําจาสมกับเป็นนายดี ตอนนี้ฉันเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นแล้วว่า เวลาพวกเขามองมาที่ฉัน พวกเขามีความรู้สึกยังไง นี้ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่าหลงตัวเอง ในเมื่อผลลัพธ์ประจักษ์ออกมาแล้ว ฉันคงทําอะไรไม่ได้ นอกจากก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้” กอร์ดอนโรฮันที่พึ่งลุกขึ้นยืนปรายตามองไปยังอัฒจันทร์ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“ซูฮยอน การแข่งขันต่อจากนี้ นายต้องชนะเท่านั้น เข้าใจไหม อย่าเสียท่าให้คนอื่นซะล่ะ”
“นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” ซูฮยอนจ้องลึกไปยังนัยน์ตากอร์ดอนโรฮันและผินหน้ามองผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
“ฉันชนะคนอย่างนายได้ คงไม่เสียรู้ให้ใครง่ายๆหรอก”