การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 78
ตอนที่ 78
สิ้นคําปฏิญาณของซูฮยอน ชุดเกราะที่กระเด็นไปกองอยู่ข้างทาง ก็กลับมารวมตัวเป็นรูปร่างของอัศวินเกราะเหล็กอีกครั้ง….
ปัง ปัง
ทุกๆครั้งที่อัศวินเกราะเหล็กกระโจนเข้าโจมตีซูฮยอน พวกมันจะโดนดาบแกรมโจมตีส่วนกลับไปเสมอ พวกมันไม่สามารถสัมผัส แม้แต่ปลายเส้นผมของเขา…
อัศวินเกราะเหล็กทุกตัวส่วนใหญ่มีอาวุธประจำกายไม่ว่าจะเป็น ดาบ หอก และ ขวาน…
ยิ่งไปกว่านั้น…การเคลื่อนไหวของบรรดาอัศวินเกราะเหล็กเหมือนถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพราะการเคลื่อนไหวของพวกมันพริ้วไหวไม่มีติดขัด
ตอนที่พวกมันยังมีลมหายใจอยู่ แสดงว่าพวกมันต้องเคยเป็นทหารชั้นชั้นเลิศมาก่อน…
ในหมู่อัศวินเกราะเหล็กมีบางตัวสามารถใช้พลังเวทย์ได้ ทำให้ซูฮยอนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ…
ยิ่งซูฮยอนเดินเข้าไปใกล้ๆกับดุลลาฮานมากขึ้น อัศวินเกราะเหล็กที่เชื่องช้ากลับตอบสนองเร็วขึ้น เหมือนกำลังพยายามอารักขาผู้เป็นนายสุดชีวิต
“ดูท่าทางอัศวินเกราะเหล็กจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป”ซูฮยอนคิด
อัศวินเกราะเหล็กส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่บุคคลธรรมดา แต่น่าจะเป็นทหารที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่การเคลื่อนไหวที่เป็นระเบียบแบบนี้แน่…จากการคาดเดาของซูฮยอน ในอดีตพวกเขาต้องสังกัดอยู่ในกองทัพที่แสนเกรียงไกร…
“อืม..หรือว่าฉันจะคิดมากไป ไม่แน่บางทีพวกเขาอาจได้พลังมา หลังจากเสียชีวิตก็ได้”
อัศวินเกราะเหล็กแต่ละตัว ไม่มีตัวไหนเลยที่มีความแข็งแกร่งไกลเคียงกับการเป็นมอนสเตอร์ของดันเจี้ยนระดับสีเขียว พวกมันถูกซูฮยอนจัดการได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวและรำคาญ คือ จำนวนและพลังเวทย์ที่พวกมันปล่อยออกมา…
ฉัวะ
ซูฮยอนตัดชุดเกราะด้วยดาบแกรมภายในมือ จนทำให้ร่างของอัศวินเกราะเหล็กขาดครึ่ง
ทว่าเรื่องไม่คาดฝันก็เกินขึ้น อัศวินเกราะเหล็กที่ขาดครึ่งกลับลุกขึ้นมากอีกครั้ง และเหวี่ยงดาบโจมตีไปหาซูฮยอนอีกครั้ง..
“หืม…เป็นไปได้ไหมว่า อักขระที่สลักเอาไว้อยู่กลางหน้าอก ถูกเปลี่ยนที่แล้ว?”
ปัง
ซูฮยอนปล่อยหมัดออกไปด้านหน้าเพื่อทำลายชุดเกราะให้สิ้นซาก เมื่อชุดเกราะถูกทำลายจนปนปี้ เขาก็หยิบมันขึ้นมาตรวจสอบอุปกรณ์วิเศษที่ติดตั้งเอาไว้ภายใน….หลังจากอักขระเวทย์ภายในชุดเกราะถูกทำลาย อัศวินเกราะเหล็กก็แน่นิ่งอยู่กับที่ ไม่ยอมเคลื่อนไหว….
“ฉลาดใช้ได้เหมือนกันนี่”
ซูฮยอนอดเป็นห่วงผู้ตื่นขึ้นที่อยู่ด้านล่างไม่ได้ ชุดเกราะทุกตัวมีแข็งแรงทนทาน ดังนั้นการทำลายชุดเกราะจึงยากตามไปด้วย…ที่สำคัญอุปกรณ์วิเศษที่ติดตั้งเอาไว้ภายใน
ยังอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน หากอยากทำลายชุดเกราะให้ได้โดยสมบูรณ์ ต้องทำลายอุปกรณ์วิเศษและอักขระเวทย์ที่สลักเอาไว้ภายในด้วย..
แต่การหาตำแหน่งอุปกรณ์วิเศษมันเสียเวลามากเกินไปและเสียเรี่ยวแรงโดยไม่จำเป็น
“งั้นก็…”
ซูฮยอนตวัดดาบไปโจมตีอัศวินเกราะเหล็กที่กำลังเข้ามาประชิดตัว..
ตูม
ดาบของซูฮยอนตัดเข้าไปที่ข้อต่อของชุดเกราะแบบพอดีเป๊ะๆ จนทำให้ชุดเกราะระเบิดเป็นจุน
เขายังคงเคลื่อนที่ไปมาเพื่อไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในวงล้อมของอัศวินเกราะเหล็ก…ทุกครั้งๆที่พบข้อต่อของชุดเกราะ ดาบแกรมในของซูฮยอนจะโจมตีไปยังจุดนั้นเสมอ ยิ่งบวกกับสกิลเพลิงพิโรธไปด้วย ทำให้ชุดเกราะไม่อาจทนทานความร้อนได้ สุดท้ายมันก็ระเบิดออกมาจากภายใน…
ซูฮยอนไม่จำเป็นต้องฝ่าชุดเกราะทุกตัว เพื่อตามหาตำแหน่งอุปกรณ์วิเศษ
สิ่งสำคัญที่ทำให้ชุดเกราะเคลื่อนที่เองได้ เป็นเพราะอักขระเวทย์ หากเขาทำลายมันจากภายในได้.. มันจะผ่อนแรงของเขาไปเยอะมากๆ
[วิเศษ วิเศษยิ่งนัก]
แปะ แปะ แปะ
ดุลลาฮาน ที่นั่งชมการต่อสู้จากระยะใกล้ๆ ลุกขึ้นมาตบมือ จนเสียงเหล็กหนักๆกระทบกันดังลั่นไปทั่วบริเวณรอบๆ มันยันกายลุกขึ้น ก่อนก้มหน้าลงไปโค้งคำนับซูฮยอนด้วยความนับถือ
[เจ้าแตกต่างจากอัศวินข้างกายของข้าจริงๆ เจ้าสมควรเป็นอัศวินที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือทักษะการต่อสู้ อัศวินของข้าเทียบเจ้าไม่ได้]
เสียงปรบมือสรรเสริญความสามารถของซูฮยอน ทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่าง และจ้องมองไปยังดุลลาฮาน
สำหรับซูฮยอนคำสรรเสริญของดุลลาฮาน เป็นคำพูดที่ไม่อยากได้ยิน…
แต่คำพูดของมันกลับทำให้เขานึกอะไรบ้างอย่างออก..
“ฉันก็สงสัยมาตั้งนาน ว่าแกรู้ว่าฉันมีความแข็งแกร่งได้อย่างไง แสดงว่าแกแอบเฝ้าดูการต่อสู้ของฉัน ตอนที่อยู่ข้างลางมาตั้งนานแล้วสินะ”ซูฮยอนถาม
ดุลลาฮานนิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามของเขา…
“เหมือนฉันจะเดาถูกนะ ฉันรู้ว่าแก แอบมองการต่อสู้ของฉันผ่านอัศวินเกราะเหล็กโดยใช้จิตวิญญาณ ใช่ไหม?”
แม้จะผ่านมานานดุลลาฮานก็ยังอยู่เฉยๆไม่ยอมพูดเหมือนเดิม
ซูฮยอนอดจินตนาการไม่ได้ หากดุลลาฮานมีใบหน้า หน้าตาของมันตอนนี้คงแสดงอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่ๆ..
“เป็นอะไรไป ทำไมอยู่ๆก็เงียบไป? อะ จริงสิแกไม่มีสมองนี่น่า แกคงไม่รู้จะพูดอะไรออกมาสินะ รู้อะไรไหมแกมันโง่ยิ่งกว่ามอนสเตอร์อีก”ซูฮยอนแอบพูดเหน็บแนม
[เจ้ากล้าพูดหยามเกียรติอัศวินด้วยกันได้เช่นไร ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก]
“แล้วแกละ ยกอัศวินมาทั้งฝูงเพื่อต่อสู้กับคนๆเดียว แกไม่ละอายตัวเองเลยหรือไง”
ซูฮยอนมองไปที่ดุลลาฮาน ก่อนเริ่มเดินเข้าไปใกล้อีกรอบ
“ในเมื่อแกไม่อยากสู้กับฉัน แกก็ยืนดูอยู่ตรงนั้นเถอะ แกรอชมฉันบดขยี้อัศวินที่สร้างขึ้นมาจากเศษเหล็กได้เลย หากฉันบดขยี้พวกมันหมดเมื่อไหร่ ฉันจะเอาไปชั้งน้ำหนักขาย หวังว่าคงได้ค่าขนมบ้าง”
[คุณใช้สกิลยั่วยุ ศัตรูที่อยู่รอบๆจะมองคุณเป็นคู่ต่อสู้]
หลังจากใช้สกิลยั่วยุ อัศวินเกราะเหล็กก็พุ่งโจมตีซูฮยอนโดยไม่กลัวตาย
ดุลลาฮานที่แอบวางแผนเอาไว้อย่างลับๆว่าจะเผาผลาญพลังกายของซูฮยอนไปอย่างช้าๆ อยู่ๆมันก็ตระหนักได้ว่ามีอะไรผิดปกติ มันจึงตะโกนสั่งการอัศวินเกราะเหล็กด้วยความตกใจ
[อัศวินของข้า หยุดอยู่กับที่ซะ รักษารูปขบวนไว้]
แต่อัศวินผู้จงรักถักดีกลับไม่ยอมฟังคำบัญชาจากดุลลาฮาน เพราะมันโดยสกิลยั่วยุควบคุมสติสัมปชัญญะ ทำให้มันทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง..
ฉัวะ ฉัวะ
ตูม ตูม
ร่างกายของซูฮยอนปะทุเปลวเพลิงออกมา ก่อนเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว จนสายตาเปล่าๆมองไม่ทัน
ขนาดอัศวินเกราะเหล็กนับร้อยยืนรายล้อม ยังตามการเคลื่อนไหวของซูฮยอนไม่ได้…
ซูฮยอนโจมตีไปยังข้อต่อของชุดเกราะเหมือนเดิม และปล่อยสกิลเพลิงพิโรธให้วิ่งแล่นไปตามใบดาบอย่างช้าๆ….ไม่นานอักขระเวทย์ที่สลักเอาไว้ภายในก็ถูกเปลวเพลิงเผาทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม..
อัศวินเกราะเหล็กที่ไม่มีวันตาย เมื่อสิ้นอักขระเวทย์ พวกมันก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเหมือนเศษเหล็กไร้ประโยชน์
[ไม่!!! เป็นไปไม่ได้]
ดุลลาฮานทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้…..
ดั่งที่ซูฮยอนเคยพูดไปก่อนหน้านี้ ดุลลาฮานมีความสามารถพิเศษคือแบ่งปันความคิดและควบคุมอัศวินเกราะเหล็กโดยใช้จิตวิญญาณ ไม่ว่าอยากให้อัศวินเกราะเหล็กทำอะไร อัศวินเกราะเหล็กก็ต้องทำตาม โดยไม่อาจขัดขืน…พลังของดุลลาฮาน ถูกประทับลงไปบนชุดเกราะทุกตัว
สายตาของอัศวินเกราะเหล็กมองเห็นอะไร ดุลลาฮานก็มองเห็นไปด้วย….ดังนั้นไม่แปลกใจว่าทำไมดุลลาฮานถึงสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของซูฮยอนได้ เพราะมันแอบตรวจสอบมาตั้งแต่ด้านล่าง
ถึงแม้ความแข็งแกร่งของซูฮยอนจะน่ากลัว แต่ดุลลาฮานมีความมั่นใจ ว่าอีกฝ่าย ไม่น่าจะสู้กองทัพทั้งหมดของเขาได้…
คิ้ว!!!!
วุป วุป
ในขณะที่ซูฮยอนกำลังเพลิดเพลินไปกับการบดขยี้อัศวินเกราะเหล็ก มิรุที่หน้าหน้าที่ซัพพอร์ตอยู่ด้านหลัง ก็ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้มิรุอายุยังน้อย แต่หัวสมองของมันก็ไม่อาจดูถูกได้
ซูฮยอนไม่จำเป็นต้องบอก ว่าอยากได้การซัพพอร์ตจากมันหรือไม่ แค่พลังเวทย์ของเขาเหลือร่อยหรอ มิรุจะทำหน้าที่เป็นเด็กเติมพลังเวทย์ให้เองโดยอัตโนมัติ
“ขอบคุณมาก ลูกตัวชายตัวน้อย”ซูฮยอนพูด
คิ้ว!!!!!
มิรุร้องคำรามออกมาอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินคำชมของซูฮยอน..
การต่อสู้ที่ผ่านมาซูฮยอนกำจัดอัศวินเกราะเหล็กไปได้ประมาณ 100 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ เมื่อเทียบกับเวลา..
“ฉันต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอีก”ซูฮยอนคิด
ระหว่างที่ซูฮยอนกำลังคิดจะเพิ่มความเร็วในการจัดการกับอัศวินเกราะเหล็ก ด้านบนศีรษะของเขากลับมีดาบเล่มใหญ่ฟาดลงมา
ตูม!!!!!
อัศวินเกราะเหล็กที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อนกระโดนลงมาจากท้องฟ้า และฟาดดาบลงไปที่ศีรษะของซูฮยอน…เขาไม่เคยคิดมาก่อน ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าอัศวินตัวอื่นจะเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนี้
ซูฮยอนไม่ยอมกระโดดหลบ แต่เขากลับเลือกยกดาบแกรมขึ้นมาป้องกันเอาแทน…
ด้วยแรงปะทะและพื้นไม้ที่ทรุดโทรม ทำให้ดาดฟ้าเรือเกิดการถล่ม
ร่างกายของซูฮยอนตกลงไปด้านล่างของเรือ…พื้นที่โซนใหม่ที่ปรากฏออกมาให้เห็น
มันเป็นพื้นที่โล่งๆที่เหมาะแก่การเป็นสนามต่อสู้ แต่โชคร้ายที่ด้านล่างไม่มีแสงไฟ มันมืดจนมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง
ในเมื่อมีโชคร้ายย่อมมีโชคดีตามมา แม้ด้านล่างจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร แต่เพราะเพดานด้านบนพึ่งถล่มลงมา ทำให้มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย…
ทันทีที่ร่างกายของเขาตกถึงพื้น อัศวินเกราะเหล็กก็กระโดดตามลงมา…
ซูฮยอนรีบตะเกียกตะกายออกมาจากกองเศษไม้ และเตรียมพร้อมกับสำหรับการโจมตีรอบใหม่
“ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้าย แกจะยอมเคลื่อนไหว ฉันก็นึกว่าแกไม่อยากสู้กับฉันซะอีก”ซูฮยอนพูด
อัศวินเกราะเหล็กที่กระโดดตามลงมาด้านล่าง ไม่ใช่ลูกกระจ๊อกที่ซูฮยอนเคยสู้ แต่กลับกลายเป็นดุลลาฮาน แม่ทัพของอัศวินเกราะเหล็กทุกตน…
ร่างกายของดุลลาฮานมีความสูงถึง 3 เมตร แถมในมือของมันยังถือหมวกเล็กเอาไว้ เหมือนกับครั้งแรกที่เจอกัน…
ทุกย่างก้าวของดุลลาฮาน…อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์แห่งความมืด
ความหนาแน่นของพลังเวทย์ ต่อให้อัศวินเกราะเหล็กนับร้อยมายืนรวมกัน ก็เทียบไม่ได้กับดุลลาฮานเพียงตัวเดียว สมแล้วที่มันถูกเรียกขานว่าเป็น แม่ทัพของกองอัศวิน
เมื่อแม่ทัพของเหล่าอัศวินกระโดดลงไปด้านล่าง อัศวินเกราะเหล็กที่เหลือรอดอยู่ ก็พร้อมใจกันกระโดดตามไป….จนทำให้พื้นที่ ที่เคยกว้างขวางเริ่มแออัดไปด้วยกองกำลังอัศวินเกราะเหล็ก…
ซูฮยอนหันไปมองกลุ่มอัศวินเกราะเหล็ก ก่อนเปิดปากพูด “อืม…เหมือนหัวของแกจะฉลาดขึ้นมาอีกนิดหนึ่งนะ”
ความสามารถที่แท้จริงของดุลลาฮาน คือการแบ่งปันวิสัยทัศน์กับอัศวินเกราะเหล็ก ไม่ว่าอัศวินเกราะเหล็กจะรับรู้และเห็นอะไร ดุลลาฮานผู้เป็นนายก็ย่อมรับรู้ได้เช่นกัน…
พูดสรุปให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือ ดุลลาฮาน สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของซูอยอนได้ทุกทิศทาง…มันจึงกลายมาเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้การต่อสู้ตัวต่อตัวเป็นเรื่อง่ายสำหรับดุลลาฮาน
ที่ผ่านมา กองทัพอัศวินเกราะเหล็กสร้างบาดแผลให้กับซูฮยอนไม่ได้สักแผล หากปล่อยให้เรื่องราวดําเนินยังงี้ต่อไป คงไม่ดี….
ดังนั้นดุลลาฮานที่ชมการต่อสู้มาเนิ่นนาน จึงตัดสินใจกระโจนเข้าสู่สมรภูมิของจริง ก่อนที่กองทัพอัศวินเกราะเหล็กจะถูกซูฮยอนบดขยี้กลายเป็นเศษเหล็กมากกว่านี้….
แผนการที่ดุลลาฮานวางไว้ คือการเอากองทัพอัศวินเกราะเหล็กเข้าต่อสู้ไปเรื่อยๆ เพื่อกินพลังงานของซูฮยอนให้ได้มากที่สุด แต่เหมือนแผนการที่วางไว้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า
[อย่าได้ริอ่านดูถูกเหยียดหยามเกียรติยศของอัศวิน!!!!]
ดุลลาฮานเป็นฝ่ายแรกที่เปิดฉากโจมตีซูฮยอน ราวกับว่ามันโกรธเคืองซูฮยอนที่กล้าพูดดูถูกเหยียดหยามว่ามันไม่มีสมอง
แม้ขนาดตัวของดุลลาฮานจะใหญ่โตเหมือนยักษ์ แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ กลับไม่เชื่องช้า
ต่อให้ภายนอกชุดเกราะที่ดุลลาฮานสวมใส่อยู่จะดูบางเบา เอาเข้าจริงๆน้ำหนักของชุดเกราะต่อให้นักเพาะกาย 10 คน ร่วมแรงร่วมใจกันยกชุดเกราะ ซูฮยอนกล้ายืนยันเลยว่าไม่มีทางยกขึ้น..
ฉัวะ!!!
ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตทำให้ดุลลาฮานมีพละกำลังที่มากกว่าคนทั่วไป…
ทันทีที่ดุลลาฮานฟาดดาบไปทางซูฮยอน จุดที่เขาเคยยืนก็ถูกดาบของดุลลาฮานตัดขาดออกจากกัน
โชคดีที่ซูฮยอนกระโดดหลบการโจมตีนั้นพ้น..ไม่เช่นนั้น เขามีหวังกลายเป็นเนื้อบดแน่
เมื่อร่างกายเป้าหมายหายไป ดุลลาฮานก็รีบค้นหาเป้าหมาย ก่อนรีบวิ่งตามไปติดๆ
ปัง ปัง
ทุกครั้งๆที่ดาบของดุลลาฮานเข้าปะทะกับดาบแกรม ซูฮยอนจะเป็นฝ่ายที่กระเด็นถอยหลังกลับไป…
ซูฮยอนยอมรับจากหัวใจ อีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งจริงๆ ยิ่งผนวกกับพลังเวทย์แห่งความมืด พลังของดุลลาฮานจึงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า..
ฝีมือการออกดาบและท่าร่ายรําของดุลลาฮานก็ไร้ที่ติ ในตอนที่ดุลลาฮานมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะเป็นอัศวินที่มากฝีมือมาก่อน เพราะความสามารถทางดาบของดุลลาฮานเกินกว่าคำว่าพื้นฐานไปไกล
แต่ทว่า…
“พลังของแกทำได้แค่นี่เองเหรอ งั้นก็…”
[สกิลจำแลง : อิมูกิ]
เกล็ดของอิมูกิเริ่มโผล่ขึ้นมาจากชั้นผิวหนัง…ไม่นานร่างกายของซูฮยอนก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเกล็ดอิมูกิ
ยิ่งความชำนาญของสกิลเพิ่มมากขึ้น เกล็ดอิมูกิก็หนาขึ้นตามไปด้วย ตอนแรกมันขึ้นเฉพาะแขนและขา แต่ตอนนี้มันลามไปถึงบริเวณลำคอ…
“ฉันจะแสดงให้แกเห็นเอง ว่าพลังที่แท้จริงเป็นยังไง”ซูฮยอนพูด
[อะไรกัน?]
ดุลลาฮานสัมผัสได้ว่าอยู่ๆพลังของอีกฝ่ายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้มันเริ่มเกิดอาการลังเล
แต่สุดท้าย มันก็เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาซูฮยอนอยู่ดี…ชุดเกราะเหล็กขนาดใหญ่และพละกำลังอันมหาศาล ทำให้ดุลลาฮานมั่นใจความแข็งแกร่งของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด
ร่างกายดุลลาฮานไม่ได้ใหญ่โตเพียงอย่างเดียว แต่มันยังอัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์
ฉะนั้น ดุลลาฮานจึงไม่มีจำเป็นต้องหลบดาบของซูฮยอน…
ปัง!!!
ดาบเล็กๆที่ภายนอกดูเก๋ากึ๊กของซูฮยอนเข้าปะทะกับดาบใหญ่ของดุลลาฮานจนจุดที่ยืนอยู่เกิดแรงระเบิดของลม..
ตูม!!!
ดุลลาฮานโดนแรงระเบิด จนร่างของมันกระเด็นไปปะทะกับอัศวินเกราะเหล็กที่ยืนอยู่ด้านหลัง..
[เป็นเป็นไม่ได้!!!]
ดุลลาฮานทำใจเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยขนาดตัวและชุดเกราะเหล็กที่หนัก
มันไม่น่าทำให้ร่างกายที่ใหญ่โตของเขากระเด็นถอยหลังได้…
อัศวินเกราะเหล็กที่เห็นผู้เป็นนายล้มลงไปกองกับพื้น ต่างรีบวิ่งกรูเข้าไปหา แล้วพยุงให้แม่ทัพของพวกมันลุกขึ้น..
ตุบ ตุบ
หลังจากแรงระเบิดสงบลง ซูฮยอนก็เริ่นเดินไปหาดุลลาฮานด้วยตัวเอง….
ดุลลาฮานยกดาบใหญ่ขึ้นมาเตรียมพร้อมอีกครั้ง ในหัวของดุลลาฮานยังสลัดภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หลุด
“ดาบของแกแข็งแกร่งกว่าที่คิดอีก”ซูฮยอนพูด
ปัง!!!!
ดาบของแกรมของซูฮยอน เข้าปะทะกับดุลลาฮานอีกรอบ
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรก เพราะร่างกายของดุลลาฮานไม่ได้กระเด็นถอยหลังกลับไป ขาทั้ง 2 ข้างของมันยันพื้นเอาไว้สุดกำลัง จนขาที่แข็งแรงเริ่มสั่นคลอน
หากดุลลาฮานเป็นฝ่ายกระเด็นอีกรอบ การต่อสู้คงเป็นซูฮยอนที่เป็นฝ่ายชนะ แต่ผลแพ้ชนะไม่ได้วัดที่ใครกระเด็นก่อนกัน…
ฉัวะ ฉัวะ
ดาบใหญ่ของดุลลาฮานที่เข้าปะทะกับดาบแกรมมาตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง ในที่สุดดาบใหญ่ก็มาถึงขีดจำกัด ดาบที่แข็งแรงเริ่มปริแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…
ดุลลาฮานที่ไร้อาวุธ ก็พยายามกระโดนหนีตายไปแล้วสั่งการให้อัศวินเกราะเหล็กมาสู้แทน..
แต่มีหรือที่ซูฮยอนจะปล่อยให้มันหนีไปง่ายๆ
ในระหว่างที่ดุลลาฮานกำลังวิ่งหนี มันกลับรู้สึกว่าภาพการมองเห็นรอบๆเริ่มหยุดนิ่ง โดนไม่ทราบสาเหตุ…
ทั้งๆที่สติสั่งการให้วิ่ง แต่จากความรู้สึกของดุลลาฮาน รู้สึกได้ว่าร่างกายของมันหยุดอยู่เฉย ไม่ยอมขยับเขยื้อน…ทำให้มันใช้สกิลแบ่งปันวิสัยทัศน์กับอัศวินเกราะเหล็ก ก่อนบังคับให้มองไปที่ขาของตัวเอง
[หืม….?]
ขาทั้ง 2 ข้างที่เคยมี กลับถูกตัดหายออกไป 1 ข้าง เนื่องจากดุลลาฮานตายไปแล้ว ทำให้มันไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ดุลลาฮาน จะไม่รู้ว่าขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ขนาดดุลลาฮานใช้อัศวินเกราะเหล็กนับร้อยเฝ้าดูซูฮยอนอย่างใกล้ชิด มันก็ยังมองไม่ทัน ว่าซูฮยอนออกกระบวนท่าดาบออกมาตอนไหน?….
“ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง ต่อให้แกมีดวงตาอีกนับล้าน แกก็มองความเร็วของดาบฉันไม่ออกอยู่ดี”ซูฮยอนพูด
ซูฮยอนเดินไปหาดุลลาฮานอย่างช้าๆ เหมือนเทพเจ้าแห่งความตายกำลังเตรียมพร้องส่งดุลลาฮานกลับบ้านเก่า..
ปลายดาบแหลมๆ แทงทะลุไปที่หมวดเหล็กประจำตัวของดุลลาฮาน…
[ไม่.. อย่า..]
“ในเมื่อความหวังดีของแก คือการมอบความตายให้กับผู้อื่น”
“งั้น…ฉันก็ขอมอบความตายให้กับแกด้วยก็แล้วกัน”
วุป วุป
ตูม!!!
สกิลเพลิงพิโรธ ระเบิดออกมาจากดาบ ทำให้อักขระเวทย์ที่ฝั่งอยู่ภายหมวดเหล็กของดุลลาฮานถูกเผาทำลายจนสิ้นทุกอย่าง..
ไม่นานร่างกายของดุลลาฮานที่ดิ้นทุรนทุรายก็สงบลง….ซูฮยอนดึงดาบออกมาจากหมวดเหล็กและหันไปมองอัศวินเกราะเหล็กที่อยู่เหลืออยู่…
เมื่อแม่ทัพ ผู้คอยบ่งการอัศวินเกราะเหล็กเสียชีวิต อัศวินเกราะเหล็กก็ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่ยอมไปไหน เหมือนสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปเรียบร้อย
“ทำไมมันง่ายดายจัง? มีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่อีกหรือป่าว?”ซูฮยอนคิด
ดันเจี้ยนที่ซูฮยอนกำลังโจมตีอยู่เป็นดันเจี้ยนระดับสีเขียว ฉะนั้นความยากของมันควรมีมากกว่านี้
ตอนเข้ามาในดันเจี้ยนใหม่ๆซูฮยอนรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนสัญชาตญาณภายในกำลังแจ้งเตือนอะไรบางอย่าง..
“มีบ้างอย่างที่ไม่ชอบมาพากลจริงๆด้วย ไม่แน่ว่าที่ฉันอาจพลาดลายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่แสนสำคัญไป”
ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานเรือที่พังทลายลงมา จนมองเห็นทะเลที่ลายล้อมอยู่ด้านบน…
เขาลองเพ่งสายตาให้ดีๆ ก่อนพบกลุ่มก้อนอะไรสักอย่าง ลอยเคว้งคว้างอยู่ไกลๆและเริ่มเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ