การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86
อาคารสูงประมาณ 20 ชั้น ตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางใจเมืองลอสแอนเจลิส ด้านหน้าอาคารมีตัวอักษร [เมดอิแค็ล] สลักไว้อย่างประณีต สง่างาม….
อาคารแห่งนี้คือสำนักงานหลักของกิลด์เมดอิแค็ล ที่ผู้ตื่นขึ้นนับพันคนสังกัดอยู่..
จอชมุ่งหน้าไปยังกิลด์เฮ้าส์ด้วยความรีบร้อน ก่อนกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุดของสำนักงาน เพื่อพบหน้ากิลด์มาสเตอร์ โรเบิร์ต วิลเลียม เป็นการส่วนตัว
“กิลด์มาสเตอร์ ผมจอชเองครับ”
“เข้ามา”
หลังจากได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านใน จอชก็เปิดประตูอย่างเบามือและเดินเข้าไป…
ภายในห้องทำงานของกิลด์มาสเตอร์ มีความกว้างเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของห้องรับแขกในชั้นที่1 จะบอกว่าห้องทำงานของกิลด์มาสเตอร์กว้างกว่าทุกห้องในอาคารแห่งนี้ก็ว่าได้…
กิลด์มาสเตอร์โรเบิร์ยืนอยู่มุมห้อง พร้อมยืนเส้นยืนสาย ผ่อนคลาย โดยการตีกอล์ฟ ในมือของเขาจับไม้กอล์ฟเอาไว้และตั้งท่าเตรียมวงสวิง
“นายยืนรอก่อน ฉันขอตีลูกสุดท้าย”
ปัง…
ลูกกอล์ฟกลึ้งไปตามทางสนามตีกอล์ฟเทียมความยาวประมาณ 10 เมตร ก่อนตกลงไปในหลุมอย่างเป๊ะๆ…
โรเบิร์ตที่เห็นลูกกอล์ฟฝีมือตัวเองลงหลุมอย่างสวยงาม ก็พยักหน้าออกมาด้วยความพอใจ…
“นายต้อนรับแขกคนสำคัญของกิลด์เรา เสร็จแล้วใช้ไหม”
“เสร็จเรียบร้อยครับ รองกิลด์มาสเตอร์คิมซ็อกจินบินกลับประเทศไปก่อน ทิ้งให้พวกเขาอยู่สหรัฐอเมริกาเพียง 2 คน”
“รู้สึกจะชื่อคิมซูฮยอนใช่ไหม แรงค์ S หน้าใหม่ไฟแรง ที่เลื่อนระดับมาได้ไม่นาน ฉันได้ยินชื่อเสียงของเขามาเยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาเยือนกิลด์ของพวกเราถึงที่”
ผ่านมาได้ประมาณครึ่งปีหลังจากซูฮยอนขึ้นมาบนตำแหน่งแรงค์ S แต่ชื่อเสียงของเขากลับไม่ลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นกว้างขว้างไปทั่วโลก
แรงค์ S เป็นสิ่งที่ผู้ตื่นขึ้นทุกคนปรารถนา แต่การไปถึงความปรารถนานั่น กลับเต็มไปด้วยอุปสรรค
เหตุผลที่ชื่อเสียงของซูฮยอนโด่งดังไปทั่วโลก เพราะในบรรดาแรงค์ S ซูฮยอนมีอายุน้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นสถิติในแต่ละชั้น ยังแซงหน้า ทิ้งห่างผู้ตื่นขึ้นคนอื่นไม่เห็นฝุ่น
“ผมได้จัดสรรบ้านพักส่วนตัวให้พวกเขา หากท่านอยากไปพบ ท่านสามารถไปได้ทันที”
“ทำงานได้ดีมาก พวกเขามาที่นี่ทำไม? มาเที่ยว? หรือ มีเป้าหมายอื่น?”
“คือ…ท่านครับ.”
จอช อ้ำๆ อึ้งๆ ในสมองเริ่มคิดทบทวนว่าควรเขาแจ้งในกิลด์มาสเตอร์ทราบดีไหม
ส่วนทางด้าน โรเบิร์ต ก็กำลังอารมณ์ดี เขาฮัมเพลงพร้อมเก็บไม้กอล์ฟลงกระเป๋า
“ท่านครับ อีกฝ่ายบอกว่า สนใจอยากเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ที่กำลังเกิดขึ้นครับ”
“ดันเจี้ยนสีน้ำเงิน งั้นเหรอ”
“ใช่ครับ”
“อีกฝ่าย เป็นคนพูดก่อน?”
“ใช่ครับ ท่านครับผมคิดว่า เขาอาจสนใจหินอีเธอร์และไอเทมที่ถูกขุดพบในดันเจี้ยนก็ได้”
ไม่นึกมาก่อนว่าสถานการณ์จะกลับตาลปัตร…
ตามปกติฝ่ายของโรเบิร์ต ควรเป็นคนยื่นข้อเสนอให้ เพราะตอนนี้สหรัฐอเมริกาต้องการหาผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ช่วยเหลือพวกเขาโดยด่วนที่สุด เพื่อทดแทนผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ชาวอเมริกาที่ยังติดภารกิจสำคัญอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบ…
การโจมตีดันเจี้ยนสีน้ำเงิน พวกเขาต้องหาผู้ตื่นขึ้น เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 คน… หากหาได้จริงๆ จะสามารถการันตีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง..
อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือสหรัฐอเมริกา
ชาติมหาอำนาจผู้เป็นศูนย์รวมกองกำลังผู้ตื่นขึ้นที่มากที่สุดในโลก จนได้ฉายา [เบอร์ 1 ของโลก]
อเมริกาไม่เคยยืมมือของต่างประเทศเลยสักหน จนกระทั้งถึงตอนนี้…
เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่อยากเสียหน้า โดยการขอร้องแรงค์ S จากต่างประเทศให้มาเป็นกำลังสำรองของพวกเขา..
<<เราควรรอให้แรงค์ S ของอเมริกาออกมามาก่อนดีหรือป่าว>>
ซูฮฺยอนเลือกเวลามาเยือนอเมริกาได้อย่างเหมาะเจาะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดันเจี้ยนสีน้ำเงินหรือป่าว ทำให้เขาถ่อมาถึงอเมริกา…
<<อืม…ถ้าเป็นอย่างที่จอชกกล่าวมาจริงๆ ภาพรวมก็ไม่ได้แย่อะไร>> โรเบิร์ตคิด
อย่างน้อยอเมริกาก็ไม่ได้ร้องขออีกฝ่ายให้ช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับยื่นมือมาหาพวกเขาเอง..
<<แต่ปัญหาคือ….>>
โรเบิร์ตครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนดวงตาที่ขุนมัวจะสว่างระยิบระยับ
“ใช่แล้ว การร่วมมือยังไงหล่ะ ทำไมฉันถึงพึ่งคิดได้กันนะ”
“ท่าน?”
“นายบอกว่า อีกฝ่ายเป็นคนสนใจดันเจี้ยนก่อนสินะ”
“ใช่ครับ ท่านเข้าใจถูกต้อง”
“งั้นก็พอมีหนทางอยู่บ้าง…”
“ท่านหมายถึงอะไรครับ?”
โรเบิร์ตไม่ตอบคำถามของจอช เขาจมสู่ห่วงความคิดอีกรอบ…
เมื่อจอชเห็นท่าทางของกิลด์มาสเตอร์ดูจริงจัง ผิวพรรณที่ขาวอยู่แล้วกลับซีดลง..
“ท่านครับ มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอครับ? ทางเราต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริงๆเหรอ?”
“ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง ไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างจะเรียบร้อย ที่นี่ไม่ใช้ประเทศเกาหลี แต่เป็นสหรัฐอเมริกา ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่มาขอร้องพวกเรา ยังอายุน้อยอยู่เลยไม่ใช่เหรอไง หมายความว่าอีกฝ่ายยังขาดประสบการณ์ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกแห่งความจริงมันโหดร้ายแค่ไหน”
“แต่ว่า….”
“ไม่มีแต่ ไปกันได้แล้ว” โรเบิร์ตจับไหล่จอช ก่อนพาเดินออกไปนอกห้อง
“ในเมื่อมีคนมาให้ยืมแรงถึงที่ ปล่อยทิ้งไว้คงเสียของแย่”
**************************
“ขออภัยสหายจากต่างแดนที่มาทักทายช้า ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ โรเบิร์ต วิลเลียม เป็นกิลด์มาสเตอร์เมดอิแค็ล”
ภายในห้องรับแขก ซูฮยอนและฮักจุนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรเบิร์ต
ถัดจากกิลด์มาสเตอร์โรเบิร์ตเป็นจอชที่มีสีหน้าอึกอัด หากไม่โง่เกินไป ก็เดาได้ง่ายๆว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่าง 2 คนนี้
ซูฮยอนยืนมือขวาออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและกว่าแนะนำตัว “ผมชื่อคิมซูฮยอน ส่วนคนข้างๆชื่อว่า ชเวฮักจุน ภาษาอังกฤษของพวกเราไม่ค่อยดี หวังว่าคุณไม่ถือสานะ”
“ไม่หรอก ยินดีที่ได้รู้จัก”
โรเบิร์ตจับมือซูฮยอนเป็นคนแรก ฮันจุนเป็นคนที่สอง
เมื่อการทักทายที่แสนรื่นรมย์ผ่านพ้นไป โรเบิร์ตก็หุบรอยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“พวกเราทักทายกันมาพอหอมปากหอมคอดีกว่า เข้าหัวข้อหลักกันเลยดีไหม? ได้ยินว่ามาคุณอยากเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน?”
“ใช่ครับ ผมอยากท้าทายมันเต็มแก่ คุณไม่เห็นเหรอว่าจิตวิญญาณแห่งการต้องสู้ของผมกำลังลุกโชนขึ้น เนื่องจากมันเป็นดันเจี้ยนสีฟ้าแห่งแรกของโลก ทำให้ผมอยากลองดูสักครั้ง”ซูฮยอนตอบกลับ
“จากมุมมองของผม ข้อเสนอของคุณฟังดูดี แต่มีบางเรื่องที่ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่างที่คุณทราบดี เราในฐานะผลเมืองอเมริกา ไม่เคยขอความช่วยเหลือผู้ตื่นขึ้นจากต่างประเทศเลยสักครั้ง”
โรเบิร์ตตั้งใจพูดลากยาว เพื่อบอกเป็นนัยๆว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมากในการยอมรับข้อเสนอของซูฮยอน
เพื่อให้คำพูดดูสวยหรูและดูมีหลักการ โรเบิร์ตไม่ลืมทำสีหน้าในดูจริงจัง…
“คำพูดของคุณซูฮยอน ทำให้ทางเราต้องชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างไรก็ตามหากคุณซูฮยอน ยินยอมข้อเสนอจากทางเรา พวกเราสามารถช่วยคุณ ให้เข้าร่วมการโจมตีได้”
“คุณพูดว่า [ยินยอม] หมายถึงอะไร?”
“ง่ายมาก คุณซูฮยอน คุณพร้อมลงตกเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนในฐานะตัวแทนของกิลด์เมดอิแค็ลหรือป่าว ถ้าคุณตกลง ทางเราสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณได้ทันทีและสุดความสามารถ ส่วนการแบ่งปันไอเทม กิลด์เมดอิแค็ลขอมั่นสัญญา ว่าไม่มีการปิดบัง พวกเราจะแจกจ่ายอย่างเป็นกลางและโปรงใส่”
“อ่า…”
ซูฮยอนพยักหน้าเบาๆ โรเบิร์ตที่เห็นภาพนั้นอดยิ้มออกมาไม่ได้
<<กะไว้แล้ว>>
ไม่แปลกใจ ทำไมโรเบิร์ตถึงกลายมาเป็นผู้ตื่นขึ้นที่รำรวยที่สุดในโลก เพราะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพรายของเจ้าตัว นอกจากได้กำลังเสริมโจมตีดันเจี้ยน พวกเขายังได้เงินมาโดยไม่ต้องเปรื่องแรงอีกต่างหาก
สีหน้าที่เฉยเมยของซูฮยอน เปลี่ยนเป็นสีหน้ามืดมน
“อย่างงี้นี้เอง….”ซูฮยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ของอเมริกา ชอบทำนายบนหลังคนสินะ”
“หืม….?”
“ผมหมายถึง พวกคุณกำลังของมองหาผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มาช่วยจัดการดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมการโจมตีดันเจี้ยนถึงมีข้อเสนอบ้าๆมาขั้นกลางด้วย คุณพูดเหมือนกับว่าผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ของอเมริกาทุกคนหยุดพักร้อนอยู่บ้านกันหมดอย่างงั้นแหละ? ช่วยพาผมไปหาเยี่ยมพวกเขาหน่อยสิครับ ผมอยากรู้ว่าพวกเขาอยู่บ้านของตัวเองจริงไหม?”
“อย่าใจร้อนสิครับ คุณซฮยอน…”
ทำไมถึงกลายเป็นอย่างงี้ไปได้….
โรเบิร์ตไม่นึกมาก่อน ว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเช่นนี้ สมองของโรเบิร์ตหมุนวนด้วยความเร็ว เพื่อคิดว่าวิธีเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง..ดวงตาของเขากรอก ซ้าย ขาว ไปมา….
ซูฮยอนไม่อยากเสียเวลาเปล่า เขารีบพูดต่อ “2 คน”
ก๊อก ก๊อก
“จากข่าวที่ได้ยินมา อเมริกาเหลือผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เพียง 2 คนไม่ใช่เหรอ ที่สามารถโจมตีดันเจี้ยนในช่วงเวลานี้ได้”ซูฮยอนพูดพร้อมแคะโต๊ะเป็นจังหวะ
“แต่คุณกลับ…”
โรเบิร์ตไม่รู้จะ [สรรหา] คำพูดอะไรไปตอบโต้อีกฝ่ายดี ถ้าเขาพูดออกไป มันก็เหมือนกับว่าเขายอมรับว่าคำพูดของซูฮยอนไปโดยปริยาย
แม้โรเบิร์ตจะไม่พูด แต่ดูเหมือนซูฮยอนจะรู้การเคลื่อนไหว ผู้ตื่นขึ้นในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี…
“ก่อนที่ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินจะปรากฏออกมา ผมได้ตรวจสอบข้อมูลอะไรมานิดหน่อย อย่างที่พูดไปตอนแรก ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ของอเมริกา มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ว่าง ผมพูดถูกไหม? แรงค์ S ทุกคนบนโลกต่างถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ ต่อให้คุณไม่ตอบ ผมยังมั่นใจว่า แรงค์ S เหลืออยู่ 2 คนจริงๆ”
ซูฮยอนมองตาของโรเบิร์ต ที่มีท่าที่เหมือนคนสะลึมสะลือ เขาไม่ยอมโต้ตอบเลยแม้แต่คำเดียว ไม่รู้ว่าในคอมีคอนไม้กว้างอยู่หรือป่าว…
“การโจมตีดันเจี้ยนระดับสีเหลือง ต้องใช้ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A 2 คนหรือน้อยสุด 1 คน ส่วนแรงค์ B แล้วแต่หัวทีมจะสรรหา”
“ทำไมจู่ๆ คุณถึง…..”
ซูฮยอนไม่ปล่อยในโรเบิร์ตพูดจบประโยค เขารีบพูดแทรก
“การโจมตีดันเจี้ยนสีระดับเขียวนั้น ต้องมีแรงค์ S อย่างน้อย 1 คน ส่วนแรงค์ A และ B ต้องมากกว่าดันเจี้ยนเหลือง ด้วยอัตราส่วนที่เพิ่มมากขึ้นตามระดับความยาก คุณลองคิดดู ว่าการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ต้องใช้กำลังพลมากแค่ไหน?”
อึก!!!!
โรเบิร์ตพยายามหลบเลี่ยงสายตาของซูฮยอน…
สมองของเขาเหมือนถูกแช่งแข็ง…
<<เดี๋ยวก่อนนะ ฉันฝันอยู่หรือป่าว>>
สถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ ช่างแค่ต่างจากจินตนาเสียจริง
เขาไม่เพียงล้มเหลวในการรับมือพวกเด็กอมมือ แต่เขายังพลาดท่าให้อีกฝ่ายไล่ต้อนจนมุม..
โรเบิร์ตไม่เคยคิดมาก่อน ว่าซูฮยอนจะรู้การเคลื่อนไหวผู้ตื่นขึ้นของอเมริกาอย่างดีเช่นนี้
“ผมว่าพวกเราคงต้องยุติการพูดคุยไว้แต่เพียงเท่านั้น เหมือนผมคิดผิดเองที่เลือกติดต่อกิลด์ของคุณ”ซูฮยอนพูด
“ใจเย็นๆก่อนครับ เหมือนคุณจะเข้าใจอะไรผิดไป”โรเบิร์ตสะดุ้งเฮือก และยืนมือไปจับไหล่ของซูฮยอนที่กำลังลุกขึ้น
อารมณ์ของซูฮยอนเหมือนภูเขาไฟที่พร้อมปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ ดวงตาที่แสนเยือกเย็นจับจ้องไปยังโรเบิร์ต
“เรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ?”
โรเบิร์ตรับรู้เจตนารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงรีบแก้ไขคำพูด…
“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด แต่มันเป็นข้อผิดพลาดของทางผมเอง”
“ข้อผิดพลาด? คุณมั่นใจ?”
“ผมต้องขอประทานโทษคุณจริงๆที่พูดแบบนั้นออกไป แต่เพราะคุณไม่ใช่พลเมืองอเมริกา…”
“แต่นั้น แต่นี้ อยู่ได้….”
คำว่า แต่ ของโรเบิร์ต เป็นคำที่เขาเกลียดมากที่สุด
ใบหน้าของซูฮยอนบูดบึ้งไม่พอใจ แต่ไม่นานกลับยิ้มออกมาอย่างสดใส..
รอยยิ้มของซูฮยอน ทำให้ผู้มองรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี..
“ช่างเถอะ ผมจะทำว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกินขึ้น พวกเรามาคุยรายละเอียดกันต่อดีกว่า”
“ขอบคุณที่เข้าใจ ถ้าอย่างงั้น…”
“แต่ผมมีข้อแม้ คุณต้องยอมรับข้อเสนอของผม”
“หืม?”
เป็นไปได้หรือไม่ที่ซูฮยอนอยากแก้แค้นกลับ โรเบิร์ตทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากยอมอ่อนข้อในอีกฝ่าย
“เชิญคุณเสนอมาได้เลย”
“ก่อนอื่นเลย…”
เมื่อได้ยินข้อเสนอของซูฮยอน สีหน้าของโรเบิร์ตแปรเปลี่ยนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า..
ผิวพรรณที่เคยสดใสเริ่มหม่องคล้ำลง อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเริ่มกัดกินจิตใจของเขา
ตอนที่โรเบิร์ตมาทักทายซูฮยอนเป็นครั้ง เขาร่าเริงกว่าทุกวัน แต่ปัจจุบันความร่าเริงกลับถูกแทนที่ด้วยความโกธร…
เมื่อการถกเถียงสิ้นสุด โรเบิร์ตเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“ข้อเสนอขอคุณ ทำให้ทางเราได้รับความเสี่ยงมากเกินไป”
“คุณไม่เคยได้ยินคำว่า ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนยิ่งสูงตามบ้างเหรอ ว่ากันตามจริงคนที่เสียเปรียบเป็นผมมากกว่า คุณเห็นด้วยไหม?”ซูฮยอนพูด
“จริงอย่างที่คุณพูด แต่ว่า…”
“คุณกลัว?”
คำพูดดูหมิ่นของซูฮยอน ทำให้ห่างคิ้วของโรเบิร์ตขมวดขึ้น
ซูฮยอนและโรเบิร์ตจ้องตากันและกัน….
“สิ่งที่พวกเราทำอยู่ คือการเดิมพันหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการพนัน หากมีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ของอเมริกาออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบ ผมจะทำงานร่วมกับกิลด์เมดอิแค็ลฟรี โดยไม่คิดเงิน แต่ถ้าไม่มีคนกลับมา..”
“ผมรู้ ถ้าไม่มีคนกลับมา พวกเรากิลด์เมดอิแค็ลจะต้องทำตามข้อเสนอของคุณทุกอย่าง และของรางวัลที่ถูกมอบให้กับกิลด์เมดอิแค็ลทั้งหมด จะตกเป็นของคุณ”
พูดจบ โรเบิร์ตก็จมลงสู่ก้นบึ้งความคิดอันไร้ขอบเขต…
การเดิมพันระหว่างซูฮยอน มีโอกาสที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะสูงมาก เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ขอแค่ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S สัญชาติอเมริกาออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบ ผลการตัดสิน [ชนะ] จะเป็นของเขา
คำว่า ความเสี่ยงสูงผลตอบแทนยิ่งสูง เป็นคำที่ใช่เปรียบเทียบได้ถูกต้อง ก่อนที่โรเบิร์ตจะตัดสินใจเดิมพันกับซูฮยอน เขาลองสอบถามความคิดเห็นจากสมาชิกคนอื่นๆภายในกิลด์บางคน ซึ่งส่วนใหญ่ลงมติ ว่ายอมรับการเดิมพัน…
<<ขอล่ะ ถ้าพระเจ้าฟังอยู่ ได้โปรดประทานผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S กลับมากสักคนเถอะ>>
หากมีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S สัญชาติอเมริกา กลับมาจากหอคอยแห่งการทดสอบ กิลด์เมดอิแค็ลคงถูกพลเมืองชายอเมริกายกย่องให้กลายเป็นวีรบุรุษของชาติ เพราะพวกเขาสามารถจัดหาผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จากต่างประเทศมาช่วยเหลือได้ โดยไม่เสียเงินสักแดง
<<บางที่การตัดสินใจของฉัน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าฉันชนะการเดิมพัน เท่ากับว่าฉันได้แรงงานมาใช้ฟรีๆ>>
อนาคตข้างหน้าขึ้นอยู่กับผลการเดิมพัน…
โรเบิร์ตเป็นคนมองโลกในแง่ดี เขาเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภอยู่ข้างเขา แต่โชคร้ายต่อให้ขอพรกับนางฟ้าบนสวรรค์จนคอแหบคอแห้ง สุดท้ายผลการเดิมพัน ก็ไม่เป็นดั่งที่ปรารถนาไว้..
<<สงบจิต สงบใจ ไว้ตัวฉัน ห้ามหัวเราะเด็ดขาด>>ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนพยายามอย่างหนัก ให้ปากที่กำลังเผยอยิ้ม หุบลง…
การเดิมพันของเขาและกิลด์เมดอิแค็ล คนไม่มีสมองยังมองออก ว่ายังไงซูฮยอนก็มีแต่เสียกับเสีย… ฝ่ายแพ้คงหนีไม่พ้นซูฮยอน กิลด์เมดอิแค็ลมีแต่ได้ผลประโยชน์ฝ่ายเดียว…
มันเหมือนกับการเอาไข่ไก่ 1 ใบ มาปาลงหินแล้วเดิมพันว่าไข่จะแตกหรือไม่…
ในฐานะที่ซูฮยอนมีชีวิตมาแล้ว 2 ชาติ เรื่องในอนาคตทำไมเขาจะไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงกล้าเดิมพันหมดหน้าตัก…
การพนันครั้งนี้ ชัยชนะคงหนีไม่พ้นน้ำมือเขา
“พูดแค่ลมปาก คงไม่มีความน่าเชื่อถือ พวกเรามาทำสัญญากันดีกว่า คนกลางเอาเป็น….”
การโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน…
ซูฮยอนจินตนาการไว้ ว่าการข้อเข้าร่วมการโจมตีคงเป็นไปด้วยอุปสรรค แต่พอถึงหน้าสถานการณ์จริง ทุกอย่างกับเป็นใจ ต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือจากกิลด์เมดอิแค็ล ที่ทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย…
<<เสร็จฉันละ เจ้าโง่น้อย>>
ระหว่างก้มหน้าเซ็นลงนานในสัญญา พวกเขาทั้งคู่ต่างก่นด่า อีกฝ่ายภายในใจ..
สัญญาฉบับนี้ กำหมดให้มีคนโง่เพียงหนึ่งคนเท่านั้น…..
****************
10 วันผ่านไป ไวเหมือนโกหก…
นอกจากผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ชาวอเมริกา 2 คน ที่ว่างอยู่ก่อนหน้า ก็ไม่มีแรงค์ S คนใหม่ ก้าวออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบอีกเลย…