การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 90
ตอนที่ 90
ผู้ตื่นขึ้นหน่วยก้านบึกบึนดูมีกําลังวังชาเกือบ 100 คน เดินเหยียบย่ำอยู่บนพื้นดินเหนียวเหนอะหนะ ลักษณะคล้ายๆโคลนตม จากความรู้สึกของฮักจุนเหมือนเขาไม่ได้เหยียบโคลนตม แต่กำลังเหยียบตะปูเรือใบมากกว่า…
<<เฮ้อ…อึดอัดเป็นบ้า คนอื่นมีคู่คุย แต่ฉันกลับเป็นหมาหัวเน่าอยู่คนเดียว>>
หลังจากเหตุการณ์ตรงจุดแวะพัก สายตาจอร์แดนที่มองฮักจุนฉันมิตรก็เปลี่ยนแปลงไป เหตุใดสายตาจอร์แดนถึงเปลี่ยนไป ต้องมาจากสาเหตุการหายตัวไปของซูฮยอนอย่างไม่ต้องสงสัย..
<<พี่เขาแอบปลีกตัวไปไหนกันแน่?>>
แรงค์ S อีกคนก็หายตัวไปพร้อมกับซูฮยอนเหมือนกัน…ทีมโจมตีดันเจี้ยนตัดสินใจยืนรอพวกเขานานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็ไร้วี่แววการกลับมาเลยสักคน ราวกับว่าพวกเขาไปแล้วไปลับ..
ในที่สุดจอร์แดนก็หมดความอดทน เขาตัดสินใจละทิ้งแรงค์ S 2 คนที่หายตัวไป และสั่งผู้ตื่นขึ้นเดินหน้าต่อ..
เนื่องจากฮักจุนไม่รู้ว่าดันเจี้ยนแห่งนี้มีอันตรายอะไรซ่อนอยู่ ไปคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องดี คงมีแต่คนสมองกลวงกล้าบ้าบิ่นไปคนเดียว
เขาจึงไม่มีตัวเลือกอื่น นอกจากติดสอยห้อยตามจอร์แดนและทีมโจมตี ต่อให้เขาอยากไปคนเดียวจอร์แดนก็ไม่น่าปล่อยมือเข้าไป เพราะเขาเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A อย่างน้อยภายในกลุ่มไม่น่ามีใครเทียบเคียงความแข็งแกร่งของเขาได้…
<<ไม่รู้ว่าพี่ซูฮยอนรู้อยู่แล้วหรือป่าว ว่าผมต้องเผชิญหากับสถานการณ์น่าปวดหัวเช่นนี้>>
ก่อนเข้าสู่ดันเจี้ยน ซูฮยอนพูดกรอกหูให้ฮักจุนฟังทุกวี่ทุกวันเกี่ยวกับประเด็นสำคัญหลายหัวข้อ และ สิ่งที่ควรระวังมากเป็นพิเศษหลังก้าวเข้าสู่ดันเจี้ยน
ตอนแรกฮักจุนคิดว่าซูฮยอนคงวิตกจริตเรื่องการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน แต่ลองนึกย้อนกลับไป ฮักจุนกลับฉุดคิดไม่แน่เรื่องที่ซูฮยอนเล่าให้ฟังทุกวัน เพื่อปูเส้นทางให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับสถานการณ์ชวนคลื่นไส้แบบนี้ก็ได้..
<<พี่ปล่อยผมไว้ที่นี่ เพราะอยากให้ผมทำอะไรกันแน่?>>
ฮักจุนพ่นลมหายใจออกมาจากปากอย่างกลุ้มใจ…
“ทุกคนหยุด”
จอร์แดนเดินนำอยู่ด้านหน้ายกมือขึ้นมา ทำสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดเดิน….
อีกฝ่ายพูดคำภาษาอังกฤษที่ไม่ยากไม่ง่ายเกินไป ทำให้ฮักจุนพอเข้าใจความหมาย
ตอนนี้ทีมโจมตีทุกคนหยุดอยู่กับที่ ตามคำสั่งของหัวหน้าทีม…
ฮักจุนค้นพบว่าการทำตามคำสั่งของหัวหน้าทีมไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น..
จอร์แดนหันหลังกลับมามองหน้าสมาชิกภายในทีม ก่อนเปล่งคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษที่ฟังดูซับซ้อนและเข้าใจยาก..
เมื่อสมาชิกทุกคนพยักหน้ารับทราบ จอร์แดนก็หันไปมองฮักจุน ที่กำลังยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่กลางดงและพูดคำ สั่นๆ ง่ายๆ
“ต่อสู้”
สวบ!! สวบ!!
ขณะที่ฮักจุนกำลังยืนงงอยู่ เส้นขนบนสรรพางค์กายลุกชูชันฉับพลัน…
ตั้งแต่เข้ามาให้ดันเจี้ยน พวกเขาพึ่งมีโอกาสเจอมอนสเตอร์ตัวเป็นๆครั้งแรก
ก่อนหน้าจอร์แดนตรวจพบพวกมันจากระยะไกลๆ เขาจึงถ่ายทอดคำสั่งให้ทีมโจมตีทุกคน เตรียมพร้อมกับสู่สภาวะต่อสู้
ฮักจุนที่รู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื้อสบายตัวอยู่นาน ดังนั้นการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ จึงช่วยบรรเทาความอึดอัดได้บางส่วน เขาเอื้อมมือไปหยิบดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวและปลุกพลังเวทย์ที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
“ดีมาก ดาหน้ากันเข้ามา ฉันจะได้ออกไปจากดันเจี้ยนบ้านี้สักที”
เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก
ลักษณะมอนสเตอร์ที่กระโจนมาหาพวกเขา มีลักษณะคล้ายๆลิงในยุคปัจจุบัน แต่ขนาดตัวของพวกมันใหญ่กว่าไม่รู้กี่เท่า..
นอกจากเอกลักษณ์จะเหมือนลิง พละกำลังของพวกมันยังมีมากมายมหาศาล ถึงขั้นบดขยี้กระดูกมนุษย์ได้ราวหักกิ่งไม้ แม้ขนาดตัวพวกมันจะใหญ่เทอะทะ ความว่องไวของพวกมันกลับไม่ลดทอนลงไปตามขนาดตัว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีเขี้ยวแหลมคมซึ่งมีความยาวเท่าแขนมนุษย์ยื่นออกมาจากปากมากถึง 4 เขี้ยวเป็นอาวุธสังหารทรงพลัง…
มอนสเตอร์ที่มีลักษณะคราวนี้ ผู้ตื่นขึ้นไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่จากการสังเกตเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกมัน ทำให้พวกเขาเข้าใจได้คร่าวๆว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ควรรับมือยังไง…
บูม บูม
อยู่ๆสภาพแวดล้อมโดยล้อมก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ ฮักจุนรีบหันหน้าไปมองต้นต่อของเปลวเพลิง…
ร่างกายของจอร์แดนตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง…
เปลวเพลิงของเขาแล่นผ่านส่วนต่างของร่างกายเหมือนมีชีวิต เมื่อพลังมั่นคง จอร์แดนก็เดินไปหาฝูงลิง
กรอบ!! กรอบ!!
จากร้อนๆก็พลันเย็นลง อุณหภูมิลดต่ำลงถึงจุดเยือกแข็ง ผลึกน้ำแข็งเริ่มเคลือบ ต้นไม้ ใบหญ้า โดยมีโคลอี้เป็นจุดศูนย์กลาง..
แม้บุคลิกของทั้ง จอร์แดน และ โคลอี้ จะดูอวดดีและทะนงตน จนผู้ตื่นขึ้นหลายคนไม่ชอบขี้หน้า..
แต่เพราะทั้งคู่ครอบครองสเกลพลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปรังควานพวกเขา….
พลังที่ทั้งคู่กำลังปลดปล่อยอยู่ตอนนี้ นอกจากคำว่า สุดยอด ก็ไม่มีคำไหนว่าบรรยายได้อีก…
<<สักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นให้ได้อย่างพวกเขา….>>
ฮันจุนเหลือบมองทั้ง 2 คนและจับดาบในมือไว้แน่น “ฉันจะไม่ยอมตกม้าตาย ฉันจะต้องก้าวข้ามพวกเขาให้ได้”
วุป!!!
ฮักจุนก้าวไปด้านหน้า ขณะปล่อยพลังเวทย์ให้แล่นตามดาบ
เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก
เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดกับการกระจายพลังเวทย์ บนร่างกายและดาบจึงอัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ที่หนาแน่น
ดวงตาสีฟ้าครามของฮักจุนเปล่งประกายระยิบระยับ ประสาทการรับรู้ถูกยกระดับ สิ่งแวดล้อมทุกสรรพสิ่งรอบตัว ไม่อาจซ่อนเร้นจากสายตา ราวกับว่าเขาสามารถยื่นมือออกไปไขว่คว้าได้ตามใจปรารถนา..
ฟรึ่บ!!!
ร่างกายของฮักจุนกระโดนขึ้นไปบนอากาศ
หลังจากใช้ สกิลกระโดด ร่างกายของฮักจุนก็ลอยอยู่เหลือหัวลิงยักษ์…
ลิงยักษ์งุ่นง่านอยู่กับการตะลุมบอน ถูกดาบของฮักจุนเสียบเข้ากลางกะโหลกศรีษะ ไม่มีเวลาแม้กระทั้งปริปาก..
ฉึก!!!
******************
เจี๊ยก!!!
บูม!!!
มอนสเตอร์ลิงยักษ์พยายามตะปบจอร์แดน แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวของเป้าหมาย กลับถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ดำเป็นต่อตะโก
ในบรรดาผู้ตื่นขึ้น มีหลายคนสามารถใช้สกิลประเภทเปลวเพลิงได้ แต่สกิลเปลวเพลิงของจอร์แดนพิเศษกว่าพวกเขาเหล่านั้น เพราะสกิลที่จอร์แดนครอบครองเป็นสกิลหายาก
เขาได้รับมันสกิลเปลวเพลิงมาจากพฤกษาแห่งทักษะ…
นอกจากสกิลเปลวเพลิงจะเป็นท่าโจมตีหลัก จอร์แดนยังมีสกิลติดตัวอีกนับไม่ถ้วน ทำให้เขามีพลังเวทย์สำรองสูงเสียดฟ้า..
ไม่ว่าคนอื่นจะเกลียดขี้หน้าจอร์แดนยังไง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจอร์แดนเป็นผู้ตื่นขึ้นที่มีชื่อเสียงระดับโลกจริงๆ…
<<ไม่เลว>>
ดวงตาจอร์แดนมองเห็นการออกท่าโจมตีของฮักจุนพลันเปล่งประกายออกมาเหมือนหมู่ดาว
ชายหนุ่นคนนี้ติดตามมาพร้อมกับซูฮยอน เขาเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ดูจากรูปลักษณ์อีกฝ่ายยังเด็กอยู่มาก ประสบการณ์ในฐานะผู้ตื่นขึ้นของเขาจึงมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจอร์แดน…
แม้ประสบการณ์จะน้อยกว่า แต่เขาก็ครอบครองตำแหน่งแรงค์และพลังเวทย์ที่ไม่เป็นสองรองใคร..
ในอีกด้านหนึ่งฮักจุนมีความคล้ายคลึงกับกับซูฮยอนอยู่เหมือนกัน แต่ออร่าของซูฮยอนหนาแน่นกว่านี้หลายเท่า..
จอร์แดนได้มีโอกาสยืนยันความสามารถที่แท้จริงของซูฮยอนมาแล้ว ตอนกำลังโต้เถียงกับโคลอี้
หลังจากเข้ามาให้ดันเจี้ยนซูฮยอนกลับหายตัวไป ปล่อยฮักจุนทิ้งไว้ให้อยู่กับเขาเพียงลำพัง บอกตามตรงจอร์แดนเองก็อยากรู้ความเก่งกาจของฮักจุนเหมือนกัน..
เมื่อมอนสเตอร์ปรากฏขึ้น เขาจึงจับตาการเคลื่อนไหวของฮักจุนเป็นพิเศษ ผลปรากฏว่าทักษะความสามารถของฮักจุนเหลือล้นกว่าจินตนาการหลายขุม เหมือนซูฮยอนไม่มีผิด..
<<เพิ่มพละกำลังทางร่างกาย โดยการใช้พลังเวทย์เป็นตัวหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อ บวกกับควบคุมพลังเวทย์ให้มีความเสถียรภาพ รูปแบบการโจมตีของฮักจุน เป็นพื้นฐานที่ผู้ตื่นขึ้นควรเรียนรู้>>
รูปแบบการโจมตีแบบนี้ มีสอนอยู่ในตำราเรียนทั่วไป มันเหมาะกับผู้ตื่นขึ้นแรงค์ D หรือ พวกมือใหม่ ที่ยังไม่มีสกิลพื้นฐานมากนัก..
อย่างไรก็ตามสกิลที่ฮักจุนใช้มีสอนอยู่ในตำราเรียนก็จริง แต่สกิลของฮุกจุนดูแตกต่างกว่าต้นฉบับ
เพราะเขาประยุกต์จากต้นฉบับ โดยการเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายเพียงครึ่งหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แล้วบีบอัดพลังเวทย์ที่เหลือลงไปในดาบ..
ทำให้ตัวดาบของฮักจุนมีพลังอำนาจทำลายล้างสูงมาก ถึงขั้นเจาะทะลุกะโหลกศีรษะลิงยักษ์
ที่สำคัญเจ้าตัวออมมือไว้และยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา…
<<สมแล้วที่เป็นเพชรในตม หากนำเขาไปขัดเกลา คงได้เพชรเม็ดงาม>>
ทักษะการต่อสู่ปัจจุบันของฮักจุน สมควรยกให้อยู่ในอันดับบนๆของแรงค์ A ด้วยกัน
ถ้าเขายังรักษามาตรฐานแบบนี้ต่อไปได้เรื่อย อีกไม่นานเขาคงตามรอยเท้าจอร์แดนทัน
<<แสดงว่าอีกไม่นานประเทศเกาหลี คงถือกำเนิด ผู้ตื่นขึ้น แรงค์ S คนที่ 7 สินะ>>
อเมริกาและเกาหลี..
ทั้ง 2 ประเทศ ชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด เพราะพวกเขาเป็นประเทศที่มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มากที่สุดในโลก แต่เมื่อไม่นานมานี้ประเทศเกาหลีกลับมีแรงค์ S คนใหม่โผล่ขึ้นมา ทำให้ประเทศเกาหลีกลายเป็นอันดับ 1 ในเรื่องครอบครองผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S
ถึงแม้ประเทศเกาหลีจะมีแรงค์ S มากที่สุดในโลก พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเบอร์ 1 ของโลก
ด้วยความต่างชั้นของจำนวนประชนกรภายในประเทศ ทำให้สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศมหาอํานาจสืบต่อไป…
อย่างไรก็ตาม…หากเกาหลีถือกำเนิดแรงค์ S คนใหม่ขึ้น สถานการณ์จะพลิกผันทันที
อเมริกาที่ภูมิใจเรื่องความแข็งแกร่ง คงต้องกล้ำกลืนยอมยกตำแหน่งเบอร์ 1 ของโลกในประเทศเกาหลีแต่โดยดี..
ฉะนั้นความแข็งแกร่งของแรงค์ S จึงไม่อาจดูแคลนได้…
***************
การโจมตีจากฝูงลิงยักษ์ สุดท้ายก็ยุติลงด้วยดี….
ผู้ตื่นขึ้นสายซัพพอร์ตแยกย้ายกันออกไปรักษาบาดแผลให้ผู้ได้บาดเจ็บ
จอร์แดนและโคลอี้เดินตรวจตราความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมาชิก..
“ฉันคิดไว้ว่าจะยากกว่านี้ แต่ที่ไหนได้ กลับผ่านไปได้ง่ายๆ”จอร์แดนตั้งข้อสังเกต
การต่อสู้ที่ผ่านมามีคนได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด 5 คน บาดแผลก็ไม่ได้สาหัสมากนัก เป็นแค่แผลถลอกเล็กน้อยๆเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
“เพราะทีมโจมตีเต็มไปด้วยคนมากพรสวรรค์ยังไงหล่ะ แทบเป็นไปไม่ได้ ที่นายจะหาปาร์ตี้ขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยผู้ตื่นขึ้นแรงค์สูงๆ จริงไหม?”
จอร์แดนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของโคลอี้…
แม้เขาไม่อยากเห็นด้วยกับคำพูดเธอ ทว่าครั้งนี้เธอพูดถูก…
ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ไม่เคยมีการสร้างปาร์ตี้ที่ยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้มาก่อน
เขาไม่ถูกคอกับโคลอี้ก็จริง แต่โคลอี้ก็มีความสามารถไกลเคียงกับเขา ทำให้การโจมตีผ่านพ้นไปได้โดยสวัสดิภาพ…
“ดูเหมือนฉันจะกังวลเกินกว่าเหตุ เอาล่ะทุกคน เราจะหยุดพักที่นี่เป็นการชั่วคราว ขอความรวมมือให้ทุกคนรีบฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังเวทย์ซะ พวกเราจะได้เคลื่อนพลกันต่อ”
สั่งการเสร็จจอร์แดนหันหลังกลับแล้วเดินไปยังจุดพักผ่อนที่หมายตาเอาไว้…
ในขณะที่เขากำลังก้าวเดินไปนั้น…
ตูม!!!!
พลังเวทย์ที่มีมวลสารหนาแน่น พลันระเบิดออกมาจากตัวของจอร์แดนและโคลอี้…
สภาพแวดล้อมโดยรอบแปรเปลี่ยนไปมาระหว่างความร้อนและความเย็น ผู้ตื่นขึ้นที่อยู่ใกล้เคียงกับพวกเขาพลอยโดนลูกหลงไปด้วย..
“อ๊ากกก แขกฉัน!”
“มิกค์!! เชอร์รี่!!”
“เชี้ย!!! เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีก?”
“คุณจอร์แดน และ คุณโคลอี้ พวกเขา…”
รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้ตื่นขึ้น….
ซ่า!! ซ่า!! ซ่า!!
ตูม!!!!
“อ๊ากกกกกก”
ม่านไอน้ำสีขาวขุ่นปกคลุมบริเวณรอบๆจนกลายเป็นหมอกควันหนาเตอะ….เสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังออกมาทีละคนสองคน…
<<เกินอะไรขึ้น?>>
ฮักจุนคิดในใจอย่างตระหนกตกใจ โชคดีที่เขายืนห่างจากโคลอี้ ทำให้ร่างกายไม่มีบาดแผลเกินขึ้น นอกจากความหนาวเย็นที่รู้สึกผ่านชั้นผิวหนัง…
ไม่ใช่แค่จอร์แดนและโคลอี้เท่านั้นที่กำลังห้ำหั่นกันเอง ยังมีผู้ตื่นขึ้นอีกหลายสิบคน หันอาวุธเข้าหาเพื่อนร่วมทีมและปล่อยสกิลหมายปลิดชีพอีกฝ่ายให้แดดิ้น…
พวกเขาปล่อยการโจมตีออกมาไม่อาจคณานับ ทำให้บริเวณรอบคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายพลังเวทย์..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยู่เหนือความคาดหมาย..
มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว ใครจะไปคิดว่าร่วมมือกันอยู่ดีๆ อีกฝ่ายจะหันอาวุธโจมตีพวกเดียวกันเอง..
จอร์แดนรวบรวมกำลังขาแล้วกระโดนถอยหลังไปตั้งหลักไกลๆ
สายตาจ้องเขม็งไปยังโคลอี้ ที่ยืนอยู่หลังม่านหมอกไอน้ำ สภาพแวดล้อมเขียวขจีถูกพลังของทั้ง 2 คนทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม…
“โคลอี้ เธอ….”
“รู้สึกเป็นไงบ้างที่เหลือแขนและข้าอย่างละข้าง? เวลานายตายไปจะได้ไม้ทรมาน สาบซึ่งน้ำใจของคุณผู้หญิงคนนี้อยู่ล่ะสิ”โคลอี้ยิ้มเย้ยและเริ่มโคจรพลังเวทย์อีกรอบ
“จำได้ไหมว่าฉันเคยบอกนายว่า ไม่ช้าก็เร็ว นายต้องตายด้วยน้ำมือของฉัน”
“แล้วมันจำเป็นต้องลงมือตอนนี้เลยหรือไง”
ช่วงเวลานี้พวกเขากำลังโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าจะหนีออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ไหม ถ้าไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน คงมีแต่ตายอยู่ที่นี่กันหมด
แม้พวกเขาจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แต่ดันเจี้ยนที่เดิมพันด้วยชีวิต เรื่องอะไรปล่อยวางได้ก็ควรละเว้น…
“ถูกต้อง ฉันจำเป็นต้องฆ่านายในดันเจี้ยนแห่งนี้เท่านั้น”โคลอี้ตอบ
“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง มันใช่เวลามากัดกันเองไหม? หัดสังเกตสถานการณ์บ้าง?”
“เพราะสถานการณ์ ฉันถึงต้องทำ”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“นายไม่คิดบางเหรอว่าที่แห่งนี้เป็นสุสานเก็บศพที่สมบูรณ์แบบ นายไม่มีทางหนีและการโจมตีดันเจี้ยนที่นายหัวหน้าจะยุติลงด้วยความล้มเหลว”
โคลอี้มองไปยังแขนและขาของจอร์แดนที่ถูกแช่งแข็ง ก่อนคลี่ยิ้ม….
“รู้อะไรไหม ทำไมนายถึงถูกฉันโจมตีที่เผลอ? เพราะนายย่ามใจเกิดไป หลังจากการโจมตีมอนสเตอร์จบลง แทนที่นายจะระมัดระวังภัยรอบตัว กลับปล่อยเนื้อปล่อยใจ”
“เธอวางแผนทั้งหมดมาตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง”
“ฉันเข้าใจแล้ว เป้าหมายของเธอคือการสังหารฉัน และ ปล่อยในการโจมตีดันเจี้ยนล้มเหลวสินะ”
“โอ้..หัวคิดไวเหมือนกันนี่”
จอร์แดนขมวดคิ้ว…
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ร่วมมือกันอย่างดิบดี จะแปรเปลี่ยนมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต…
เหมือนคำกล่าวที่ว่า หอกข้างแคร่ ศัตรูมักวนเวียนอยู่รอบตัว
ด้วยลักษณะนิสัยบ้าบิ่นของโคลอี้ เธออาจเมินเฉยต่อส่วนรวม ถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือโจมตีเขาก็จริง…แต่เขาหวังไว้ในใจลึกว่าๆ เธอคงแยกเรื่องส่วนตัวออกจากหน้าที่การงานได้…
<<ไม่สิ เธอไม่ได้โจมตีฉันเพราะความบาดหมางส่วนตัว>>
ช่วงที่เธอเคลื่อนไหวปล่อยการโจมตี ไม่ใช้แค่เธอคนเดียวเท่านั้น แม้แต่สมาชิกที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเธอก็เคลื่อนไหวด้วยเหมือนกัน..
ตั้งแต่เข้ามาในดันเจี้ยนทุกคนก็สามัคคีกันมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องกระทบกระทั้งกัน อยู่ๆกลับมีกลุ่มคนบางกลุ่ม หันอาวุธโจมตีพวกเดียวกันเองโดนไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า แสดงว่าสิ่งที่เกินขึ้นคงถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี…
“ไม่จริงใช่ไหม…”ครรลองสายตาของจอร์แดนพินิจโคลอี้และผู้ตื่นขึ้นที่อยู่ด้านหลัง
“เธอร่วมมือกับกิลด์ดัมพ์?”
“บิงโก ถูกต้องนะคร๊าบบ”โคลอี้ตอบกลับพร้อมเผยรอยยิ้มผ่องใส…
ช่างเป็นคำตอบที่เลวร้ายที่สุดแห่งปีจริงๆ..
เมื่อสถานการณ์ลงเอ่ยแบบนี้ เขาไม่สามารถประนีประนอมกับเธอได้อีกต่อไป
จอร์แดนก้มหน้าลงไปตรวจสอบสภาพร่างกายในปัจจุบัน
<<แขนและขาของฉันขยับได้แค่อย่างล่ะ 1 ข้างเท่านั้น คงไม่สะดวกที่ฉันจะต่อสู้กับเธอตัวๆ>>
อาการบาดเจ็บจากการโดยโคลอี้ลอบโจมตี พิสูจน์แล้วว่าบาดแผลของเขา อยู่ในสถานะสาหัสสากรรจ์มาก…
ความสามารถของโคลอี้ คือการตรึงหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแช่แข็งเป้าหมาย..
เพราะการโจมตีที่ปล่อยมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้แขนและขาของจอร์แดนถูกแช่แข็งจนเป็นอัมพาต…
จอร์แดนสามารถใช้พลังเปลวเพลิงละลายน้ำแข็งได้ก็จริง แต่แขนและขาที่ถูกน้ำแข็งพันธนาการไว้ ไม่สามารถโคจรพลังเวทย์ได้ ต่อให้ละลายได้สำเร็จ เขาก็ได้รับบาดจากแผลน้ำร้อนลวกมาอยู่ดี..
ตัวเลือกทั้ง 2 มีผลลัพธ์ไม่ต่างกัน…
“แหม่ หายากจริงๆที่จอร์แดนผู้เก่งกาจคนนั้นจะตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมอย่างงี้ เอ๊ะ..เสียงอะไรนะ อ่อเสียงความคิดของนายนี้เอง อย่าหนีจากที่นี่เหรอ? เสียใจด้วยดูจากสารรูปของนายคงหนีไปไหนไม่รอด ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำให้นายทรมาน”
“เธอเคยคิดบ้างไหมว่าการตายของฉัน จะทำให้การโจมตีเต็มไปด้วยความยากลำบาก?”
“หึ..แค่มีชีวิตรอดให้ครบ 10 วัน ก็ออกจากดันเจี้ยนบ้านี้ได้แล้ว แม้ดันเจี้ยนแห่งนี้จะไม่ถูกเคลียร์ก็เถอะ”
โคลอี้หันมองสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวอย่างช้าๆ ก่อนเอ่ยตอบ
“นายนี้มันโง่จริงๆ รู้อยู่แล้วว่าเป้าของฉันคือการฆ่านาย ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามโน้มน้าวใจอีกนะ”
“หนักแน่นในเป้าหมายจริงๆ”
การโจมตีดันเจี้ยนยุติลงด้วยความล้มเหลว..
กิลด์ดัมพ์….
2 หัวข้อหลักๆ ยังคงหมุนวนอยู่ในสมองจอร์แดนอย่างต่อเนื่อง
เขาพยายามจับใจความและหาความเชื่อมโยง ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันสั่นติ้ว
“หรือว่า..ไม่เป็นไปไม่ได้”
“ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินปรากฏเกิดขึ้นในลอสแอนเจลิสเป็นครั้งแรก การโจมตีจบลงด้วยความล้มเหลว การระบาดของดันเจี้ยนเริ่มคืบคลาน ไม่มีแรงค์ S คอยค่ำจุน ผู้ตื่นขึ้นมีพลังอันน้อยนิด เสียชีวิตราวผักปลา”โคลอี้ตอบกลับกระฉับกระเฉง รอดยิ้มของเธอเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องน่าตื่นเต้น
“นายคิดออกหรือยัง ว่าอนาคตของลอสแอนเจลิสจะเป็นยังไงต่อไป”
“เป้าหมายของเธอคือการทำลายลอสแอนเจลิสงั้นเหรอ?”
“ลอสแอนเจลิสต้องพังพินาศ เมื่อการระบาดของดันเจี้ยนเกิดขึ้น เมืองที่อยู่รอบๆลอสแอนเจลิสก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ฉันอยากรู้จริงๆว่าจะมีประชาชนเสียชีวิตกี่คน?”
“เธอมัน..ยัยผู้หญิงสติฟั่นเฟือน!!!”
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทางกิลด์ดัมพ์ริเริ่มดำเนินแผนการที่ยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างเป็นทางการ และเมืองลอสแอนเจลิสที่แสนมีชีวิตชีวา ศิวิไลซ์ ถูกกำหนดให้กลายมาเป็นเครื่องสังเวยที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด นายไม่คิดเหมือนฉันเหรอ?”
ในที่สุดกิลด์ดัมพ์ก็ยอมเปิดเผยตัวตน หลังจากหลบซ่อนอยู่ในเงามืดมานาน..
จากเหตุการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนกิลด์ดัมพ์ คงวางแผนมาได้สักพัก..
จอร์แดนได้ยินชื่อเสียงของกิลด์ดัมพ์มาพอสมควร สมาชิกภายในกิลด์ส่วนใหญ่เป็นเหล่าอาชญากร แถมแต่ละคนยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด…
เขานึกไม่ถึง พวกมันจะบ้าระห่ำถึงขนาดกล้าสร้างสถานการณ์สุดร้ายแรงในเมืองลอสแอนเจลิส…
<<แค่นิดเดียวเท่านั้น ฉันต้องเร่งความเร็วขึ้นอีก…>>
ที่ผ่านมาจอร์แดนเกลียดน้ำเสียงของโคลอี้มากถึงมากที่สุด แต่วันนี้เขาอยากรู้สึกขอบคุณเธอเป็นบ้า
ระหว่างที่โคลอี้พล่ามสัพเพเหระไปเรื่อย เขาถึงโอกาสละลายน้ำแข็งที่พันธนาการ แขน ขา ออกไปอย่างช้าๆ..
“เธอกลับไปคิดให้ดีๆ ถ้าเธอลงมือทำตามแผนการจริงๆ เธอจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสูญเสีย…”
“ฉันเคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าหยุดทำตัวอวดดีต่อหน้าฉัน?”
คลืน!!!!
“อึก…”
โคลอี้ยืนมือออกไปด้านหน้า น้ำแข็งพันธนาการ แขน ขา ของจอร์แดนที่กำลังละลาย ก่อตัวขึ้นมาเกาะหนาแน่นเหมือนเดิมอีกครา
ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดของจอร์แดนสูญเปล่า…
“สภาพของนายรู้ไม่จืดเลยนะรู้ตัวไหม นายคงไม่รู้ ว่าฉันอยากจัดการกับนายมาตั้งนาน”โคลอี้พูด
“หมาลอบกัด แน่จริงก็ปล่อยพันธนาการของฉัน แล้วมาสู้กันตัวๆ อย่างยุติธรรมสิ!!”
“หมากัดอย่ากัดตอบ นายลืมไปแล้วหรือไง ว่ามนต์เสน่ห์ของฉันคือการเล่นวิธีสกปรก”
จอร์แดนขมวดคิ้วขึ้น ก่อนละสายตาไปสังเกตสถานการณ์โดยรอบ…
สถานการณ์เข้าเข้าขั้นวิกฤตอย่างแท้จริง…
เนื่องจากผู้ตื่นขึ้นถูกลอบโจมตีที่เผลอ ความแตกต่างของจำนวนผู้ตื่นขึ้นจึงเริ่มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ แม้ฝ่ายจอร์แดนจะเหลือเยอะกว่าก็ตาม…
หากโคลอี้ลงมือปลิดชีพเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วกระโจนสู่สมรภูมิ ผู้ตื่นขึ้นฝ่ายของจอร์แดน คงราบเป็นหน้ากอง..
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มีท่าการโจมตีวงกว้างเกือบทุกคน โดยเฉพาะโคลลี้ พลังของเธอมีประสิทธิภาพเหมาะแก่การโจมตีวงกว้างมากที่สุด
ถ้าเธอปลดปล่อยพลังน้ำแข็งเมื่อไหร่ ผู้ตื่นขึ้นคงหนีไม่พ้นกลายเป็นประติมากรรมน้ําแข็ง…
<<ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป…>>
พวกเขาได้ถึงคราม้วยมรณากันหมดแน่…
<<ไม่ดีแน่? ฉันควรทำไงดี คิดให้ออกสิ!!>>
เลือกแค่หนทางสุดท้ายเท่านั้น ดูเหมือนจอร์แดนจำเป็นต้องเสี่ยงเดิมพันทุกอย่าง โดยการละลายแขนและขาที่ถูกน้ำแข็งพันธนาการไว้ แม้แขนและขาของเขาจะได้รับบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกก็ตาม…
วุป!!!
เปลวเพลิงส่องสว่างออกมาจากร่างจอร์แดน น้ำแข็งพันธนาการเริ่มถูกหลอมละลายที่ละนิด…
แขน ขา ของเขามีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแล่นทั่วไปหมดสัดส่วน…
คิ้วของโคลอี้ขมวดขึ้นและกล่าวแดกดัน “คิดหรือว่ากลเม็ดขี้ประติ๋วจะคลายการพันธนาการของฉันได้?”
“เฮ้ คุณป้า”
ระหว่างที่จอร์แดนและโคลอี้กำลังประชันฝีปากกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน จนไม่ทันสังเกต ว่าใกล้ๆพวกเขามีคนแปลกหน้า ยืนรอเข้าร่วมวงด้วย…
“ป้ากำลังทำอะไรอยู่เหรอ หน้าตาระริกระรี้เชียว?”
“แก…!!!”
โคลอี้รีบเงยหน้ามองด้านบน ก่อนแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา..
ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น กิ่งไม้ขนาดใหญ่พาดก่ายกันเป็นฐาน…
ซูฮยอนที่หายตัวไปหลายชั่วโมง กลับยืนผงาดอยู่ตรงจุดกึ่งกลางกิ่งไม้ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ….