กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 204
ซูหลีใจเต้นรัว จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ตงฟางเจ๋อยกมือสะบัดแขนเสื้อ หน้าต่างและประตูทั้งหมดปิดดัง ‘ปัง’ ในพริบตา
แสงสว่างในห้องพลันมืดสลัว
กลิ่นอายความรู้สึกบางอย่างป่วนพล่านอยู่กลางอากาศ
บุรุษสง่างามพลันประชิดกายนาง นิ้วมือเรียวยาววางลงบนเอวคอดบางของสตรี เขาก้มหน้ากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ “เจ้าจะลงมือเอง หรือให้ข้าช่วยเจ้า?”
วาจานี้ส่อแววคลุมเครือ พาให้ผู้คนอดคิดไปไกลไม่ได้
ซูหลีเงยหน้า ในสายตาอ่อนโยนของบุรุษสะท้อนแววเสน่หาพาให้คนสับสน ใบหน้าเนียนขาวของนางพลันแดงผ่าว มือของเขาเอื้อมไปที่สายคาดเอวผ้าต่วน ขอเพียงกระตุกเบาๆ อาภรณ์ก็จะหลุดรุ่ยเหมือนดังเช่นค่ำคืนนั้นในโรงเตี๊ยมริมแม่น้ำ
หัวใจสั่นไหว นางรีบคว้ามือของเขา กล่าวเสียงเบา “ท่านอ๋องเข้าไปก่อนเพคะ”
ยากนักที่จะได้เห็นสีหน้าเหนียมอายของนาง ตงฟางเจ๋ออารมณ์ดียิ่ง หัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยนาง เสื้อตัวหลวมถูกถอดออก ราวกับข้างกายไม่มีใคร ซูหลีรีบหมุนกายไปอีกทาง ด้านหลังมีเสียงหัวเราะชวนหลงใหลดังเบาๆ พาให้รู้สึกสับสน จะรำคาญก็ไม่ใช่ จะเกลียดก็ไม่ใช่
ในห้องเงียบสงัดยิ่งนัก มีเสียงถอดเสื้อผ้าเบาๆ ดังลอดเข้ามาในโสตประสาท เทียบกับการมองเห็น เสียงถอดเสื้อผ้าเช่นนี้คล้ายยิ่งทำให้จินตนาการไปไกล
ซูหลีเคยเห็นเรือนร่างของเขาตอนอยู่ที่สระน้ำพุร้อน สัดส่วนกำยำสมบูรณ์แบบพลันปรากฏในสมองอย่างไม่อาจควบคุม ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าที่แดงผ่าว ยามนี้หัวใจนางยังเต้นเร็วขึ้นสองส่วน นางหลุบแพขนตาลงเบาๆ ปิดบังความสั่นไหวในใจเงียบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเบาๆ ดังขึ้น นางจึงหันไปมอง เขานั่งลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แล้ว ถึงแม้นั่ง แต่นางกลับรู้สึกว่าเขาเหมือนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ที่ทั้งลึกล้ำ สูงชัน และมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทาน แต่ยิ่งปีน ยิ่งเข้าใกล้เขา ก็ยิ่งค้นพบว่าไม่อาจหยั่งได้ว่าหัวใจเขาลึกล้ำเพียงใด! เมื่อคิดยอมแพ้และอยากหันหลังกลับ จึงเพิ่งค้นพบด้วยความตกใจว่าตนเองได้ตกลงไปในม่านหมอกที่หาทางออกไม่เจอเสียแล้ว
“คิดสิ่งใดอยู่หรือ?” เห็นนางไม่ยอมขยับอยู่นาน เขาเองก็ไม่ได้เร่งเร้า เพียงถามเสียงเบา แขนยาวกำยำสองข้างวางพาดบนขอบอ่าง ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน ม่านตาลึกล้ำ มองนางอย่างจดจ่อ
ซูหลีไม่ตอบ เพียงมองเขา แล้วกล่าวว่า “หลับตาด้วยเพคะ”
ตงฟางเจ๋อหลับตาตามที่นางบอกอย่างว่าง่าย ซูหลีสายตาไหวระริก ก้มเก็บสายคาดเอวของเขาบนพื้น เดินไปยืนด้านหลังเขา แล้วคาดปิดดวงตาทั้งสองข้างของเขา ตงฟางเจ๋อเองก็ไม่ดิ้นรนขัดขืน ซ้ำยังหัวเราะเสียงเบา
“ซูซูไม่ไว้ใจข้าจริงๆ สินะ!” น้ำเสียงของเขาแฝงแววคลุมเครือระคนหยอกเย้า
ซูหลียิ้มบางไม่เอ่ยคำใด เพียงกล่าวเตือนเล็กน้อย “ห้ามแกะออกนะเพคะ”
ตงฟางเจ๋อกระดกคิ้วแทนการรับคำ
เสียงสตรีถอดอาภรณ์และสายคาดเอว เหมือนดั่งมือนิ่มนวลลูบไล้หัวใจของเขา น้ำยาร้อนๆ ในอ่างไม้คล้ายร้อนขึ้นอีกหลายส่วน
เมื่อตัดสินใจแล้วซูหลีก็ไม่ลังเลอีก นางถอดเสื้อ ก้าวเท้าเรียวขาวดั่งหยกลงไปในอ่างอาบน้ำช้าๆ ระลอกคลื่นก่อตัวบนผิวน้ำ เหมือนหัวใจของคนที่กำลังสั่นไหว
น้ำยาสีเข้มปกคลุมเหนือทรวงอกนิ่มนวล ขับเน้นให้ผิวขาวเนียนของนางยิ่งขาวใสมากขึ้น ทั้งสองนั่งกันคนละด้าน จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกได้อย่างไร นี่คือปัญหายาก
“ตงฟางเจ๋อ” ซูหลีขานชื่อเขาเบาๆ บุรุษตรงหน้ารับคำว่า “อืม” พร้อมรอยยิ้ม จู่ๆ ซูหลีกลับไม่รู้ว่าควรต่อบทสนทนาเช่นไรดี
นางกับเขาไม่ได้อยู่ในอ่างน้ำด้วยกันครั้งแรก เพียงแต่เมื่อก่อนล้วนเป็นเหตุไม่คาดฝัน ไม่เหมือนวันนี้ที่นางและเขาต่างเปลือยเปล่ายามกลางวันแสกๆ เช่นนี้!
บรรยากาศกระอักกระอ่วนอย่างช่วยไม่ได้
ซูหลีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ท่าน…” จะพูดอะไรดีเล่า? ที่ผ่านมานางเป็นสตรีใจเย็นและสงบนิ่ง ยามนี้กลับละล้าละลังคิดไม่ออกว่าควรทำเช่นไรดี
เจียงหยวนบอกว่าความรู้สึกเกิดจากหัวใจ มิใช่ขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนา แต่หัวใจของตงฟางเจ๋อลึกล้ำยากจะคาดเดา นางไม่อาจหยั่งรู้ได้แม้แต่น้อย
ตงฟางเจ๋ออดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้ม สตรีที่ฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น ครั้นอยู่ต่อหน้าความรู้สึก กลับแปรเปลี่ยนเป็นโง่เขลา ความจริงนางไม่รู้เอาเสียเลยว่า ชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นสตรีใดรอบคอบและระวังตนเท่านางมาก่อน การที่นางยอมช่วยเขาแก้พิษเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว
เห็นเขาหัวเราะ ซูหลีที่เดิมไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร อดหน้าแดงไม่ได้ ในใจนึกหงุดหงิดเล็กน้อย ยังไม่ทันทำอะไร ในห้องที่มีแต่ไอหมอกร้อนๆ ลอยคลุ้งเต็มไปหมด ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับค่อยๆ เลือนราง
ทุกสิ่งรอบกายราวกับเปลี่ยนไป จู่ๆ นางก็มาอยู่ในบ้านพักแห่งหนึ่งที่ดูแปลกตา แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยรางๆ
“ซูซู” เบื้องหน้ามีคนขานเรียกนาง
ซูหลีก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เงาร่างสีขาวอันคุ้นตาของคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนบันไดหินที่ไกลออกไป รอยยิ้มบางๆ อันแสนอบอุ่น สง่างามล่มเมือง ซูหลีตะโกนเรียกอย่างดีใจ “เสด็จแม่!”
นางตื่นเต้นดีใจสุดแสน วิ่งไปหาเงาร่างนั้น แต่ยิ่งใกล้ เงาร่างนั้นก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเลือนราง ซูหลีชะงักเท้าทันที ด้วยกลัวว่าหากใกล้เข้าไปอีกนิด เสด็จแม่จะหายไป
“เสด็จแม่ นั่นเสด็จแม่หรือเพคะ?” น้ำเสียงที่ขานเรียกอย่างระมัดระวัง เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและคาดหวัง
ดวงตาและคิ้วงามของหรงซีจินสะท้อนแววเจ็บปวดรางๆ มองหน้านาง แล้วทอดถอนใจกล่าวว่า “ซูซู เจ้าเติบใหญ่แล้ว! ฉลาดและหนักแน่นกว่าเมื่อก่อนมาก เจ้าดูแลตัวเองเป็น รู้จักระมัดระวังผู้คน แต่แม่กลับไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่!”
“เสด็จแม่…” ซูหลีขานเรียกปนเสียงสะอื้น กล่าววาจาไม่ออก
หรงซีจินพูดต่อ “แม่เคยหวังว่าลูกของแม่จะต้องไม่ลำบากเฉกเช่นเดียวกับแม่ ยิ่งเป็นคนธรรมดา ก็ยิ่งมีความสุข ซูซู เจ้า…จะต้องมีความสุข!” นัยน์ตาเจ็บปวด ราวกับทำให้ฟ้าดินถูกอาบย้อมไปด้วยความเศร้า เงาร่างของหรงซีจินค่อยๆ ไกลออกไป ซูหลีลนลาน รีบวิ่งตามไป
สุดทางบันไดหิน คือป่าลึกที่เต็มไปด้วยไอหมอก ทันทีที่นางเดินเข้าไป เบื้องหน้าคล้ายถูกปคลุมด้วยผ้าขาว นางมองไม่เห็นมารดา และหาทางออกไม่เจอ
ทางแยกนับไม่ถ้วนเชื่อมโยงไปยังจุดหมายปลายทางอันลึกลับ ทุกย่างก้าว ทิวทัศน์รอบกายเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก้าวเมื่อกี้ยังเป็นทางเดินเส้นเล็ก ก้าวต่อไปกลับเป็นหน้าผา ภูเขาลาวา ถ้ำหิมะ หากไม่ระวังกระดูกก็จะแหลกละเอียด
นางพลันชะงักเท้า หลับตาอย่างเศร้าใจ เสด็จแม่หวังให้นางมีความสุข นางกลับไม่รู้ว่าทางไหนคือเส้นทางสู่ความสุข
“ซูซู” จู่ๆ ก็มีคนเรียกนางอีกครั้ง นางรีบลืมตา เงาร่างสูงใหญ่ปรากฏสู่สายตา สะท้อนพลังที่ทำให้รู้สึกสงบใจ
เขากวักมือเรียกนาง “มานี่ ซูซู ข้าจะพาเจ้าออกไป” น้ำเสียงอ่อนโยนทุ้มลึก ราวกับมีเวทมนต์ ขจัดความสับสนและหวาดกลัวในใจนางในพริบตา
นางยื่นมือให้เขาอย่างไม่ลังเล เมื่อเขากุมมือนาง หัวใจของนางกลับบังเกิดความหวังขึ้นมา หวังว่าเขาจะไม่ปล่อยมือนางอีกตลอดกาล!
ม่านหมอกเบื้องหน้าพลันสลายหายไปจนสิ้น ป่าไม้ลึกลับพลันแปรเปลี่ยนเป็นห้องไม้เรียบง่าย นางกับเขายังคงอยู่ในอ่างอาบน้ำใบเดิม
ซูหลีนึกถึงยามายาปรารถนาที่เจียงหยวนใส่ลงไปในน้ำร้อน! รีบเงยหน้ามองตงฟางเจ๋อ อยากรู้ว่าความปรารถนาในใจของเขา คืออะไร?
สายคาดเอวผ้าต่วนไม่รู้ถูกแกะออกจากดวงตาเขาเมื่อใด ดวงตาลึกล้ำที่ยากจะคาดเดาในยามปกติ ตอนนี้กลับมีความอ่อนโยน มีแววเสน่หาเต็มเปี่ยม เขารั้งตัวนางเข้าไปกอดแน่น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางเหมือนรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวและลนลานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความอ่อนโยนของเขา