กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 317 รักร้าวใจสลาย (ตอนจบ) (13)
“เพราะเหตุใด?” เขาถาม
ซูหลีไม่ตอบ กลับพูดต่อว่า “เรื่องวิญญาณเข้าฝันที่ข้ายกขึ้นมาเล่าในพิธีคัดเลือกพระสวามี ท่านก็ไม่เคยเชื่อกระมัง แต่ท่านก็ไม่อาจอธิบายได้อยู่ดี ว่าเหตุใดซูหลีที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือจึงมีลายมือที่เหมือนหลีซูเช่นนั้น? และทุกอย่างที่หลีซูทำเป็น ข้าล้วนทำเป็น! ท่านไม่เคยเข้าใจถึงเหตุผลที่ข้าทุ่มเทสืบคดีหลีซูอย่างเอาเป็นเอาตาย! แล้วยังมีการตายอย่างน่าอนาถของหลีซูอีก ข้ารู้ทุกอย่างดีจนเหมือนกับประสบเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง…แท้จริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดนี้ มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น! ท่านอยากรู้มาก ใช่หรือไม่?”
เสียงของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าซีดขาว ไม่หลงเหลือคลื่นอารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย
หัวใจของตงฟางเจ๋อสั่นสะท้าน เขาปล่อยแขนนาง สีหน้าตกใจระคนสงสัย ถูกต้องแล้ว ทั้งหมดนี้คือคำถามที่เขาต้องการคำตอบ ตลอดมา เขาอยากรู้คำตอบมาก แต่ยามนี้เมื่อคำตอบใกล้กระจ่าง จู่ๆ เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมา ราวกับหากเดินไปข้างหน้าอีกเพียงก้าวเดียว เขาและนาง ก็จะตกลงไปในเหวลึกที่ไม่มีวันหวนกลับได้อีกตลอดกาล
เขาผงะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงแหบแห้ง “อย่าพูดอีกเลย!”
ซูหลีกลับหัวเราะ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทีละคำๆ “ท่านกลัวหรือ? ท่านอยากรู้ความลับที่อยู่ในใจข้ามากมิใช่หรือ? วันนี้ข้าจะทำให้ท่านสมหวัง ข้าบอกท่านตอนนี้เลยก็ได้ ซูหลีก็คือหลีซู! ไม่มีวิญญาณเข้าฝันอะไรทั้งนั้น แท้จริงแล้วคือวิญญาณกลับมาเกิดในร่างใหม่ต่างหาก!”
สายฟ้าสีเงินเส้นยาวพลันตัดผ่านท้องฟ้า สะท้อนให้เห็นใบหน้าซีดขาวของบุรุษตรงหน้า
ร่างกายของตงฟางเจ๋อแข็งค้าง เขาเบิกตากว้าง เสียงอัสนีบาตสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับระเบิดก้องอยู่ในหูเขา สมองพลันขาวโพลนในชั่วพริบตา
“เจ้า…ว่าอย่างไรนะ?” น้ำเสียงของเขาสั่นเทา ราวกับไม่อยากเชื่อ
ซูหลีกล่าวเสียงเย็นชา “เพราะว่าตงฟางจั๋วรู้ว่าข้าก็คือหลีซู ฉะนั้นเพื่อขัดขวางไม่ให้ข้าแต่งงานกับท่าน จึงได้ตัดสินใจก่อกบฏโดยไม่กลัวความตาย! เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าท่านคือคนร้ายในคดีหลีซู! น่าขันที่ยามนั้นข้ากลับเลือกที่จะเชื่อใจ และให้ความร่วมมือกับท่าน ทำให้เขาก่อกบฏล้มเหลว ท้อแท้สิ้นหวัง สุดท้ายก็เลือกที่จะตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น!”
หัวใจเจ็บปวดจนเหมือนจะขาดใจ นางพลันเงยหน้าขึ้น กล้ำกลืนน้ำตาที่เอ่อล้นไม่ให้ไหลออกมา
ตงฟางเจ๋อมองนาง มือและเท้าแข็งค้าง ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายลมหนาวเหมือนรูปปั้น พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ข้าทุ่มเทเรี่ยวแรงเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงในคดี ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อล้างมลทินให้แก่ตนเอง! แต่ว่าสืบไปสืบมา จนถึงตอนสุดท้าย…ข้ากลับไม่เคยคาดคิดว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ได้! เพราะเหตุใด…เพราะเหตุใดข้าจึงต้องค้นพบความจริงหลังจากที่ข้ารักท่านไปแล้ว ที่แท้ท่าน…กลับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดใน ‘คดีหลีซู’! เหตุใดข้าจึงต้องรับรู้ว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกอย่างที่ข้าเคยเจอ!? วินาทีที่ข้ารู้เรื่องนี้ ข้าเกลียดแค้น และอยากฆ่าท่าน แล้วฆ่าตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น!”
น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมอีกครั้ง นางแหงนหน้าสูงขึ้นอีก พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองอย่างสุดความสามารถ ทว่าตัวนางกลับสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของนางมิอาจปิดบังความเจ็บปวดในใจเอาไว้ได้
ยิ่งนางเอื้อนเอ่ยวาจา หัวใจของเขาก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นทุกชั่วขณะ ราวกับได้ก้าวเท้าเข้าไปในขุมนรก หนาวเย็นไปทั้งตัว หวนนึกถึงทุกความทรงจำตั้งแต่รู้จักกับนางมา…แล้วจึงค่อยตระหนักได้ด้วยความตกตะลึง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง!
มิน่าเล่า ยามนางเล่าถึงเหตุการณ์ที่หลีซูถูกสังหาร จึงได้ดูเคียดแค้นและเจ็บปวดถึงเพียงนั้น ราวกับคนที่ถูกสังหารคือตัวนางเอง! มิน่าเล่าการตายของพระชายาในเซ่อเจิ้งอ๋อง จึงทำให้นางเจ็บปวดเจียนตายจนเหมือนกับคนที่ตายคือมารดาของนางเอง! มิน่าเล่ายามเจอตงฟางจั๋วที่ทะเลสาบวั่งเยวี่ย นางถึงได้โกรธขึ้งยากควบคุมถึงเพียงนั้น! มิน่าเล่านางจึงได้หวาดกลัวเรื่องราวระหว่างหญิงชาย เหมือนมันเป็นฝันร้าย กระทั่งร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดในครั้งแรก…
ในสายตาของเขา เรื่องภูตผีเป็นเรื่องเหลวไหลมาโดยตลอด เขาไม่เคยเชื่อ ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน ยามนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องพิสดารเช่นนี้จริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนจะหาเหตุผลมาค้านไม่ได้เช่นกัน!
เรื่องราวที่เป็นปริศนามาโดยตลอด พลันถูกไขปมจนกระจ่าง คำตอบโหดร้ายเกินกว่าที่จะจินตนาการ
“ซูซู…” เสียงที่ออกจากปากกลับแหบแห้งถึงเพียงนี้ ใบหน้าของเขายังคงดูสงบนิ่งเยือกเย็น แต่เบื้องหลังกลับซ่อนไว้ซึ่งความแตกตื่นหวาดกลัว เขามองใบหน้าเย็นชาของนางที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ แต่เหมือนอยู่ห่างกันคนละขอบฟ้า เขาอยากเดินไปหานาง แต่กลับก้าวเท้าไม่ออก
ซูหลีเก็บงำความรู้สึกอันเศร้าโศกเสียใจทั้งหมด จากนั้นเดินไปทางโต๊ะไม้ด้านหน้าเขา แล้วยกสุราสามแก้วไปวางตรงหน้าเขา “สุราสามแก้วนี้ข้าเตรียมไว้ให้ท่าน ยินดีกับพิธีอภิเษกสมรสด้วย!” สีหน้าสงบนิ่ง เหมือนกำลังตั้งตารอที่จะตัดขาดกับเขา
หัวใจของตงฟางเจ๋อเจ็บปวด ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดันมือที่ยกขึ้นของนางลง
“ข้าไม่ต้องการ!”
ซูหลีแกะนิ้วมือที่เคยอบอุ่นเสมอมาแต่ยามนี้กลับเย็นเฉียบออก มองหน้าเขาตรงๆ แล้วกล่าวว่า “แก้วแรก ข้าขอดื่มให้ท่านที่ช่วยชีวิตข้านับครั้งไม่ถ้วน แล้วยังรักข้า มอบความรู้สึกสุขสมยินดีมากมายให้แก่ข้า…ขอให้ท่านกับองค์หญิงเจาหวา ครองรักกันในฐานะสามีภรรยาไปจนแก่เฒ่า”
มือของตงฟางเจ๋อชะงักค้างกลางอากาศ ไม่อาจขยับเขยื้อน เขารู้ว่ายามนี้ไม่ว่าตนเองจะอธิบายอะไร ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
นางแหงนหน้าดื่มสุราจนหมดแก้วในคราวเดียว จากนั้นก็ยกแก้วต่อไปขึ้นมาอย่างไม่รีรอ ก่อนจะกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “ถ้วยที่สองนี้ ข้าดื่มให้ตนเองที่มองไม่เห็นความจริง มองศัตรูเป็นคนรัก!”
นางยังเอ่ยไม่ทันจบ อัสนีบาตอีกสายก็พลันฟาดฟันลงมาอย่างไร้ความปรานี ครานี้แสงสีเงินส่องดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาของหญิงสาว ตงฟางเจ๋ออึ้งงัน นางแหงนหน้าแล้วกล่าวต่ออีกว่า “หัวใจของท่านลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ช่ำชองการวางแผน คงไม่เคยลิ้มลองรสชาติของความผิดพลาด! ฉะนั้น…แก้วนี้ ขอให้ภายหน้าแม้ท่านวางแผนอย่างสุดความสามารถ ได้ขึ้นครองราชย์สมใจ สุดท้ายกลับไม่เหลือสิ่งใด!”
กลีบปากของตงฟางเจ๋อสั่นเล็กน้อย ความเจ็บปวดและสิ้นหวังที่เอ่อล้นในดวงตาค่อยๆ ทำลายความเยือกเย็นของเขาทีละน้อยๆ
นางเกลียดแค้นเขาถึงเพียงนี้แล้ว! เกลียดการโกหกของเขา เกลียดแผนการของเขา เกลียดที่เขาผิดคำสัญญา!
“แก้วที่สาม…” ซูหลีกระดกสุราแก้วที่สองอย่างรวดเร็ว นางสำลักเล็กน้อย รสชาติแสบร้อนจู่โจมลำคอ นางอดกระแอมไอออกมาไม่ได้ ทว่ากลับไม่ยอมหยุด
“แก้วที่สาม ข้าขอดื่มให้แก่ทุกเรื่องราวที่เราผ่านมาด้วยกัน ดื่มให้ท่านกับข้าที่เคยรักกัน ถึงแม้พวกเราต่างก็ต้องหยุดแต่เพียงเท่านี้ แต่กลับไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง ถึงแม้…นั่นจะเป็นเพียงความผิดพลาด แต่ข้าไม่เสียใจสักนิด”
“ซูซู…” ในที่สุดเขาก็ทนความเจ็บปวดที่เหมือนถูกมีดกรีดหัวใจไม่ไหว เอื้อมมือออกไปหมายจะแย่งแก้วสุรา นางกลับหลบหลีก ซูหลีมองเขา แล้วยิ้มอย่างโศกเศร้า กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเพียงความผิดพลาด ก็สมควรจบมันโดยเร็ว ข้ามิอาจสังหารท่าน เช่นนั้นก็ปล่อยให้เราหายไปจากชีวิตของอีกฝ่ายเถิด! ฉะนั้นแก้วนี้ หลังจากที่แยกจากกันวันนี้ ข้าขอให้เราอย่าได้พบกันอีกตลอดกาล…”
นางแหงนหน้ากรอกสุราแก้วสุดท้ายลงคอ รสชาติเผ็ดร้อนรุนแรงทำให้น้ำตานางเกือบไหลออกมา นางรีบหลับตาแน่น รอยยิ้มเย็นชาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง แก้วสุราถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง จนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และหัวใจของเขา ก็เหมือนจะแหลกสลายไปพร้อมกับแก้วสุราใบนั้นด้วย
ทุกประโยคของนางเต็มไปด้วยลางร้าย ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวลนลาน และเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ
……………………………………………………..