กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 321 ปริศนาชาติกำเนิด (4)
“เจ้า…” จิ้งหวั่นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นตื้นตัน “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าตนเองคือซูหลีอยู่เลย แต่ซูหลีจะรู้สิ่งที่ข้าเคยพูดกับหลีซูได้อย่างไร?”
“เพราะว่าซูหลีก็คือหลีซู! ข้า…มีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยร่างของนาง วันนั้นที่โถงเซ่นไหว้ศพหลีซู ข้าอยากบอกกับเสด็จแม่เหลือเกินว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ข้ายังไม่ทันบอก เสด็จแม่…เสด็จแม่ก็จากไปก่อนแล้ว…” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น สายตาเศร้ารันทด สะท้อนแววโทษตนเองที่ซ่อนอยู่ในใจมาตลอด ทำให้รับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าและความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดของนางได้อย่างชัดเจน
สายตาของจิ้งหวั่นเบิกกว้างกว่าเดิม หัวใจของนางสั่นไหว แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน ซูหลีก็คือหลีซู? ซูหลีก็คือหลีซูงั้นหรือ…
นาง คือหลีซูจริงๆ!
“เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าเร็วกว่านี้?” จิ้งหวั่นจับมือซูหลี อารมณ์พลุ่งพล่านยากจะควบคุม
ซูหลีพยายามสงบสติอารมณ์ ก้มหน้ากล่าวว่า “ที่เสด็จแม่ตาย ล้วนเป็นเพราะข้า”
“ฉะนั้นเจ้าจึงโทษตนเอง และไม่กล้าบอกความจริงกับข้า? เพราะคิดว่าข้าจะโทษเจ้า?” เสียงของจิ้งหวั่นสั่นเครืออย่างไม่อาจควบคุม นางมองเด็กสาวตรงหน้าที่ตนเองเลี้ยงดูมากับมือ เจ็บปวดใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ซูหลีไม่พูดอะไร ในดวงตาที่หลุบต่ำมิอาจซุกซ่อนความเศร้าโศกเอาไว้ได้
จิ้งหวั่นอดถอนหายใจไม่ได้ นางฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดในใจ มองหน้าซูหลี แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ปานบนใบหน้าเจ้าหายไปได้อย่างไร?”
ซูหลีก้มหน้าบอกว่า “พิษดอกฉิงฮวาถูกแก้ ปานจึงหายไปแล้ว”
จั้งหวั่นอึ้งงัน กล่าวด้วยความตกตะลึง “พิษดอกฉิงฮวาในกายเจ้าแก้ได้แล้วหรือ? แก้ได้อย่างไร?”
ซูหลีกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “วันที่ตงฟางเจ๋อบุกทำลายสำนักเฉินเหมิน ข้าตามหวั่นซินไปที่เฉินเหมิน แล้วค้นพบดอกฉิงฮวาที่ถูกเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์แบบในห้องลับของเจ้าสำนักเฉินเหมิน”
“ดอกฉิงฮวา?” จิ้งหวั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “เจ้าสำนักเฉินเหมินเป็นผู้ใด เหตุใดเขาจึงมีดอกฉิงฮวาในครอบครอง?”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ในห้องลับของเขา ข้าเจอภาพวาดภาพหนึ่งที่เหมือนกับภาพวาดที่แขวนอยู่หน้าประตูศิลาบานนี้” ซูหลีหยิบภาพหญิงสาวนั่งสมาธิมาให้จิ้งหวั่นดู
จิ้งหวั่นนิ่งอึ้ง คล้ายนึกอะไรบางอย่างได้ นางเงยหน้ามองซูหลีด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจ ความร้อนใจที่ไม่อาจปิดบังทำให้สายตานางราวกับมีลำแสงถูกปล่อยออกมา นางรีบถามขึ้นทันที “เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?”
ซูหลีบอกว่า “ข้าเคยเห็นแผนที่เส้นทางลับของเฉินเหมิน เส้นทางลับและการจัดวางกลไกใต้ดินที่นั่นเหมือนกับอุโมงค์ใต้ดินของที่นี่มาก”
“เป็นเขา? ต้องเป็นเขาแน่ๆ!” ใบหน้าเรียบนิ่งของจิ้งหวั่นพลันแปรเปลี่ยนไปทันที มือที่กุมมือซูหลีก็ไม่สั่นเทาอีกต่อไป
ซูหลีกล่าวอย่างสงสัย “ท่านน้าหมายถึงผู้ใด?”
“ผู้อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในลัทธิธิดาเทพ เสวียนจี” จิ้งหวั่นขานชื่อนั้นออกมาอย่างอ่อนแรง นางปล่อยมือซูหลี แล้วยกขึ้นปิดหน้าตนเอง กลิ่นอายความเจ็บปวดแผ่ออกจากกายนาง ก่อนจะปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ซูหลีประหลาดใจ นางไม่เคยเห็นจิ้งหวั่นเป็นอย่างนี้มาก่อน ราวกับเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักจนไม่อาจควบคุมตนเองได้ นางอดกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจไม่ได้ “เสวียนจี? ใช่ผู้อาวุโสที่แปรพักตร์ไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่?”
จิ้งหวั่นไม่ตอบ นางเพียงเงยหน้ามองซูหลี สายตาของนางเจ็บปวด ขอบตาแดงก่ำ คล้ายกำลังตัดสินใจบางอย่าง นางกล่าวว่า “เจ้าคงอยากรู้มากว่านายหญิงกับข้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับลัทธิธิดาเทพ ในเมื่อเจ้าตามหาข้ามาจนถึงที่นี่ ข้าคงต้องบอกเรื่องบางอย่างกับเจ้า นายหญิง…มารดาของเจ้า นางก็คือธิดาเทพแห่งลัทธิธิดาเทพ”
ถึงแม้จะเดาคำตอบนี้ได้แต่แรกแล้ว แต่ครั้นได้ยินท่านน้าจิ้งหวั่นพูดเองกับปาก หัวใจของซูหลีก็ยังคงเต้นรัว นางนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“ข้ากับเซียงเป็นภูติมือซ้ายและภูติมือขวาของนาง เริ่มฝึกฝนวิชากับนางตั้งแต่สิบขวบ ถึงแม้นางเป็นธิดาเทพ แต่กลับดีกับพวกข้าทั้งสองมาก ในลัทธิไม่มีใครรู้ประวัติของนาง แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้”
แม้แต่ท่านน้าจิ้งหวั่นก็ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเสด็จแม่เช่นนั้นหรือ? ซูหลีประหลาดใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดแทรก
จิ้งหวั่นมองหน้านาง ราวกับมองเห็นหรงซีจินในอดีต นางจมดิ่งสู่ห้วงภวังค์ แล้วกล่าวคล้ายกำลังหวนรำลึกความทรงจำ “สิบแปดปีก่อน ข้าได้รับคำสั่งให้สังหารฮ่องเต้แห่งแคว้นติ้ง ทว่าทำพลาดถูกจับได้ นางส่งคนไปช่วยชีวิตข้าหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้าย…นางทนดูข้าถูกทรมานไม่ได้ จึงไปช่วยข้าด้วยตนเอง…”
ซูหลีได้ยินก็สูดหายใจด้วยความตกตะลึง สังหารฮ่องเต้แห่งแคว้นติ้ง?! นางจำได้ว่าเคยได้ยินคนพูดถึง ฮ่องเต้แห่งแคว้นติ้งหลับใหลไม่ได้สตินับตั้งแต่การลอบสังหารเมื่อสิบแปดปีก่อน ส่งผลให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ ต่อมาบิดาของหลางฉ่างจึงได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อ…
ที่แท้เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับท่านน้าจิ้งหวั่นและท่านแม่!
ซูหลีกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว เงียบฟังท่านน้าจิ้งหวั่นเล่าเรื่องต่อไป
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นนายหญิงใช้วิธีใด ถึงได้ทำให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นติ้งถูกพิษจนไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก! นางฉวยโอกาสช่วงชุลมุนช่วยข้าออกมา ระหว่างทางกลับพวกข้าถูกคนของแคว้นติ้งไล่ล่า ต่างบาดเจ็บหนักกันทั้งคู่ ผู้อาวุโสเสวียนจีที่เดินทางตามมาทีหลังช่วยข้าไว้ได้ แต่นายหญิงกลับตกหน้าผา! ไร้ซึ่งวี่แววและข่าวคราวใดๆ” น้ำเสียงของจิ้งหวั่นเจ็บปวดและหนักอึ้ง คล้ายจมดิ่งไปกับความทรงจำที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
หัวใจของซูหลีพลอยตึงเครียดไปด้วย
“หลังผ่านไปสองเดือน ในที่สุดพวกข้าก็ตามหานางพบ นางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นิสัยเงียบขรึมไม่พูดไม่จา นางตามพวกข้ากลับมาที่นี่โดยไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เดิมทีเรื่องควรจบลงแล้ว แต่ผ่านไปไม่นาน นางก็พบว่าตนเองตั้งครรภ์!”
ซูหลีเงยหน้าด้วยความตกใจ เสด็จแม่ตั้งครรภ์ก่อนจะแต่งงานกับเสด็จพ่องั้นหรือ?! เช่นนั้นนาง นาง…
“ในลัทธิมีกฎ ธิดาเทพมิอาจแต่งงานได้ มิเช่นนั้นจะถูกทำโทษด้วยการนำตัวไปเผา ข้ากับเซียงต่างเกลี้ยกล่อมให้ทิ้งเด็กในท้องเสีย แต่นางไม่ยอม ถึงขั้นตัดสินใจไปจากลัทธิธิดาเทพเพื่อไปหาพ่อของเด็ก…”
ครั้นพูดมาถึงตรงนี้ เสียงของจิ้งหวั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด ซูหลีกลับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ได้ยินเพียงจิ้งหวั่นกล่าวต่อว่า “ข้ากับเซียงตัดสินใจติดตามนางไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นจึงวางแผนอย่างรอบคอบและหนีออกไป ตอนแรกทุกอย่างราบรื่นดี ไม่มีผู้ใดค้นพบร่องรอยของพวกข้า จนกระทั่ง…นางเขียนจดหมายฉบับหนึ่งแล้วส่งออกไป นัดหมายกับคนผู้นั้นที่หุบเขาอวี๋ชิง แต่รออยู่สามวันสามคืนกลับไม่มีผู้ใดปรากฏตัว นอกจากสามผู้อาวุโสในลัทธิ!”
หัวใจของซูหลีสั่นระรัว นางกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว
“นายหญิงตั้งครรภ์ ยามต่อสู้จึงห่วงหน้าพะวงหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพื่อปกป้องนายหญิง เซียงยอมสละชีวิตภายใต้น้ำมือของผู้อาวุโสเสวียนจิ้ง! ถึงแม้ข้าจะพยายามปกป้องนายหญิงพานางหนีไปอย่างสุดชีวิต แต่นางกลับถูกพิษดอกฉิงฮวาของผู้อาวุโสเสวียนฟง!”
ซูหลีกล่าวด้วยความสงสัย “ดอกฉิงฮวาเป็นของราชวงศ์เปี้ยน เหตุใดผู้อาวุโสเสวียนฟงจึงมีมันเล่า?”
“ข้าเองก็ไม่รู้” จิ้งหวั่นส่ายหน้า แล้วกล่าวอย่างไม่มั่นใจ “ข้าคิดว่า ลัทธิธิดาเทพกับราชวงศ์เปี้ยนอาจเกี่ยวข้องกัน ธิดาเทพแต่ละยุคในอดีตล้วนถูกธิดาเทพรุ่นก่อนพาตัวมาจากข้างนอก ประวัติความเป็นมาของพวกนางเป็นความลับ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้”
“หลังจากนั้นเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ?” ซูหลีอดถามต่อไม่ได้
“ต่อมา…เพื่อแก้พิษดอกฉิงฮวา ข้าลักลอบไปหาเสวียนจีตามลำพัง ข้ากับเขา…เคยตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน จึงค่อนข้างสนิทสนมกัน” จิ้งหวั่นแหงนหน้าถอนหายใจ ซูหลีมองเห็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจปกปิดได้ในดวงตานาง รู้ว่านางกลับเสวียนจีไม่ใช่แค่สหายที่ค่อนข้างสนิทสนมกันอย่างแน่นอน
………………………………