กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 323 พบสหายเก่าในถิ่นศัตรู (1)
หัวใจของซูหลีเจ็บปวดรวดร้าว นางไม่สนใจความทรมานที่เกิดจากพลังสองขุมในร่างกายปะทะกัน รีบเข้าไปประคองจิ้งหวั่นขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจแสนสาหัส “ท่านน้าทำเช่นนี้ทำไมเจ้าคะ?! เสด็จแม่จากข้าไปแล้ว เหตุใดท่านน้าจึงต้องจากข้าไปอีกคน!” นางไม่อาจข่มกลั้นความเศร้าโศกและความขมขื่นในใจ ขอบตาแดงก่ำไปทั้งดวง
เดิมจิ้งหวั่นก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ยามนี้ยังสูญเสียกำลังภายในไปทั้งหมด จะมีชีวิตรอดอีกได้อย่างไรกัน?! นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก ซูหลีรีบกุมมือนาง มือของทั้งสองสั่นเทาเบาๆ
จิ้งหวั่นมองนิ้วมือที่ไร้เครื่องประดับของนาง แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “แหวนหยกขาววงนั้น…เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิธิดาเทพ หาทางนำกลับมาให้ได้”
ซูหลีรีบพยักหน้าทันที จิ้งหวั่นหอบหายใจ แล้วกล่าวอย่างยากลำบากอีกครั้ง “แหวนถูกสร้างขึ้นมาเป็นคู่ อีก…อีกหนึ่งวง…อยู่กับพ่อแท้ๆ ของเจ้า…” นางกุมมือซูหลีแน่นด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี ซูหลีพยักหน้าอย่างหนักแน่น เจ็บปวดหัวใจจนพูดไม่ออก จิ้งหวั่นเงยหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง สายตาค่อยๆ เลื่อนลอยไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่านางมองเห็นสิ่งใด กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “เสวียน…เสวียนจี…”
มือของนางร่วงหล่นอย่างอ่อนแรง จิ้งหวั่นหลับตาพริ้มพร้อมกับแย้มยิ้มบางๆ สีหน้านางกลับดูสงบสุขถึงเพียงนั้น ซูหลีหลับตาอย่างปวดใจ กอดร่างจิ้งหวั่นแน่น น้ำตาที่ใกล้จะหลั่งรินออกมาถูกกักขังไว้ด้านหลังเปลือกตาที่ปิดแน่น
“ท่านน้าจิ้งหวั่น…” นางขานเรียกด้วยเสียงสะอื้นไห้ นั่งอยู่บนพื้นอย่างหมดแรง ความเศร้าโศกและความเจ็บปวดกัดกินหัวใจ กระทั่งประตูศิลาบานหนึ่งถูกเปิดออกนางก็ยังไม่รู้ตัว
เงาร่างสีแดงสายหนึ่งโฉบผ่านเข้ามาในทางลับ และพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้าแผ่นหลังซูหลี แล้วตวาดถามเสียงต่ำ “เจ้าเป็นผู้ใด? นางตายได้อย่างไร?!”
ซูหลีได้ยินเสียงนั้น ก็สะท้านไปทั้งใจ รีบตั้งท่าระแวดระวัง หมายจะเคลื่อนกำลังภายในต่อต้าน แต่ชี่แท้ที่เกิดจากการปะทะกันของพลังสองขุมในร่างกายทำให้นางรู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิด แทบไม่มีแรงขยับเขยื้อน อีกฝ่ายสังเกตเห็นอาการผิดปกติของนาง จึงรีบสกัดจุดนาง แล้วจับตัวนางหันกลับมา เขาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนจะตะโกนเสียงหลง “อาหลีน้อย?!”
ซูหลีหลับตาอย่างจนใจ เป็นหยางเซียวดังคาด! เขาเคยปรากฏตัวในฐานะภูติแห่งลัทธิธิดาเทพ ยามนี้หากจะมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่เหตุใดต้องเป็นเวลานี้ด้วย?!
หยางเซียวชะโงกหน้าเข้ามา พิจารณานางอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ก่อนจะคว้าตัวนางด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย! ดีเหลือเกินที่เจ้ายังไม่ตาย! แต่เจ้าทำให้ข้าทุกข์ใจอย่างเปล่าประโยชน์อยู่ตั้งหลายเดือน เจ้าต้องชดใช้ให้ข้าด้วย!”
ไม่เจอกันหลายเดือน เขายังคงมีนิสัยขี้เล่นเหมือนเดิม ซูหลีลืมตา มองเขาอย่างเย็นชา
คล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางยังถูกสกัดจุดอยู่ เขารีบคลายจุดให้นาง ชี่แท้ที่เกิดจากการปะทะกันของพลังสองขุมในร่างกายทำให้นางทรมานจนแทบจะลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น นางรีบขับเคลื่อนพลัง แต่กลับยากจะควบคุมได้ในเวลาสั้นๆ เหงื่อเย็นไหลอาบหน้าผากกลมมน
หยางเซียวสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ใบหน้าพลันตึงเครียด รีบนั่งขัดสมาธิตรงหน้านาง แล้วยกมือประกบกับฝ่ามือนางโดยเร็ว พลังงานถูกถ่ายเทผ่านฝ่ามือที่ประกบกันอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้นางปรับชี่แท้ที่กำลังป่วนพล่านอยู่ในร่างกายให้สงบลง
เวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ใบหน้าของซูหลีกลับมาเป็นปกติ หยางเซียวกลับมีเหงื่อท่วมหัว เขาดึงพลังกลับไป แล้วพ่นลมหายใจหนักหน่วง เหลือบมองจิ้งหวั่นที่นอนสิ้นลมอยู่บนพื้น แล้วจึงค่อยกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ “ภูติซ้ายจิ้งกลับถ่ายทอดพลังให้เจ้าจนหมด! มิน่าเล่านางถึงได้ตาย! คราวนี้อาหลีน้อยก็ติดหนี้บุญคุณข้าอีกครั้งแล้ว คิดจะตอบแทนอย่างไรดี?” เขาเอียงคอมองนาง ดวงหน้าหล่อเหลาเยาว์วัยฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
ซูหลีไม่มีอารมณ์ล้อเล่นกับเขา นางอุ้มจิ้งหวั่นขึ้นมา เหล่มองเขาเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป
สายตาของหยางเซียวขรึมลงเล็กน้อย เขาขวางทางนาง แล้วกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “เจ้าจะไปไหน? เจ้าเคยรับปากว่าหากคดีของหลีซูสิ้นสุดลง เจ้าจะไปพบเสด็จพ่อพร้อมข้า! ข้าช่วยเจ้าเพราะคำสัญญานั้น กลับมาถูกเสด็จพ่อตำหนิไปไม่น้อย! ในเมื่อวันนี้เจ้ามาแล้ว ภูติซ้ายจิ้งก็ตายแล้ว เจ้าจะหนีหายไม่รับผิดชอบเช่นนี้ไม่ได้นะ!” เขาทำหน้าตำหนิ ทั้งยังทำท่าเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจ แต่รัศมีคมปลาบกลับพาดผ่านดวงตาอย่างชัดเจน
ซูหลีเงยหน้ามองเขา ไม่พูดอะไร สายตาเย็นชาดั่งหิมะ ราวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงคนแปลกหน้า ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร สีหน้านางก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
หยางเซียวอึ้งงัน รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่านางไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เหมือนกับว่า…นางเย็นชาและไร้ความรู้สึกกว่าเดิมมาก สีหน้าขี้เล่นของหยางเซียวจางหายไปหลายส่วน
“ซูหลีตายไปแล้ว” นางกล่าวประโยคแรกหลังจากไม่ได้พบกันนานด้วยเสียงเย็นชา รวบรัดทว่าไร้ความปรานี ไม่พูดมากเกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียว
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญา
นางเมินเฉยต่อการยืนขวางของเขา สาวเท้าเดินต่อไป หยางเซียวชะงักงัน อดไม่ได้ที่จะร้องโวยวาย “อาหลีน้อย! เจ้าร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดไว้มาก เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าแอบเล็ดลอดหนีออกมา มีคนต้องสังเวยชีวิตเพื่อเจ้ามากมายเพียงใด? ตงฟางเจ๋อกลายเป็นคนบ้าก็เพราะเจ้า! เขาถึงขั้นสังหารองค์หญิงและทูตของแคว้นข้าอย่างโจ่งแจ้ง และสั่งให้หยวนเซี่ยงแม่ทัพทหารม้าคนใหม่นำทัพทหารสามแสนนายมุ่งหน้ามายังประตูเมือง หมายจะบุกโจมตีแคว้นเปี้ยนของข้าให้ราบเป็นหน้ากลอง ช่างบ้าคลั่งสิ้นดี!”
ถึงแม้หลายเดือนที่ผ่านมา นางจะปฏิเสธรับฟังข่าวสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับตงฟางเจ๋อ แต่เรื่องราวที่แพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดินเหล่านั้น ก็มักจะลอยเข้าหูนางจากสถานที่ต่างๆ อย่างไม่อาจควบคุม ซูหลีชะงักเท้า ทว่ากลับไม่หันกลับไป
หยางเซียวจ้องแผ่นหลังแข็งกร้าวของนางเขม็ง แล้วกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ถ้าหากเขารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังอยู่ในแคว้นเปี้ยน เจ้าคิดว่าเขาจะรีบมาหาเจ้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นหรือไม่?”
สายตาของซูหลีตึงเครียดและเย็นชา ไอสังหารพาดผ่านดวงตา “ท่านกล้าข่มขู่ข้า?”
นางพลิกข้อมือบอบบาง คมดาบเย็นเยียบที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อจ่อตรงไปที่ลำคอเขาในพริบตา ท่านน้าจิ้งหวั่นถูกทรมานอย่างแสนสาหัส นางยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเขา แล้วยังมีการไล่ล่าเสด็จแม่นางในอดีตอีก อย่างไรก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เปี้ยนอย่างแยกไม่ออกแน่นอน
ไอสังหารแผ่กำจายไปทั่วห้องลับในพริบตา อาวุธแหลมคมจ่ออยู่ตรงหน้า สายตาของหยางเซียวอึ้งไปเล็กน้อย ทว่ากลับไม่มีวี่แววความหวาดกลัว เขากลับยักไหล่ แย้มยิ้มคล้ายต้องการบอกให้หญิงงามกระทำได้ตามใจ
ซูหลีหรี่ตา สายตาเย็นชา กล่าวว่า “หากพวกท่านจะคิดบัญชีกันก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงต้องการพาท่านน้าจิ้งหวั่นไปจากที่นี่! อย่าคิดจะรั้งข้า ผู้ใดรั้งข้าต้องตาย!”
อาวุธแหลมคมในมือยื่นเข้าไปด้านหน้าอีกหนึ่งส่วน จ่อลำคอเขาแน่น หยางเซียวแสร้งทำเป็นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาโวยวายเหมือนปวดใจ “อาหลีน้อย เมื่อครู่ข้ายังช่วยเจ้าด้วยความหวังดีอยู่เลย เจ้าคงไม่ตอบแทนบุญคุณกันอย่างนี้หรอกกระมัง?”
ซูหลีชะงักงันเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “ช่วยข้าออกไปจากที่นี่ แล้วข้ารับปากว่าท่านจะได้เป็นองค์ชายสี่ของท่านต่ออย่างไม่ต้องพะวงหลังอีกต่อไป”
หยางเซียวเบะปาก “เจ้าไร้ความน่าเชื่อถือ! เรื่องที่รับปากข้าก็ไม่ทำตามสัญญา! ข้าไม่สน หากวันนี้เจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็จะตายอยู่ตรงนี้แหละ!” เขาพูดพลางล้มตัวลงนั่ง จากนั้นก็แยกเขี้ยวใส่นาง และเริ่มทำตัวไร้เหตุผล
ซูหลีบันดาลโทสะ ทว่ากลับไม่อาละวาด นางรู้ดีว่าหยางเซียวผู้นี้ไม่ชอบออกไพ่ตามกฎมาแต่ไหนแต่ไร เขามักทำตามอำเภอใจจนเคยชิน เกรงว่าข่มขู่หรือหลอกล่อด้วยผลประโยชน์อย่างไรก็คงไร้ผล นางพลันหนักใจขึ้นมาทันที
หยางเซียวแสร้งถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจ “อาหลีน้อย เจ้าเข้าวังไปกับข้าหนเดียว ยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? บางที…หากได้พบเสด็จพ่อ เจ้าอาจได้คำตอบที่ต้องการก็ได้นะ?! อีกทั้งมีข้าอยู่ด้วย ไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าแน่นอน!”
……………………………………