กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 405 ก่อนพายุฝนจะมาเยือน (2)
ซูหลีอึ้งงัน ยามนี้จึงเพิ่งเข้าใจ ว่าเหตุใดเมื่อครู่เหล่าบ่าวรับใช้จึงได้ตื่นตะลึงเช่นนั้น! เด็กน้อยเป็นวัยที่อ่อนไหวที่สุด ถึงแม้เขายังเด็ก แต่คนในครอบครัวหายไป เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? ขอบตานางแสบร้อนเล็กน้อย กล่าวอย่างปลอบใจว่า “เสด็จน้าโปรดวางพระทัย หากมีเวลา ซูหลีจะมาเยี่ยมเหยียนเอ๋อร์แน่นอนเพคะ”
หยางเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อย เขาถอนหายใจยาวๆ ไม่พูดอะไรอีก
หลังออกจากจวนเซียวอ๋อง ระหว่างทางซูหลีครุ่นคิดอย่างหนัก ต้องทำเช่นไรจึงจะสามารถสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังให้เร็วที่สุดได้ เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งนัก ไม่ได้ธรรมดาดังที่เห็นภายนอกอย่างแน่นอน
เพียงแต่จางเจียนตายไปแล้ว เบาะแสขาดหาย จะสืบหาเบาะแสใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซูหลีอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ ครั้นนางเงยหน้าขึ้นมา ประตูกรมอาญาก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ในห้องโถงด้านหลังของกรมอาญา หยางเซียวกับรองเจ้ากรมอาญาอู่ซิวกำลังนั่งล้อมโต๊ะถกเถียงหารือบางอย่างกัน บนโต๊ะมีสิ่งของกองหนึ่งวางไว้ เขาเงยหน้าเห็นซูหลี ก็พลันเบิกบาน รีบกวักมือเรียกนาง “อาหลี มาเร็ว”
ซูหลีเดินไปหา ก็เห็นหยางเซียวถือกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเจ็ดชุ่นไว้ในมือ กล่องใบนั้นไม่มีฝาปิด ทว่ามิดชิดไร้รอยต่อทุกด้าน ราวกับถูกหล่อขึ้นมา ซูหลีอดถามไม่ได้ “นี่อะไรหรือ?”
หยางเซียวกล่าวว่า “ค้นมาได้จากที่พักของจางเจียน ของสิ่งนี้ดูแปลกๆ แต่พิจารณาอยู่ครึ่งวัน ก็ยังมองอะไรไม่ออกเลย” ว่าพลางเขาก็ลองเขย่าดู เสียงเบาๆ ดังออกมาจากด้านในกล่อง เห็นได้ชัดว่าข้างในโล่งเปล่า
ซูหลีรับมาพิจารณาดูอย่างละเอียด ค้นพบว่ารอยไม้ตรงขอบกล่องดูต่างไปจากจุดอื่นเล็กน้อย นางถอดปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาเล่มหนึ่ง แล้วใช้ปลายแหลมๆ ของปิ่นปักผมกรีดเบาๆ ลายไม้ตรงขอบกล่องพลันเปิดออกเป็นช่องเล็กๆ เท่าเส้นผม
ซูหลีตั้งสมาธิ นางดึงเส้นลวดออกจากลายไม้ที่อยู่ตรงก้นกล่องทั้งสี่ด้านของกล่อง กล่องปิดตายที่ไร้รอยต่อกล่องนั้น พลันเด้งเปิดเสียงดัง ‘กริ๊ก’ ทันที
หยางเซียวร้องอย่างยินดี “อาหลีเก่งที่สุด ข้างมหาอยู่ครึ่งวันก็ยังไม่รู้ว่ากลไกซ่อนอยู่ตรงนี้!”
ของที่อยู่ข้างในกล่องถูกห่อไว้ในผ้าสีดำอย่างมิดชิด เขายื่นมือไปล้วงออกมา กลับต้องประหลาดใจเล็กน้อย เพราะยามถืออยู่ในมือของสิ่งนี้เบาจนแทบไร้น้ำหนัก เมื่อเปิดผ้าสีดำออก ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ของที่ถูกปิดตายเอาไว้ในกล่องลึกลับกล่องนี้จะเป็นกระดาษสีขาวกองหนึ่ง!
ทั้งสามคนอึ้งงัน
กระดาษกองนี้ขาวเหมือนหิมะ เรียบลื่นสะอาดสะอ้าน ไร้รอยด่างพล้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นกระดาษที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด
เพียงแต่ บนกระดาษไม่มีอักษรใดอยู่เลย
ซูหลีรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ หากเป็นกระดาษธรรมดาจริงๆ เขาจะเก็บเอาไว้อย่างลึกลับซับซ้อนเช่นนี้ทำไมกัน? จะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน
หยางเซียวหลังจากหายอึ้ง คล้ายจู่ๆ ก็ค้นพบบางอย่าง ครั้นพลิกกระดาษกองนั้นดูอย่างละเอียด คิ้วเข้มก็ขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ปากก็พึมพำเสียงเบา “นี่มันกระดาษหิมะ เหตุใดจางเจียนจึงมีมันในครอบครอง?”
ซูหลีถามโดยสัญชาตญาณทันที “กระดาษหิมะ?”
หยางเซียวกล่าวว่า “กระดาษหิมะถูกทำขึ้นในแคว้นเฉิน หลายปีก่อนทูตจากแคว้นเฉินเดินทางมาแคว้นเปี้ยน ได้นำสิ่งนี้มอบเป็นเครื่องบรรณาการให้เสด็จพ่อ ข้าจำได้ว่านอกจากกระดาษหิมะแล้ว น่าจะยังมีของอีกหนึ่งสิ่ง” เขาพูดพลางตรวจสอบกล่องใบนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่กลับไม่พบอะไรเลย
อู่ซิวรีบถามขึ้นทันที “องค์ชายหมายถึงสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะส่งคนไปค้นหาในที่พักของจางเจียนอีกครั้ง!”
หยางเซียวพยายามใช้ความคิด “เป็นขวดเล็กๆ ขวดหนึ่ง…ขนาดประมาณหัวแม่มือ ขวดนั้นเป็นสีใส ดูพิเศษมากทีเดียว”
ซูหลีพลันนึกอะไรออก ล้วงขวดเล็กที่เก็บได้จากค่ายกลออกมา แล้วกล่าวเสียงเข้ม “ท่านดูว่าใช่สิ่งนี้หรือไม่”
สายตาของหยางเซียวชะงักงัน เขารับมาพิจารณาอย่างละเอียด แล้วกล่าวอย่างดีใจ “เจ้าได้มันมาจากที่ใด?”
ซูหลีตอบว่า “เมื่อวานหลังจากที่ท่านกลับไป ข้าเก็บมันได้ในค่ายกล มันหล่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่จางเจียนฆ่าตัวตาย ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เป็นไปได้มากว่าเขาทำหล่นไว้ ของสิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับกระดาษหิมะหรือ?”
หยางเซียวกล่าวอย่างเศร้าซึม “ข้ารู้เพียงขวดใบนี้ถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการพร้อมกับกระดาษหิมะ เรื่องอื่นไม่แน่ใจนัก”
ซูหลีจ้องมองขวดเล็กใบนั้นและกระดาษหิมะอย่างครุ่นคิด จำได้ว่าเมื่อก่อนเฉินเหมินเคยทำน้ำยาพิเศษชนิดหนึ่งขึ้นมา ใช้แช่ผ้าไหมขาวซึ่งบันทึกข้อแลกเปลี่ยนลับของเฉินเหมินเอาไว้เพื่อให้รอยหมึกล่องหนได้
ของสองสิ่งตรงหน้านี้ บางทีอาจมีวิธีการใช้ที่คล้ายกันก็ได้…
นางหยิบพู่กันด้ามหนึ่งมา แล้วจุ่มปลายพู่กันลงในขวดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะระบายของเหลวในขวดให้ทั่วกระดาษหิมะ
อู่ซิวตกใจกับการกระทำของนางไม่น้อย นั่นเป็นถึงของบรรณาการเชียวนะ! แต่พอเห็นหยางเซียวไม่ห้ามปราม เขาก็ทำได้เพียงทนไว้
หยางเซียวจ้องการกระทำของนางไม่วางตา ราวกับผ่านไปเนิ่นนาน แต่ก็เหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วครู่ กระดาษขาวสะอาดแผ่นนั้น ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น
ซูหลีตึงเครียด เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? หรือนางคิดผิด?
หยางเซียวกลับไม่ยอมแพ้ เขาดึงกระดาษหิมะแผ่นที่อยู่ด้านล่างสุดออกมา แล้วทำเช่นเดิมอีกครั้ง เวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป บนกระดาษแผ่นนั้นก็ค่อยๆ มีตัวอักษรปรากฏขึ้นหลายบรรทัดดังคาด!
หัวใจของซูหลีเต้นเร็วขึ้นทันที นางกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
หยางเซียวเบิกตากว้าง อักษรเหล่านั้นยังคงเพิ่มความคมเข้ม และชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นาน จดหมายลับที่เหนือความคาดหมายฉบับหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า!
ซูหลีกับหยางเซียวเงยหน้าขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พวกเขามองเห็นความตื่นตะลึงจากสายตาอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ณ พระราชวังแคว้นเปี้ยน
ซูหลีตะบึงม้าตามหลังหยางเซียวมุ่งหน้าไปยังตำหนักฉินเจิ้ง ด้านในตำหนักขนาดใหญ่เงียบสงบไร้สรรพเสียง กลิ่นหอมลอยอบอวล ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนเก้าอี้มังกร สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดแน่น ท่าทางเหมือนแม้ยามหลับฝันก็ยังมีเรื่องกลัดกลุ้ม
นับตั้งแต่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนมีคำสั่งให้ซูหลีเดินทางไปทบทวนความผิดที่วัดหวงผู่ ซูหลีก็ไม่เคยพบเขาอีกเลย วันนี้ครั้นเห็นเขา นางอดประหลาดใจไม่ได้ เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือน สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนดูหม่นหมอง และซูบเซียวกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
หยางเซียวเดินเข้าไปอย่างเบาเสียง หยิบเสื้อคลุมห่มกายเขาอย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสะดุ้งตื่น ครั้นเห็นว่าเป็นหยางเซียวกับซูหลี ก็นิ่งงันไปชั่วขณะ คล้ายประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งตัวตรง
หยางเซียวเห็นสีหน้าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนไม่สู้ดี แววห่วงใยพลันบังเกิดในดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ เขากล่าวอย่างใส่ใจ “เสด็จพ่อรู้สึกไม่สบายตรงที่ใด ทรงเรียกหมอหลวงมาตรวจดูแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนนวดขมับเบาๆ หลับตาเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ไม่เป็นไร เพียงรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อยเท่านั้น พักสักหน่อยก็หายแล้ว”
ซูหลีกระจ่างแก่ใจ ทูตจากแคว้นเฉิงถูกลอบสังหาร หยางเจิ้นที่มีกำลังทหารสำคัญอยู่ในมือปะทะกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แค่เรื่องเหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสับสนวุ่นวายแล้ว นางเดินเข้ามาค้อมกาย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ซูหลีถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
“อือ” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนชำเลืองมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าวเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “พวกเจ้าไปสืบคดีไม่ใช่หรือ มีความคืบหน้าใดหรือไม่?”
สีหน้าของหยางเซียวแปรเปลี่ยนเป็นหนักใจหนึ่งส่วน
“เกิดเรื่องใดขึ้น?” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหยางเซียวอย่างรวดเร็ว
หยางเซียวเดินไปหาฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนช้าๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าลังเล “ลูกสืบเจอเบาะแสแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่…”
“มีเรื่องใดก็พูดมาตรงๆ เหตุใดจึงต้องอึกอักเช่นนี้?” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนไม่พอใจเล็กน้อย สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ถามว่า “เป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่?”
หยางเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงกระดาษกองนั้นออกจากอกเสื้อ แล้วยื่นไปตรงหน้าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสะดุดกึกทันที สายตาตื่นตระหนก รีบแย่งกระดาษกองนั้นไปก้มหน้าก้มตาพลิกอ่าน เพียงแต่… เมื่อเห็นเนื้อหาที่ถูกเขียนลงบนกระดาษแต่ละแผ่น สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
หัวใจของซูหลี ก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ไปด้วยเช่นกัน
………………………..