กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 31
ชายที่ตะโกนเรียกโนอาห์เพื่อขอความช่วยเหลือนั้นแท้จริงแล้วคือผู้นำของกลุ่ม เขาชื่อแจสเปอร์อายุ 22 ปีซึ่งแม้จะอายุค่อนข้างน้อย แต่ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงสุดของระดับ E จนเกือบจะถึงระดับ D แล้ว เพราะตั้งแต่แรกเขาได้ปลุกพรของเขาให้ตื่นขึ้นด้วยพรระดับ C ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ก็ตาม เขามาจากครอบครัวที่ยากจน แต่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตของเขาจากความพยายามของตัวเองเขาจึงไม่ได้มีความเย่อหยิ่งแบบที่ผู้ถูกเลือกระดับสูงส่วนใหญ่มี
นั่นทำให้เขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถูกเลือกคนอื่นๆได้เกือบทั้งหมด เขาเคยมีส่วนร่วมในป้อมปราการหลายแห่ง หลายๆคนจำเขาได้จากพรระดับ C ของเขา และเขายังเคารพผู้ถูกเลือกที่อ่อนแอกว่า เขาปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยลักษณะนี้ทำให้แจสเปอร์เป็นที่จดจำและเป็นผู้นำในการบุกป้อมปราการเกือบทุกครั้งที่เขาเข้าร่วม
เมื่อแจสเปอร์เห็นโนอาห์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยบนชุดลายพรางสีเขียวของเขา แจสเปอร์ก็สรุปได้อย่างรวดเร็วว่าผู้ถูกเลือกคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขามอง เนื่องจากเขารู้ดีว่าการเข้าไปในป้อมปราการคนเดียวนั้นยากเพียงใด และการออกมาจากที่นั่นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บถึงแม้ว่าจะซ่อนตัวนั่นแสดงว่าเขาไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะถ้าหากบุคคลนั้นไม่มีทักษะการซ่อนตัวที่ยอดเยี่ยมโอกาสที่มอนเตอร์บางกลุ่มจะพบเขาก็จะสูงมากเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าผู้ถูกเลือกคนนี้ไม่ได้ง่าย แจสเปอร์จึงตะโกนเรียกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือโดยหวังว่าเขาจะสร้างปาฏิหาริย์บางอย่างโดยที่ชายคนนี้จะสามารถช่วยกลุ่มออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขาได้ เพราะถ้ามันยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิมบางทีชีวิตของคนบางคนอาจจะอาจจะหมดลงตรงนี้ในอีกไม่นาน
เมื่อเขาเห็นว่าผู้ถูกเลือกคนนี้กำลังวิ่งมาหาพวกเขา แจสเปอร์ก็ประหลาดใจและตื่นเต้นกับความช่วยเหลือที่พวกเขาอาจได้รับ แต่เหตุการณ์มันแตกต่างจากที่แจสเปอร์จินตนาการไว้คือผู้ถูกเลือกไม่ได้ยกอาวุธใดๆขึ้นมา แต่เขากำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยมือเปล่าของเขา
โดยปกติผู้ถูกเลือกที่ไม่ได้ใช้อาวุธจะเป็นนักเวทย์ แต่เนื่องจากความสามารถของนักเวทย์มักจะสามารถร่ายได้จากระยะไกลเท่านั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้
ไม่กี่วินาทีต่อมาแจสเปอร์คิดว่าชายคนนี้เป็นคนงี่เง่าและเสียใจที่ตะโกนเรียกเขา ถ้าแจสเปอร์รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรบางอย่างเช่นวิ่งตรงไปหามอนเตอร์และโจมตีพวกมันด้วยหมัด แจสเปอร์จะไม่ตะโกนเพื่อให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็น
แต่เหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้แจสเปอร์ประหลาดใจ เมื่อโนอาห์เข้าใกล้มอนเตอร์มากพอเขาจึงรวบมือทั้งสองข้างเข้าหากันและเปิดฝ่ามือออก ทันใดนั้นเปลวไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากมือของเขา เขาปาสิ่งที่อยู่ในมือของเขาไปที่ก็อบลินแปดตัวที่กำลังพยายามโจมตีนักรบมนุษย์อย่างเมามัน เปลวไฟนั่นพุ่งออกไปราวกับว่ามันสามารถกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทางได้
ในกลุ่มผู้ถูกเลือกนี้มีผู้ถูกเลือกระดับ E ที่มีพรแห่งไฟเช่นกัน แต่สิ่งที่โนอาห์ใช้แตกต่างจากเปลวไฟของ ผู้ถูกเลือกระดับ E ที่เผามอนสเตอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทันทีที่เปลวไฟนี้สัมผัสกับก๊อบลินมันจะเริ่มลุกเป็นไฟด้วยความเร็วที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นจากการต่อสู้ในตอนแรกที่มีแต่เสียงกรีดร้องมากมายจากกลุ่มมนุษย์และเสียงจากใบมีดที่ชนกัน ตอนนี้กลับมีอีกเสียงปรากฏขึ้นมานั่นคือเสียงกรีดร้องจากก็อบลินทั้งแปดตัวที่กำลังกลิ้งอยู่ที่พื้นเพื่อที่จะดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ที่ตัวมัน มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง มันไม่สนใจอย่างอื่นอีก มันทำเพียงพยายามดับไฟที่กำลังลุกไหม้ตัวมันอยู่ถึงแม้มันจะต้องเสียแขนหรือขาของมันไปก็ตาม
ทันใดนั้นการต่อสู้ทั้งหมดก็หยุดลง ทั้งมนุษย์ที่ตื่นตะลึงและก็อบลินที่หวาดกลัวกับการเห็นความทุกข์ทรมานที่พรรคพวกของพวกมันพบเจอ
ในขณะที่มนุษย์ถูกแช่แข็งด้วยความตกตะลึงหลังจากเห็นความแข็งแกร่งของเปลวไฟและก็อบลินที่หวาดกลัวโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป โนอาห์ถือโอกาสเอามีดออกจากถุงที่มัดไว้ที่ขาขวาของเขาและฟันออกไปแปดครั้งในเวลาไม่กี่วินาที นั่นทำให้เขาฆ่าก็อบลินที่กำลังกลิ้งอยู่บนพื้นทั้งหมดทันที
‘ตอนที่ฉันออกล่าคนเดียวฉันไม่ต้องกังวลเรื่องการแบ่งปันค่าประสบการณ์ แต่ตอนนี้มีคนอื่นๆที่เข้าร่วมในการต่อสู้ ฉันไม่สามารถปล่อยให้ค่าประสบการณ์พวกนี้สูญเปล่าได้’ โนอาห์คิดหลังจากฆ่าก็อบลินเหล่านี้
เมื่อพวกก็อบลินที่ถือปืนยิงลูกดอกตระหนักว่านักรบที่อยู่ข้างพวกมันเสียชีวิตแล้ว ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจว่าถึงเวลาที่ต้องหลบหนีจากที่นั่นเพราะพวกมันไม่สามารถฆ่ามนุษย์เหล่านี้ได้ เพราะตอนนี้มีปีศาจอยู่กับพวกเขาด้วย
เมื่อเห็นก็อบลิน 3 ตัวพร้อมปืนยิงลูกดอกกำลังหลบหนี ไม่มีใครนอกจากโนอาห์คิดจะวิ่งตามพวกมันเพราะพวกเขาต่อสู้กันนานกว่า 50 นาทีโดยที่พวกเขาไม่ได้หยุดเลย
เมื่อไม่มีก็อบลินตัวอื่นปรากฏตัว ผู้ถูกเลือกทั้ง 14 คนก็ไม่พูดอะไรอีก พวกเขานั่งหรือนอนลงที่พื้นทันทีโดยที่พวกเขาไม่สนว่ามันจะสกปรกหรืออะไรทั้งสิ้น
โนอาห์มองไปที่ก๊อบลินทั้งสามที่วิ่งหนีไปด้วยความรู้สึกเสียดายกับค่าประสบการณ์ที่เขาต้องได้ แต่เนื่องจากไม่มีใครตามไปด้วยโนอาห์จึงตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปที่ซากศพจำนวนมากบนพื้น เขายังคงสามารถดูดซับศพพวกนี้ได้ด้วยเปลวไฟของเขา
ในขณะที่กลุ่มพักผ่อนแจสเปอร์ซึ่งฟื้นลมหายใจได้แล้วเดินเข้ามาหาโนอาห์และยื่นมือมาหาเขา
“ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของนายมาก ฉันคิดว่าถ้าไม่มีนายมาช่วยแล้วละก็พวกเราคงจะไม่สามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ทุกคนแน่นอน ฉันชื่อแจสเปอร์ นายชื่ออะไรงั้นหรอ?”
โนอาห์สังเกตผู้ถูกเลือกที่ชื่อแจสเปอร์คนนี้และเขาไม่สังเกตเห็นความรังเกียจหรือการโกหกใดๆจากเขา โนอาห์ทำแม้กระทั่งการวิเคราะห์ภาษากายของเขาแต่โนอาห์ก็ไม่พบอะไร สิ่งเดียวที่เขาพบคือผู้ชายคนนี้มีแต่ความจริงใจ
“ฉันชื่อโนอาห์” โนอาห์พูดด้วยใบหน้าที่ดีที่สุดที่เขามีโดยที่เขาแสดงท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก
เมื่อเห็นโนอาห์แสดงท่าทีอย่างไรแจสเปอร์ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉันขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะเข้ามาในป้อมปราการ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนายที่ปล่อยให้นายเข้ามาที่นี่คนเดียว มันคงไม่ใช่ความผิดของใครนอกจากเรา แต่ตอนนี้ฉันเป็นผู้นำกลุ่มเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน”
โนอาห์รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นจริงใจจริงๆ แต่โนอาห์ไม่รู้ว่าพวกเขาจริงใจเพราะเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เขามีหรือเป็นเพราะเขาเป็นคนใจดีจริงๆ
“ไม่มีปัญหาฉันชอบทำงานคนเดียวอยู่แล้ว” โนอาห์พูดในขณะที่เขาแสดงสีหน้าไม่สนใจราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย
โนอาห์สามารถปล่อยให้ผู้ถูกเลือกเหล่านี้ตายได้ และเขาก็ไม่ต้องแสดงความแข็งแกร่งให้กับคนแปลกหน้าเห็นด้วย แต่ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่พวกเขาจะมีประโยชน์กว่ามาก เพราะถ้าดูจากก็อบลินที่พวกเขาฆ่าไปแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาก็มีความสามารถที่จะฆ่าได้ขนาดนี้อีกเช่นกัน
แจสเปอร์มองอย่างแปลกประหลาดที่ก็อบลินที่ยังคงลุกเป็นไฟอยู่ เขาอยากถามโนอาห์ว่าทำไมเขาถึงยังทรมานมอนเตอร์เหล่านั้นแม้ว่าพวกมันจะตายไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อเขามองไปที่โนอาห์และเห็นว่าเขามีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของเขา แจสเปอร์ก็รู้สึกหนาวสันหลังของเขาเล็กน้อยและคิดว่าจะดีที่สุดถ้าจะไม่ถามอะไรแบบนั้นออกไป
เขาได้พบกับผู้คนทุกประเภทในการบุกที่เขาเข้าร่วม บางคนขี้กลัว บางคนกล้าหาญ บางคนโรคจิต เมื่อมองไปที่โนอาห์เขาคิดว่าโนอาห์เป็นพวกซาดิสม์ แต่ตราบใดที่มันพุ่งเป้าไปที่มอนเตอร์ที่พวกเขาเผชิญหน้าแจสเปอร์ก็ไม่สนใจมัน
มีเพียงโนอาห์เท่านั้นที่รู้ว่าสาเหตุที่เขามีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของเขาไม่ใช่เพราะเขาชอบทรมานมอนเตอร์พวกนี้แม้มันจะตายไปแล้ว แต่เป็นเพราะหน้าต่างสีดำที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ตั้งหาก