กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 41
ในเวลานั้นโนอาห์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต่อหน้าเขาตอนนี้มีซากศพมนุษย์สามศพ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกมัน โดยปกติในป้อมปราการไม่มีมาตรฐานในการจัดการกับศพมนุษย์ มีหลายกรณีที่ผู้ถูกเลือกเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของใครบางคนจากการบุกและบุคคลนั้นได้นำร่างของผู้ถูกเลือกไปฝังอย่างถูกต้อง ในทางกลับกันมีหลายครั้งที่ไม่มีใครในป้อมปราการสนใจว่าใครตายและพวกเขาก็จากไป และนั่นเป็นกรณีของป้อมปราการสุดท้ายที่โนอาห์เข้าร่วม
ในขณะที่โนอาห์พยายามระบุว่ามีใครสนใจศพหรือไม่เพราะถ้าไม่มีใครแสดงความสนใจเขาจะลองเสี่ยงโชคด้วยการเผาศพ ก่อนหน้านี้ความสามารถของเขาไม่อนุญาตให้เขาดูดซับอะไรจากมนุษย์ที่ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ถ้ามนุษย์ที่เขาเผานั้นมีบาปจำนวนมากก็เป็นไปได้ที่เขาจะได้รับประโยชน์จากการกำจัดศพพวกนั้น
‘เมื่อฉันเผามอนสเตอร์พลังงานของฉันจะกลับคืนมา และจะทำให้ค่าประสบการณ์สกิลของฉันเพิ่มขึ้น แต่ถ้าฉันเผามนุษย์จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ…บางทีฉันอาจจะได้รับอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่ค่าประสบการณ์?’ โนอาห์คิด เขามีสมมติฐานนับไม่ถ้วนในหัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไม่มีทางพิสูจน์สมมติฐานเหล่านั้นได้จนถึงตอนนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โนอาห์ตื่นเต้นมากก็คือเมื่อเขามองค่าสถานะของเขา เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อเลเวลของเขาเพิ่มขึ้นเขาได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นอย่างละ 2 หน่วยในแค่ละค่าสิ่งนี้อาจจะดูเล็กน้อย แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับว่าโนอาห์มีร่างกายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% และสิ่งที่พูดถึงนั่นคือทั้งหมดของร่างกายเขา เช่น ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว รวมไปถึงความอดทนทางร่างกาย
โนอาห์จำได้ว่าระบบได้บอกกับเขาว่าเมื่อเลเวลของเขาสูงขึ้นมากเท่าไหร่พลังของเขาก็จะเข้าใกล้กับลูซิเฟอร์มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อถึงระดับสูงสุดโนอาห์ก็จะมีระดับร่างกายที่แข็งแกร่งพอๆกับทูตสวรรค์ที่ลงมาเอง แต่น่าเสียดายที่ระบบไม่ได้บอกเขาว่าระดับสูงสุดคือเท่าใด นั่นทำให้โนอาห์รู้สึกเหมือนเขากำลังวิมาราธอนระยะยาว และเขาไม่รู้แน่ชัดว่ามันจบลงตรงไหนเขาทำได้เพียงแค่เดินตามเส้นทางเท่านั้น
“การโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นดีมากทักษะการเทเลพอร์ตของนายมีประโยชน์มากๆเลย!” โนอาห์ได้ยินเสียงพูดอยู่ข้างๆเขา มันคือเสียงของแจสเปอร์ที่แสดงรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา
เมื่อได้ยินว่าแจสเปอร์สันนิษฐานว่าความสามารถของเขาคือการเทเลพอร์ต โนอาห์ก็ไม่ได้พูดอะไรหรือบอกสิ่งที่ถูกต้อง เพราะมันยากกว่าที่จะพยายามอธิบายว่าความสามารถของเขาคืออะไร เนื่องจากในท้ายที่สุดการทำงานของความสามารถนั้นก็คือการเทเลพอร์ตอยู่ดี
“ขอบคุณ ปัญหาเดียวของมันคือมันใช้พลังงานอย่างมาก” โนอาห์ตอบกลับแจสเปอร์ขณะที่เขาพยายามทำความเข้าใจว่าชายคนนั้นต้องการอะไรโดยการคุยกับเขา โนอาห์ได้พบกับผู้คนมากมายในป้อมปราการ แต่ที่น่าแปลกคือตอนนี้ในป้อมระดับ E เป็นครั้งแรกที่มีคนมาคุยกับเขาอย่างเป็นมิตรและปฏิบัติต่อเขาอย่างดี คนส่วนใหญ่มักจะดูถูกเขา บางคนก็พูดกับเขาไม่ดี อย่างดีที่สุดคือก็ไม่สนใจเขาเลย
แจสเปอร์สังเกตเห็นท่าทางที่น่าสงสัยของโนอาห์และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาคิดว่าโนอาห์รู้สึกขุ่นเคืองมาจนถึงตอนนี้จากสิ่งที่เกิดขึ้นนอกป้อมปราการ ยิ่งตอนนี้โนอาห์ได้แสดงพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้แล้วมันก็สมเหตุสมผลดีที่เขาควรจะขุ่นเคืองจากการถูกดูหมิ่น ท้ายที่สุดแล้วผู้ชายทุกคนมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เขาไม่ค่อยรู้ว่าโนอาห์เคยชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้วและความภาคภูมิใจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากขนาดนั้นอีกต่อไป
“ฉันดีใจที่นายไม่ได้บาดเจ็บมากจนเกินไป ดีที่นายมีแค่รอยขีดข่วนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ในตอนที่ฉันอยู่ในแนวหน้าแต่ฉันก็ยังเห็นนายปกป้องชีวิตของแนวหลังคนอื่นๆนับครั้งไม่ถ้วน ฉันแน่ใจว่าถ้ามันไม่ใช่เพราะนายคนอื่นๆอาจจะบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้ ที่ฉันมาพูดกับนายเพราะฉันต้องการเชิญนาย” แจสเปอร์พูดกับโนอาห์ด้วยท่าทางจริงจัง
โนอาห์เลิกคิ้วแล้วคิดว่าบทสนทนานี้จะนำทางเขาไปที่ใด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ในความเป็นจริงมันทำให้ทุกๆอย่างง่ายขึ้นและดีขึ้นด้วยซ้ำ
“เชิญที่นายพูดถึงคืออะไร?”
เมื่อเห็นความสนใจของโนอาห์แจสเปอร์จึงยิ้มและพูดว่า
“ฉันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุกป้อมปราการโชคไม่ดีที่สมาชิกคนหนึ่งของเราเพิ่งเสียชีวิตจากการบุกป้อมปราการและเรายังไม่มีคนมาแทน เรากำลังมองหาสมาชิกที่ทรงพลังเพื่อมาเติมเต็มตำแหน่งนั้น และตำแหน่งนั้นคือคนที่ปกป้องแนวหลัง ฉันเชื่อว่านายเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ”
นี่คือสิ่งที่โนอาห์จินตนาการว่าจะเกิดขึ้น เขาไม่เคยถูกเรียกให้เข้ากลุ่มใดๆมาก่อนด้วยเหตุผลที่ชัดเจน แต่เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับบางสิ่ง
“แล้วทำไมนายถึงเข้าร่วมการบุกป้อมปราการแบบสุ่มแทนที่จะไปบุกป้อมปราการกับกลุ่มของนาย?”
เนื่องจากแจสเปอร์มีกลุ่มบุกป้อมปราการอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทำการบุกป้อมปราการกับกลุ่มของเขา เนื่องจากทุกคนรู้จักกันและมีพลังร่วมกันอยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะมีคนตายในกลุ่มบุกจะน้อยกว่าปกติถึงหลายเท่าเมื่อเทียบกับการไปบุกป้อมปราการกับคนแปลกหน้า
“จริงๆแล้วฉันกับเอริคมาด้วยกัน ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มเรามักจะบุกป้อมปราการสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์ส่วนวันที่เหลือสมาชิกในกลุ่มมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ตัวอย่างเช่นฉันต้องการเปลี่ยนรถของฉันให้ดีขึ้น และเอริคก็กำลังปรับปรุงบ้านของเขา เราเลยมาบุกป้อมปราการพิเศษเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้เงินที่มากขึ้น” แจสเปอร์ตอบอย่างใจเย็น เขาเข้าใจเหตุผลที่โนอาห์สงสัยเนื่องจากมีหลายกลุ่มที่ไม่อนุญาตให้สมาชิกเข้าร่วมในการบุกนอกจากบุกกับกลุ่มของพวกเขาเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโนอาห์ก็สนใจ ในการจ่ายค่ารักษาน้องสาวของเขาเขาต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเขาจะบุกเข้าไปในป้อมปราการระดับ E แปดแห่งต่อเดือนในท้ายที่สุดมันก็เหลือเพียง 8,000 ดอลลาร์เท่านั้น สำหรับครอบครัวทั่วไปเงินจำนวนนี้จะถือว่ามากแล้ว แต่สำหรับโนอาห์ซึ่งจำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาน้องสาวของเขานอกเหนือจากการจ่ายเงินกู้ให้ลุงของเขา ในที่สุดเงินนั้นก็ยังไม่เพียงพอ
หลายคนเชื่อว่าหากกลายเป็นผู้ถูกเลือกและได้รับพรมากมายพวกเขาก็จะมีความสุขมาก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย จำนวนคนที่ได้รับพรไม่ได้น้อย แต่ก็ไม่มากเช่นกัน หากไม่ได้ค่าตอบแทนสูงหลายๆคนที่มีพรก็ไม่อยากบุกป้อมปราการ เพราะมีคนตายในป้อมปราการเยอะมาก
กล่าวได้ว่าในบรรดาผู้ถูกเลือก 45% ของพวกเขาอยู่ในระดับ F
28% อยู่ในระดับ E
15% อยู่ในระดับ D
8% อยู่ในระดับ C
3% อยู่ในระดับ B
และ 1 % อยู่ในระดับ A
ยังมีผู้ถูกเลือกระดับ S แต่จำนวนน้อยมากจนไม่สามารถนำรวมในสถิติได้เลยทีเดียว
หลายๆคนได้รับพรระดับสูง แต่พวกเขากลับเสียชีวิตก่อนที่พวกเขาจะฝึกฝนพรของพวกเขาไปถึงระดับสูงสุด
โนอาห์ไม่ต้องการเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกที่เสียชีวิตก่อนที่จะทำให้ศักยภาพของเขาไปถึงจุดสูงสุดก่อน แต่เขาก็ต้องการเงินเร่งด่วนเช่นกัน ดังนั้นโอกาสนี้จึงเหมาะกับเขาเป็นอย่างยิ่ง การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุกป้อมปราการเขาจะได้รับรายได้ที่มั่นคง นอกจากนั่นเขายังสามารถบุกป้อมปราการแบบสุ่มได้อีกเช่นกัน เพราะกลุ่มนี้ไม่ได้จำกัดเขาให้อยู่กับกลุ่มเพียงอย่างเดียว
“ฉันสนใจ ใช่แล้วเมื่อเราออกจากป้อมปราการฉันจะให้เบอร์โทรกับนาย” โนอาห์ตอบแจสเปอร์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขารู้ว่าที่แจสเปอร์มาคุยและให้โอกาสกับเขาพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่ง ถ้าโนอาห์อ่อนแอแจสเปอร์จะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
แล้วยังไง? ถ้าโนอาห์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับแจสเปอร์เขาก็คงจะทำแบบเดียวกัน สิ่งเดียวที่เขาไม่ยอมรับคือการเลือกปฏิบัติและอคติเหมือนที่อบิเกลให้เห็นก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในป้อมปราการ
เมื่อพูดถึงอบิเกล โนอาห์ก็หันไปเห็นเธอที่กำลังเดินมาหาเขาพร้อมกับทำสีหน้าแปลกๆ