กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 65
ในป่าสีแดงที่แตกต่างออกไปจากป่าทั่วไป แทนที่มันจะมีเสียงสัตว์จากสัตว์หลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ที่นี่ดังไปทั่วทั้งป่า แต่ป่าแห่งนี้กลับเงียบสงบกว่าปกติที่มันควรจะเป็น
อันที่จริงแล้วมีเพียงสามสายพันธุ์เท่านั้นที่อยู่ที่นี่ สองสายพันธุ์อาศัยอยู่ที่นี่ตามปกติ ขณะที่อีกสายพันธุ์หนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อล่าทั้งสองสายพันธุ์
ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่และสูง หนึ่งในสายพันธุ์นั้นกำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็วราวกับว่าหากเขาช้าเพียงแค่นิดเดียวชีวิตของเขาจะต้องหายไปอย่างแน่นอน
หากมองให้ละเอียดยิ่งขึ้นก็จะมองเห็นได้ว่าคนที่กำลังวิ่งหนีอยู่นั้นเป็นมนุษย์ เขามีผมสั้นสีดำที่แทบจะบังทัศนวิสัยของเขาเพราะผมของเขาเป็นทรงหน้าม้า เขาสวมชุดที่ดูเหมือนจะเป็นสีส้มเพื่อทำให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในป่าแห่งนั้น บนหลังของเขาแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่โยกไปมาราวกับว่ามันเต็มไปด้วยของบางอย่างที่หนักและเทอะทะเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามนุษย์คนนั้นกำลังระมัดระวังสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของเขาแตกหักเป็นอย่างมากในขณะที่กระเป๋าของเขาโยกเยกไปมา
อย่างที่ทุกคนอาจคาดไว้ มนุษย์ที่กำลังวิ่งอยู่นั้นคือโนอาห์ เขาลงมาจากรังยักษ์ด้วยการเทเลพอร์ตเพียงครั้งเดียวแทนที่จะลงไปทีละขั้นตามปกติ เพราะเขากลัวสิ่งที่เขาพบที่นั่น อันที่จริงเขาไม่กลัวสิ่งที่เขาพบแต่เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพราะเขาพบมัน
ขณะที่เขาวิ่งหนี เมื่อใดก็ตามที่โนอาห์เจอกลุ่มมอนเตอร์เขาจะจัดการพวกมันให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้โดยการเทเลพอร์ตขึ้นไปบนตัวนกและทำให้หมูป่าตกลงมาจากอากาศ ขณะที่ใช้เปลวเพลิงทำให้นกติดไฟทำให้มันตกลงมาด้วยเช่นกัน เมื่อพวกมันตกลงมาแล้วโนอาห์ก็จะซ้ำพวกมันจากการตกด้วยเปลวเพลิงอีกครั้ง
ด้วยวิธีนี้โนอาห์จึงฆ่ามอนเตอร์ได้เพียงห้ากลุ่มเท่านั้น และห้ากลุ่มที่เขาจัดการไปนั้นทำให้โนอาห์ได้รับค่าประสบการณ์มากกว่าที่เขาจะได้รับตอนเขาอยู่ในกลุ่มของเขา แต่มันก็ทำให้เขาเสี่ยงชีวิตของเขาเองและยังทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังงานที่เขาต้องใช้มากขึ้นอีกด้วย
ในปัจจุบันเนื่องจากอัตราการเทเลพอร์ตที่สูงของเขาทำให้พลังงานที่เขาได้รับจากการฟื้นตัวจากการเผามอนเตอร์ไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มสิ่งที่เขาต้องใช้ในการต่อสู้ ดังนั้นในตอนนี้โนอาห์จึงเหลือพลังงานเพียงครึ่งเดียวจากพลังงานทั้งหมดของเขา
นอกจากพลังงานที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวของโนอาห์แล้วเขายังมีความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากการต่อสู้กับมอนเตอร์ที่ฉลาดขึ้นบางตัวอีกด้วย นั่นหมายความว่าโนอาห์ไม่สามารถล่ามอนเตอร์ในป้อมปราการได้เพียงลำพังอย่างสมบูรณ์เพราะนั้นจะทำให้เขามีความเสี่ยงในการล่าสูงมากขึ้น
เมื่อดูรอยขีดข่วนและบาดแผลเล็กๆน้อยๆที่เขาได้รับในตอนที่ต้องรับมือกับกลุ่มสุดท้าย เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนักเพราะเขารู้ว่ามันเป็นเพราะความเหนื่อยล้าของล้ากายของเขาเองทำให้เขาคิดว่า
‘โชคไม่ดีที่ฉันยังแข็งแกร่งไม่พอที่จะพึ่งตัวเองเพียงคนเดียวในป้อมปราการ บางทีในอนาคตถ้าได้ทักษะที่หลากหลายมากขึ้น ฉันน่าจะเข้าไปบุกป้อมปราการเพียงลำพังได้ แต่สำหรับตอนนี้ฉันยังไม่สามารถทำได้เพราะมันมีความเสี่ยงสูงมากเกินไป’
หากผู้ถูกเลือกคนอื่นๆรู้ว่าโนอาห์กำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาอาจจะหลั่งเลือดออกมาด้วยความโกรธ เพราะในขณะที่คนอื่นๆแม้จะไปกันเป็นกลุ่มพวกเขาก็ยังกลัวตายกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตของผู้ถูกเลือกในการบุกป้อมปราการนั้นสูง แต่ในขณะที่เป็นยังงั้นโนอาห์กลับคิดว่าจะบุกป้อมปราการเพียงลำพังและสามารถจัดการกับป้อมปราการนั้นได้โดยที่ไม่มีปัญหาและไม่ตายอีกด้วย
หลังจากคิดแบบนั้นในช่วงเวลาพักครู่หนึ่งโนอาห์ก็หยุดคิดเรื่องนั้นและทิ้งมันไปก่อนที่จะเดินไปยังทิศทางที่มาร์เซลบอกว่ากลุ่มของพวกเขาจะไปอยู่ที่นั่น
ไม่นานโนอาห์และคนในกลุ่มก็ได้พบกันจากระยะไกล โนอาห์ได้ยินเสียงคำรามของนกคลั่งที่กำลังโกรธใส่ผู้ถูกเลือกที่กำลังต่อสู้กับพวกมันอยู่ เมื่อเขาเข้าไปใกล้กับคนในกลุ่ม เขาก็เห็นว่าคนในกลุ่มไม่ได้สงบเหมือนกับตอนแรกที่เขาอยู่อีกต่อไป
เสื้อผ้าของแจสเปอร์เปียกมากจนถ้าเขาบอกใครๆว่าเขาตกลงไปในแม่น้ำก็จะไม่มีใครสงสัยในสิ่งที่เขาพูดเลย แต่จริงๆแล้วที่ทำให้เสื้อผ้าของแจสเปอร์เปียกนั้นมันคือเหงื่อของเขาเอง เขาทำงานหนักมากในป้อมปราการแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถูกเลือกระดับ E แต่เขาก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี
นักรบในกลุ่มมีรอยขีดข่วนอย่างหนักบนเกราะหนังมอนสเตอร์ของพวกเขา ในขณะที่นักเวทย์และนักธนูไม่ได้มีอาการบาดเจ็บหนักบนร่างกายของพวกเขา แต่ความอ่อนล้าก็ปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้าของทุกคนภายในกลุ่ม
เมื่อเห็นพวกเขากำลังจัดการกับมอนเตอร์ได้ยากและยังไม่มีใครสังเกตเห็นเขาที่นั่น โนอาห์ก็กว้างลูกไฟใส่นกและหมูป่าคู่หนึ่ง ทำให้ทั้งสองตัวล้มลงกับพื้นพร้อมทั้งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเปิดให้กลุ่มของโนอาห์หันมาฆ่าพวกมันทันที
เมื่อมอนเตอร์ทั้งสองตายแจสเปอร์ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนกองเลือดของหมูป่าเขานอนลงเพื่อพักหายใจทันที ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆในกลุ่มเพราะคนอื่นๆในกลุ่มก็เป็นเหมือนแจสเปอร์พวกเขาแค่มองหาที่ร่มๆและนั่งพักผ่อนบนพื้นเท่านั้น
มาร์เซลมองไปที่โนอาห์พร้อมกับสายตาที่ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของเขา ทั่วร่างกายของโนอาห์สามารถมองเห็นสิ่งสกปรกและรอยบาดแผลเล็กๆน้อยๆได้ แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าบาดแผลเล็กๆแค่นั้น
‘เขาจากไปเพียงลำพังและกลับมาพร้อมกับบาดแผลเล็กๆน้อยๆไม่กี่ที่งั้นหรอ? แม้แต่นักรบในกลุ่มของเรายังมีบาดแผลในขณะที่พวกเขามีเพื่อนร่วมทีมสนับสนุนเขาถึง 13 คน แต่โนอาห์กลับสามารถล่ามอนเตอร์ได้คนเดียวและกลับมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บพวกนี้งั้นหรอ? เขาต้องใช้วิธีการซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน!’ มาร์เซลพบคำอธิบายที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่โนอาห์ไม่ได้รับบาดเจ็บ ในมุมมองของเขา โนอาห์มีพรสวรรค์มากแต่เขาก็ยังเป็น ‘แค่นักเวทย์’ แม้ว่าเขาจะมีพลังเวทย์มาก แต่วิธีเดียวที่โนอาห์จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับมอนเตอร์คือการดักซุ่มโจมตี มาร์เซลคิดเพราะเขารู้ว่าโนอาห์สามารถเอาชนะมอนเตอร์ได้ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้โจมตีกลับ
ถ้าหากเขารู้ว่าโนอาห์ไล่ล่ามอนเตอร์แบบตัวต่อตัวโดยการใช้การต่อสู้ในระยะประชิดตลอดเวลา มาร์เซลจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน
โนอาห์สงสัยว่ามาร์เซลคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นหน้าตาของเขา แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะแก้ไขความคิดของมาร์เซล เพราะเขาไม่ต้องการที่จะอธิบายความสามารถของเขาให้กับคนอื่นๆรู้ขนาดนั้น
เมื่อแจสเปอร์เห็นโนอาห์เข้ามาใกล้กลุ่ม เขารวบรวมกำลังเพื่อลุกขึ้นจากพื้นและเดินเซไปทางโนอาห์
โนอาห์ไม่สับสนว่าทำไมแจสเปอร์ถึงเหนื่อยจากการลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้ามาหาเขา แต่เมื่อแจสเปอร์เผชิญหน้ากับโนอาห์ โนอาห์คิดว่าแจสเปอร์จะต่อสู้กับเขาเพราะเขาปล่อยให้แจสเปอร์อยู่ในสภาพแบบนั้น
แต่เมื่อแจสเปอร์มาถึงตัวของโนอาห์เขาทำหน้าร้องไห้และคว้าขาของโนอาห์ขณะที่เขาล้มลงกับพื้นในขณะที่เขาพึมพำว่า
“ได้โปรดช่วยฉันที ช่วยพาฉันออกจากความทุกข์ทรมานนี้ที!! ฉันทนไม่ไหวแล้ว!!! ได้โปรด…” เมื่อเห็นแจสเปอร์แสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ โนอาห์ต้องควบคุมตัวเองอย่างมากเพื่อไม่ให้เขาหัวเราะแจสเปอร์ในตอนนั้น
ในตอนแรกที่แจสเปอร์ได้พบกับโนอาห์ในป้อมปราการป่าก็อบลิน แจสเปอร์เป็นผู้นำที่น่าทึ่งมากๆ เขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม เขามีการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมและทำให้ผู้ถูกเลือกทุกคนมีประโยชน์มากที่สุดในกลุ่ม เขาเปล่งออร่าความมั่นใจที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาอยู่เสมอ
แน่นอนว่าโนอาห์ไม่สนใจแจสเปอร์ในสภาพนั้นและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินหรือทำเป็นไม่รู้สึกถึงสิ่งที่แจสเปอร์กำลังทำอยู่ แม้ว่านี่จะเป็นป้อมปราการระดับ E เหมือนป่าก็อบลิน แต่ป้อมปราการนี้ยากและอันตรายกว่าป่าก็อบลินมาก และเขาไม่อยากจะเสียพลังงานไปทั้งหมดก่อนที่ป้อมปราการจะจบลง
ทุกคนในกลุ่มรู้สึกซาบซึ้งมากที่เห็นว่าโนอาห์กลับมาและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะพวกเขาจำได้ว่าเปลวไฟของโนอาห์นั้นใช้งานได้จริงและทรงพลังเพียงใด การที่เขากลับมาจะช่วยให้พวกเขาจัดการกับมอนเตอร์ได้มากขึ้นและปลดปล่อยภาระอันยิ่งใหญ่จากทุกคนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์ นักธนู รวมไปถึงนักรบด้วย มีเพียงคนเดียวในกลุ่มเท่านั้นที่ไม่โลงใจกับงานที่น้อยลง เพราะโนอาห์ไม่ได้ช่วยคนๆนั้น คนนั้นคือขอทานที่นอนอยู่บนพื้นในตอนนี้…ถ้าจะพูดให้เจาะจงกว่านั้นคนๆนั้นคือแจสเปอร์ที่กำลังนอนอยู่ที่พื้นในตอนนี้
ทุกคนรู้ว่าถ้าโนอาห์ไม่กลับมาในเร็วๆนี้พวกเขาทุกคนก็คงจะนอนอยู่บนพื้นสกปรกๆเหมือนกับแจสเปอร์ และก็น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับแจสเปอร์พวกเขาจะต้องเหนื่อยล้าและสูญเสียพลังอย่างมากจากการจัดการกับมอนเตอร์ ทุกคนในนั้นเห็นพ้องกับอย่างเงียบๆว่าจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของแจสเปอร์และไม่สนใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เพื่อที่ทุกคนจะไม่ต้องเป็นแบบนั้นเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าแจสเปอน์เริ่มโกรธเคืองและบ่นว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเขาขนาดไหน เขาเริ่มทำตัวเหมือนเด็กๆ เพราะจากสิ่งที่โนอาห์ได้ยินมาแจสเปอร์เป็นน้องคนสุดท้องของกลุ่ม ถัดจากมาร์เซล เขามักถูกปฏิบัติเหมือนเป็นน้องของคนอื่นๆอยู่เสมอ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนแท้กัน เพราะพวกเขารู้วิธีการจัดการกับแจสเปอร์ และเขาเชื่อมั่นว่าแจสเปอร์จะไม่ตายแม้ว่าเขาจะเหนื่อยกว่าปกติก็ตาม ทุกคนยอมรับเวลาพักระหว่างการต่อสู้เพื่อให้แจสเปอร์ฟื้นตัว เนื่องจากทุกคนเป็นห่วงเขาและไม่อยากเห็นเขาตาย
หากความเหนื่อยล้าของแจสเปอร์มากจนเขาไม่มีกำลังพอที่จะทำหน้าที่ของเขาได้อย่างปลอดภัยแล้วก็จะไม่มีใครในกลุ่มบังคับให้เขาทำแบบนั้น แม้ว่าพวกเขาจะต้องยกเลิกการบุกป้อมปราการในครั้งนี้ก็ตาม ดังนั้นมันจึงไม่แย่ที่จะปฏิบัติต่อแจสเปอร์แบบนั้น มันเป็นเหมือนวิธีการบรรเทาให้สถานการณ์ในตอนนั้นไม่ตึงเครียดจนเกินไป
เมื่อแจสเปอร์พร้อมแล้ว ทั้งกลุ่มก็เริ่มเดินหน้าต่อไป