กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 75
“นายรู้ว่าพวกเรากังวลใช่มั้ย” แจสเปอร์พูดกับโนอาห์ด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจเล็กน้อย
โนอาห์รู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
“ใช่ เราไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แต่ฉันก็เชื่อในศักยภาพของนายแจสเปอร์! ฉันคิดว่ากลุ่มของเราดีกว่ากลุ่มทั่วไปที่มีแต่ผู้ถูกเลือกระดับ D มาก นายบอกฉันก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมกับกลุ่มของนายว่าที่กลุ่มของนายไม่ได้เข้าสู่ป้อมปราการระดับ D ก็เพราะพวกนายรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป และตอนนี้ฉันรู้สึกว่า ‘บางอย่าง’ นั้นมันได้สมบูรณ์แล้ว ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เข้าไปที่ป้อมปราการระดับ D”
เมื่อคิดถึงสิ่งที่โนอาห์พูด แจสเปอร์ก็ถอนหายใจและเห็นด้วย
“จริงสิ อย่างน้อยเราก็ได้ไปสำรวจในสถานที่ที่เราไม่รู้จัก และนี่ก็ทำให้ฉันตื่นเต้นมาก! ฉันรู้สึกเหมือนตอนที่ฉันได้รับพรใหม่ๆและได้มาที่ป้อมปราการเป็นครั้งแรกเลย!”
ทั้งสองได้สร้างมิตรภาพที่ดีในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มันยังไม่ถึงจุดที่พวกเขาจะออกไปสนุกด้วยกันหลังจากจบป้อมปราการ แต่พวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นแล้ว
สิ่งที่พวกเขาพูดถึงเมื่อสักครู่นี้เกี่ยวกับป้อมปราการที่พวกเขากำลังจะบุกเข้าไป แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะบุกป้อมปราการระดับ D แต่พวกเขาก็ไม่ได้โชคดีพอที่พวกเขาจะถูกเลือกไปยังป้อมปราการที่พวกเขารู้จัก
ตอนนี้ป้อมปราการที่กลุ่มของพวกเขากำลังจะบุกเข้าไปเป็นป้อมปราการที่พวกเขาไม่รู้จัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เตรียมให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศของที่นั่น หรือเหตุการณ์พิเศษต่างๆ เช่น ถุงเก็บความร้อนด้วยสารเคมี หากพวกเขาต้องเข้าไปเจอป้อมปราการที่มีอุณหภูมิต่ำมาก
ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะถูกส่งไปที่ไหน พวกเขาแค่ต้องพึ่งโชคของพวกเขาเท่านั้น จำนวนป้อมปราการที่โนอาห์เคยบุกเข้าไปโดยที่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรนั้นมีไม่มากนัก เพราะป้อมปราการระดับ F จะไม่ค่อยปรากฏป้อมปราการประเภทนี้ขึ้นมา เพราะมีผู้ถูกเลือกจำนวนมากอยู่ในระดับนี้ และผู้ถูกเลือกจะสำรวจป้อมปราการในระดับนี้จนแทบจะครบทั้งหมดแล้ว
แต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นแบบนี้แต่โนอาห์ก็ไม่ได้กลัวตาย เขามั่นใจว่าอย่างน้อยเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากป้อมปราการนั้นได้ด้วยพรของเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฆ่ามอนเตอร์ทั้งหมดในป้อมปราการและทำภารกิจให้สำเร็จได้ก็ตาม
คนอื่นๆในกลุ่มก็วิตกกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดเชื่อใจซึ่งกันและกัน และนั่นทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น มันจะไม่เป็นภัยพิบัติที่สามารถฆ่าทุกคนได้อย่างแน่นอน และไม่ใช่เมื่อพวกเขามีการทำงานร่วมกันที่สูงเช่นนี้
โนอาห์และแจสเปอร์คุยกันตลอดทางจนพวกเขามาถึงประตูมิติ
ประตูมิตินี้ต่างจากประตูมิติระดับ E ทั่วไป ประตูมิติที่เริ่มต้นจากระดับ D จะมีอนุภาคบางส่วนที่สีต่างกันออกไปกระจายไปทั่วๆพลาสมา ซึ่งปกติแล้วประตูมิติระดับ E ลงไปจะมีแต่พลาสมาสีม่วงกระจายไปรอบๆ
กลุ่มได้สรุปสั้นๆเกี่ยวกับกลยุทธ์ของพวกเขาภายในป้อมปราการ โนอาห์รอจนกระทั่งให้มาร์เซลพูดจบก่อนที่เขาจะเสนอว่า
“ขอโทษนะทุกคน ฉันคิดว่าการทำแบบเดิมเหมือนที่ฉันทำในป้อมปราการอื่นในขณะที่พวกเรากำลังจะบุกเข้าไปในป้อมปราการระดับ D ที่ไม่รู้จักนี้มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โนอาห์พูด คนอื่นๆในกลุ่มก็มองมาที่เขาพร้อมกับเลิกคิ้วและแสดงความประหลาดใจสั้นๆที่พวกเขามีออกมา กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้มาตลอดไม่เคยล้มเหลว สิ่งเดียวที่ใช้ไม่ได้จริงในเรื่องทั้งหมดนี้คือความเหนื่อยที่แจสเปอร์ต้องได้รับ แต่เพื่อชดเชยสิ่งนั้น คนในกลุ่มได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่เขาจะได้รับเมื่อจบป้อมปราการให้กับเขา เนื่องจากเขาต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าปล่อยเขาไว้แบบนั้นโดยที่เขาได้รับรายได้เพิ่มแล้วคนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกว่าพวกเขาทำอะไรผิด
มาร์เซลมองไปที่โนอาห์ และก่อนที่โนอาห์จะเริ่มอธิบายสิ่งที่เขาจะพูดเขาก็มองไปที่แจสเปอร์และเห็นท่าทางที่แจสเปอร์มอบให้เขา เขาก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีด้วยเหตุผลที่มาร์เซลกังวล
โนอาห์อธิบายกับกลุ่มที่ยังสับสนว่า
“ฉันเชื่อว่ามันจะไม่ดีถ้าฉันยังคงเป็นนักเวทย์หลักของกลุ่ม”
สิ่งนี้ทำให้กลุ่มของพวกเขาประหลาดใจมาก นักเวทย์สายฟ้าของกลุ่มเป็นคนแรกที่ตั้งคำถามกับโนอาห์ เนื่องจากตั้งแต่ป้อมปราการแรกที่พวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกัน เขาได้นำโนอาห์เป็นแบบอย่างที่แท้จริงของนักเวทย์ที่ควรจะเป็น ผู้ซึ่งแม้จะยังเด็กมากแต่ก็ไม่แสดงแง่ลบของลักษณะที่ชายหนุ่มควรมี ซึ่งโดยปกติแล้วมันมักจะขัดขวางไม่ให้นักเวทย์แสดงศักยภาพสูงสุดในงานของเขา
“นายหมายความว่ายังไง? ฉันคิดว่ามันค่อนข้างชัดเจนสำหรับกลุ่มว่าไม่มีนักเวทย์คนใดดีไปกว่านายในตำแหน่งนั้นแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของนาย”
โนอาห์จินตนาการว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น และเขาก็อธิบายทันที
“อันที่จริง การเป็นนักเวทย์เป็นอาชีพรองของฉัน ฉันเป็นนักฆ่าดีกว่านักเวทย์”
เมื่อได้ยินโนอาห์พูดอย่างนั้น ทุกคนก็หันไปหาแจสเปอร์และเห็นรอยยิ้มของผู้ชนะบนใบหน้าของเขา ราวกับพูดกับทุกคนที่มองมาที่เขาว่า
‘ฉันบอกนายแล้ว’
มาร์เซลไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ต่อแจสเปอร์หลังจากที่เขาเห็นท่าทางที่พอใจบนใบหน้าของแจสเปอร์ เขาถามโนอาห์ว่า
“นายเป็นนักเวทย์ที่มีพลังมหาศาลอยู่แล้ว อะไรทำให้นายคิดว่านายเป็นนักฆ่าดีกว่าเป็นนักเวทย์”
โนอาห์จะสาธิตให้พวกเขาดูโดยการเทเลพอร์ตออกไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้น แจสเปอร์ก็คว้าไหล่ของโนอาห์และห้ามไม่ให้เขาทำเช่นนั้นก่อนจะพูดว่า
“ตอนนี้พวกนายทุกคนไม่เชื่อฉันใช่ไหม ถ้ายังงั้นโนอาห์อย่าเพิ่งแสดงอะไรให้พวกเขาเห็นจนกว่าพวกเราจะเข้าไปในป้อมปราการเถอะ ฉันอยากเห็นความประหลาดใจที่พวกเขาจะแสดงออกมาเมื่อพวกเขาเห็นว่านายทำอะไรได้บ้าง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่แจสเปอร์พูด มาร์เซลก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“แจสเปอร์ เรากำลังบุกเข้าไปในป้อมปราการระดับ D ที่ไม่มีใครรู้จัก เรากำลังเสี่ยงมากกว่าที่ควร นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าคำพูดของนายจะไม่ทำให้เราตกอยู่ในอันตราย”
หากเป็นป้อมปราการทั่วไป มาร์เซลคงไม่สนใจการแสดงตลกของแจสเปอร์ แต่เนื่องจากป้อมปราการที่เขากำลังจะเข้าไปนี้เป็นป้อมปราการระดับ D ที่พวกเขาไม่มีข้อมูลมาก่อน เขาจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยของกลุ่ม
แจสเปอร์ตระหนักถึงสิ่งนี้ แต่เขาจำได้ว่าพรของโนอาห์นั้นทรงพลังเพียงใดและเขาคิดว่ามันจะไม่เสี่ยงขนาดนั้น เขาแค่ต้องการขอให้โนอาห์เป็นคนแรกที่โจมตีมอนเตอร์เมื่อกลุ่มของเขาเข้าไปในป้อมปราการ
“อย่ากังวลไปเลยมาร์เซล ฉันเชื่อใจโนอาห์ และนายสามารถมั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ขอให้เขาทำแบบนี้ถ้ามันจะทำให้ชีวิตเพื่อนของฉันและเพื่อนร่วมงานของฉันตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยเหมือนกัน”
เมื่อสังเกตเห็นความมั่นใจของแจสเปอร์ มาร์เซลจึงเข้าใจและเชื่อในสิ่งที่เขาพูด พวกเขารู้จักกันมานานพอที่จะเข้าใจบุคลิกของกันและกัน ถ้าแจสเปอร์พูดมากขนาดนั้น ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง
“โอเค งั้นฉันรอที่จะเซอร์ไพรส์ไม่ไหวแล้ว” มาร์เซลพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาสลับการจ้องมองระหว่างโนอาห์กับแจสเปอร์
คนอื่นๆในกลุ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ค้นพบความลับที่แจสเปอร์พยายามปกปิดไว้ แต่พวกเขาก็ควบคุมตัวเองได้ พวกเขาเหลือไว้แต่ความอยากรู้อยากเห็นอันยิ่งใหญ่ที่อยากรู้ว่าโนอาห์จะทำอะไรได้บ้าง เพราะความสามารถที่พูดถึงนั้นทำให้แจสเปอร์ทั้งตื่นเต้นและทำตัวลึกลับได้ขนาดนี้
แจสเปอร์เป็นที่รู้จักกันดีของคนในกลุ่มว่าไม่สามารถเก็บความลับได้ ดังนั้นเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น ความอยากรู้ของคนอื่นๆก็เริ่มล้นหลามและพยายามเดาว่าโนอาห์จะทำอะไรได้บ้าง
โนอาห์หมดคำจะพูดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าแจสเปอร์จะทำถึงขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการให้เขาแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าหากคนในกลุ่มรู้ว่าโนอาห์ทำอะไรบ้างบ้าง คนในกลุ่มก็จะสามารถสร้างกลยุทธ์ที่จะต้องใช้ออกมาได้
แต่เมื่อโนอาห์จำได้ว่าพวกเขายังไม่รู้ว่ามอนเตอร์ในป้อมปราการเป็นอย่างไร พวกเขาก็สามารถปล่อยให้ส่วนที่พวกเขายังไม่รู้รวมกับทักษะของโนอาห์เพื่อตัดสินใจว่าพวกเขาจะใช้กลยุทธ์อะไร
เมื่อเห็นว่าแจสเปอร์ตื่นเต้นแค่ไหน โนอาห์จึงตัดสินใจรอและร่วมเล่นเกมกับเพื่อนของเขา ถ้าแจสเปอร์จะสนุกกับสิ่งนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่โนอาห์จะไม่เข้าร่วม
ดังนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ได้ข้ามประตูมิติของป้อมปราการระดับ D เป็นครั้งแรกด้วยความตื่นตระหนก ความระมัดระวัง และความคาดหวังที่จะรู้ว่าความท้าทายประเภทใดจะรอพวกเขาอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของประตูมิตินั่น พร้อมกับความสงสัยที่ว่าแจสเปอร์และโนอาห์จะแสดงอะไรให้พวกเขาดูกันแน่