กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 82
“ทุกคน…” โนอาห์ดึงความสนใจของผู้ถูกเลือกทั้งหมดมาที่ตัวเอง เพราะเขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันต่างไปจากปกติ
หลังจากที่ทุกคนหยุดสิ่งที่พวกเขากําลังทําและให้ความสนใจเขาแล้ว โนอาห์ก็พูดต่อ
“เกี่ยวกับคนแคระพวกนี้ พวกคุณคิดยังไงกับพวกเขา”
ทั้งกลุ่มเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับคําถามของโนอาห์ คนแรกที่ตอบคือมาร์เซล
“คนแคระที่ปรากฏขึ้นในป้อมปราการพวกนี้แปลกมาก ฉันเคยไปศึกษาป้อมปราการที่โด่งดัง ที่มีเรื่องเอลฟ์ปรากฏขึ้นในป้อมปราการในตอนที่ฉันยังเด็ก แต่เรื่องในตอนนี้ก็ยังแตกต่างไปจากตอนนั้นอยู่ดี ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เรามาเจอคนแคระในป้อมปราการแห่งนี้ ป้อมปราการแห่งนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มาร์เซลพูดผู้ถูกเลือกอีกคนหนึ่งก็พยักหน้า แสดงว่าพวกเขาเห็นด้วยอย่างชัดเจนกับสิ่งที่มาร์เซลพูด สําหรับโนอาห์ มาร์เซลได้พูดสิ่งที่เขากําลังคิดอยู่ราวกับว่ามาร์เซลอ่านใจเขาได้
“เอาล่ะ ฉันขอเผาศพพวกนั้นด้วยได้ไหม ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่เราทิ้งศพนั้นไว้ในห้องก่อนหน้า ฉันกังวลว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นถ้าเราไม่กําจัดศพเหล่านั้นเหมือนกับที่เราทํากับมอนสเตอร์ เนื่องจากมอนเตอร์พวกนี้ดูเหมือนจะชอบเนื้อคนแคระหรือเลือดของพวกเขา การปล่อยให้ศพของพวกเขาอยู่ที่นี่ อาจจะดึงดูดมอนสเตอร์มามากขึ้นด้วยกลิ่นของศพ และมันก็ทําให้ฉันรู้สึกไม่ดี ฉันรู้สึกว่าเขาก็คล้ายกับมนุษย์เพราะฉะนั้นควรจะจัดการกับศพให้ดี”
โนอาห์ใช้ความรู้ทางภาษากายทั้งหมดของเขาเพื่อพยายามสื่อให้พวกเขารู้โดยไม่รู้ตัว เขาพยายามสื่อให้ทุกๆคนคิดว่าเขารู้สึกแย่กับการทําสิ่งนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนโรคจิตที่คลั่งไคล้การเผาศพทุกอย่าง และนั่นไม่ใช่เพียงแค่มอนสเตอร์เท่านั้น
การเผาร่างของมอนสเตอร์และการเผาร่างของมนุษย์เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในด้านศีลธรรม เพราะฉะนั้นเขาจะต้องอธิบายให้ชัดเจนเพื่อกันความเข้าใจผิด
เมื่อได้ยินสิ่งที่โนอาห์พูด ผู้หญิงที่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นคนแคระก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ แต่เมื่อนึกถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะเหตุนี้ และโนอาห์ที่เผาศพไปกี่ครั้ง แล้วเธอก็กลืนคําพูดนั้นเข้าไป
เมื่อมองดูสีหน้าของผู้ถูกเลือกที่เหลือ โนอาห์ก็เห็นว่าไม่มีใครที่ต่อต้านการเผาศพเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโนอาห์ทําราวกับว่าเขาไม่อยากจะทําสิ่งนี้จริงๆ และเขาก็รู้สึกแย่จริงๆ แต่จริงๆแล้วนี่เป็นสิ่งที่โนอาห์ต้องการมากที่สุด
เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน โนอาห์จึงสร้างลูกไฟดวงเล็กๆขึ้นมาเพื่อสัมผัสกับคนแคระ
เขาหวังว่าข้อความของระบบที่บอกว่าเขาไม่สามารถเผาสิ่งมีชีวิตในตอนที่เขาจะเผาศพของมนุษย์จะเกิดขึ้นอีกครั้งในตอนนี้
[พบศพคนแคระ อัตราบาป: 27% ผู้ชายธรรมดา ได้รับการชําระให้บริสุทธิ์]
เมื่อข้อความปรากฏขึ้น ตอนแรกโนอาห์รู้สึกผิดหวัง โดยคิดว่าเขาจะชําระให้บริสุทธิ์ไม่ได้ แต่เมื่ออ่านเนื้อหา โนอาห์มีความสุขมากขึ้นและเริ่มจดจ่อกับสิ่งที่เขาจะได้รับเมื่อเผาคนแคระคนนี้เสร็จ
เนื่องจากในข้อความในตอนที่ทักษะของเขาได้พัฒนาขึ้นมาหนึ่งระดับ มันได้บอกว่าเมื่อเขาเผามนุษย์ เขาจะได้รับรางวัลพิเศษบางอย่าง เขากลัวว่าเนื่องจากสิ่งที่เขาเผาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในเผ่าพันธุ์คนแคระ สิ่งนี้อาจไม่ได้ผล แต่โชคดีที่ระบบถือว่าคนแคระเป็นมนุษย์ด้วย
“งั้นพวกเอลฟ์ก็อยู่ในหมวดนี้ด้วยเหรอ? และพวกออร์ค และเอเลี่ยน…? ให้ตายสิ ทําไมถึงมีคําถามเข้ามามากกว่าคําตอบละเนี่ย” โนอาห์คิดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
โนอาห์เผาศพจนหมด แต่สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคือค่าทักษะของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้ทําให้เขาผิดหวังเล็กน้อย แต่ในขณะที่เขายังมีอีกสองศพที่เหลือให้เผา โนอาห์ก็ไม่ยอมแพ้และเผาอีกร่างหนึ่งทันที…การเผาศพครั้งที่สองเกิดความล้มเหลวอีกครั้งและเขาก็ไม่ได้รับอะไรนอกจากค่าประสบการณ์
“บ้าเอ้ย บางทีฉันอาจได้อะไรจากการเผามนุษย์จริงๆเท่านั้น” โนอาห์คิดอย่างหงุดหงิด
เมื่อเขาเผาคนแคระคนที่สามแล้ว ข้อความอื่นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา หลังจากความล้มเหลวหลายครั้ง โนอาห์คิดว่าข้อความนั้นกําลังจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้อะไรจากศพของคนแคระ แต่เมื่อเขาอ่านข้อความนั้นมันก็ต้องทําให้เขาประหลาดใจ
(ผู้ใช้ชําระล้างคนแคระสําเร็จ ในระหว่างการทําให้บริสุทธิ์พบร่องรอยของพลังงานศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อย พลังงานนี้ถูกใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของคนแคระ และนี้เป็นส่วนสําคัญที่ผู้ใช้ดูดซับ หากผู้ใช้ดูดซับส่วนสําคัญนี้ได้เพียงพอสิ่งนี้จะสามารถแปลงเป็นพลังที่แท้จริงได้)
เมื่อโนอาห์อ่านข้อความนี้เขาก็ตกใจมาก เขาคิดว่าอย่างมากที่สุด เขาจะได้รับค่าป ระสบการณ์พิเศษสําหรับสิ่งนี้เท่านั้น แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะได้พลังงานศักดิ์สิทธิ์มาด้วย
วินาทีนั้นเองที่โนอาห์นึกถึงพวกโจรและฆาตกรในเมืองของเขาและคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างออกมา แต่เมื่อคํานวณความเสี่ยงและผลกําไรที่เขาจะได้รับหลังจากการทําแบบนั้นแล้ว โนอาห์ก็ปล่อยความคิดนั้นไปในตอนนี้ เพราะถ้าเขาจะทําอะไรแบบนั้นได้ เขาจะต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ก่อน
ผู้ถูกเลือกรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นโนอาห์เผาศพเหล่านั้น แต่พวกเขาปลอบใจตนเองว่าคนแคระเป็นเพียงมอนสเตอร์และโยนความคิดเชิงพระเจ้าใดๆไว้ในจิตใจของพวกเขา ในขณะที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่สนใจที่โนอาห์จะเผาศพต่อไป
หลังจากเผาศพที่เหลืออีกสามศพ โนอาห์ก็ได้รับพลังงานส่วนสําคัญอีกสองอัน แต่ค่าสถานะความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไปไม่ถึง 15 หน่วยอยู่ดี
‘บางทีฉันอาจต้องการเผาศพมากกว่านี้? ฉันหวังว่าจะมีโบกี้ต่อไปอีกสักสองถึงสามโบกี้รถไฟ หรืออย่างน้อยก็ขอให้มันเพียงพอที่จะทําให้ฉันได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นอีกหน่วยหนึ่ง’ โนอาห์คิด
หลังจากทําความสะอาดทุกอย่างแล้ว ทั้งกลุ่มก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและไปที่ โบกี้ถัดไป เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูพวกเขาก็พบกับห้องที่แตกต่างจากห้องที่พวกเขาเดินผ่านมาโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้พวกเขาได้มาพบกับโบกี้รถไฟที่ดูเหมือนโบกี้โดยสารบนรถไฟธรรมดาซึ่งมีช่องแยกสําหรับห้องโดยสารที่ผู้โดยสารจะพักระหว่างการเดินทางกับผู้โดยสารปกติ ความแตกต่างที่เห็นได้ ชัดที่สุดที่แตกต่างจากรถไฟธรรมดาคือประตูห้องโดยสารเหล่านี้พังทั้งหมด ไม่มีประตูใดเลยที่ไม่พังเสียหาย
ในตอนที่พวกเขาเดินผ่านตู้โดยสารพวกเขาสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้ากระจัดกระจายไปทั่วตู้โดยสาร พวกเขาพยายามคุ้ยเสื้อผ้าเพื่อดูว่าพวกเขาจะพบของมีค่าอะไรในเสื้อผ้าที่คนแคระอาจจะนําติดตัวมาด้วยในกระเป๋าหรือไม่ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะพวกเขาไม่พบอะไรนอกจากเสี้อผ้าและของที่ใช้ในสุขอนามัย แม้แต่เงินพวกเขาก็ไม่พบเช่นกัน และนั่นน่าจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่พบกระเป๋าเงินหรือสิ่งของประเภทนั้นตามตู้โดยสารเลย
นอกจากสัมภาระที่เลอะเทอะและประตูที่พังแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่ห้องโดยสารทุกห้องมีเหมือนกัน ไม่เพียงแต่ทุกอย่างจะเลอะเทอะเท่านั้น แต่ที่ทางออกของห้องโดยสารแต่ละห้องก็จะมีรอยเลือดที่คล้ายกับเส้นทางที่พวกเขาพบในโบกี้ขบวนอื่นๆ ที่เมื่อพวกเขาตามไปแล้วพวกเขาจะพบกับศพของคนแคระ
แต่คราวนี้รอยเลือดที่หลงเหลืออยู่บนเส้นทางนั้นใหญ่กว่ามาก เนื่องจากน่าจะมีคนแคระที่ถูกมอนสเตอร์ตัวนั้นจัดการมากกว่าหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องโดยสาร นี่หมายความว่ามีคนแคระอย่างน้อยหลายสิบคนถูกลากไปตามทางเดินนี้และทิ้งรอยเลือดจํานวนมากไว้
ผู้ถูกเลือกดูหวาดกลัวเล็กน้อย ถ้ามอนสเตอร์มีเพียงสามตัวพวกเขาก็สามารถสร้างความสับสนและโจมตีพวกมันได้ แต่เมื่อคาดการจากจํานวนรอยเลือดและคนแคระที่ถูกสังหารพวกเขาก็คิดว่าจะต้องมีมอนสเตอร์จํานวนมากที่สังหารคนแคระจํานวนขนาดนี้ และพวกเขาก็ยังมั่นใจได้ จากเมื่อพวกคนแคระจํานวนมากถูกฆ่า สิ่งที่จะต้องลากศพจํานวนมากไปด้วยก็จะต้องเป็นมอนสเตอร์จํานวนมากอย่างแน่นอน
พวกเขาเริ่มสงสัยว่าจะรับมือกับภารกิจนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากหากมีมอนสเตอร์เพียงสามตัวพวกเขาก็ยังสามารถรับมือได้ หรือแม้กระทั่งห้าตัวพวกเขาก็ยังสามารถรับมือได้อยู่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าโนอาห์จะช่วยเหลือตัวเองด้วยการเคลื่อนย้ายของเขาได้ตลอดเวลาในตอนที่เขาบุกป้อมปราการนี้หรือไม่
และถ้าหากดูจากจํานวนคนแคระที่ถูกลากจากที่นี้ไป พวกเขาคาดการณ์ว่าอาจจะมีมอนสเตอร์ถึงสิบตัว และนี่เป็นเพียงค่าประมาณขั้นต่ำเท่านั้น พวกเขารู้ว่าจํานวนมอนสเตอร์อาจจะมากกว่านี้สองถึงสามเท่าเลยทีเดียว
หลังจากค้นหาทั่วทั้งห้องโดยสารที่ห้าและไม่พบอะไรอีก พวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาจะไม่พบกับสิ่งมีค่าใดๆอีก พวกเขาจึงเลิกมองหาและตัดสินใจไปที่โบกี้ถัดไปทันที
แต่ก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นคือในตอนที่พวกเขากําลังจะผ่านห้องโดยสารพวกเขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาอูอี้ออกมาจากชั้นวางสัมภาระ
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงนั้น ผู้ถูกเลือกทั้งหมดก็มองไปที่ห้องโดยสารและชักอาวุธของพวกเขาทันที
พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมในกรณีที่พวกเขาต้องเผชิญกับมอนสเตอร์ในสถานการณ์แบบนี้ แจสเปอร์มีความสามารถมากกว่าโนอาห์ เพราะเขาว่องไวพอที่จะโจมตีมอนสเตอร์ที่อาจอยู่ที่ นั่นก่อนที่มอนสเตอร์จะโจมตีเขา ถ้าหากโนอาห์ตอบสนองได้ไม่เร็วพอที่จะเทเลพอร์ต เขาอาจตายได้
เมื่ออาวุธทั้งหมดถูกเล็งไปที่ต้นเสียง กลุ่มคนที่เข้าไปในห้องโดยสารขณะที่แจสเปอร์เดินไปข้างหน้าทุกคนและหยิบกระเป๋าใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ปลายห้องออกอย่างระมัดระวัง
ทั้งกลุ่มคิดว่าพวกเขาจะต้องพบกับมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่ยังติดอยู่ในสถานที่นี้ แต่เมื่อแจสเปอร์หยิบกระเป๋าเดินทางที่คลุม “มอนสเตอร์” นี้ออก สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาทุกคนกลับกลายเป็นคนแคระ และคนแคระคนนี้แตกต่างจากคนแคระคนอื่นๆที่พวกเขาพบ เพราะคนแคระคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ และมีอวัยวะครบถ้วน
คนแคระที่พวกเขาพบนี้กําลังมองพวกเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขาไม่ได้คิดว่าจะเจอสิ่งนี้ นักธนูเตรียมธนพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ เพราะเขากลัวว่าคนแคระจะโจมตีพวกเขาและพวกเขาจะต้องต่อสู้กับคนแคระเหมือนกับที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆไปเจอกับพวกเอลฟ์ในป้อมปราการอื่น
แต่คนแคระไม่เคลื่อนไหว แม้ว่าคนแคระทั้งหมดจะตัวเล็ก แต่พวกเขาก็สรุปได้ว่าคนแคระคนนี้อายุน้อยกว่าคนแคระคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่ก็ตาม
“*! 8 #9696 $ #9% 89% 8 # $ 8 #& &! 8 #96.” คนแคระพูดด้วยน้ำเสียง สั่นเครือ ซึ่งไม่มีผู้ถูกเลือกคนไหนเข้าใจ
มันเป็นภาษาที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน และพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินใครพูดภาษานี้บนดาวเคราะห์ดวงใดที่พวกเขารู้จัก
แต่ยกเว้นเพียงคนเดียวในหมู่ของพวกเขามีคนๆหนึ่งที่เข้าใจทุกอย่างที่คนแคระพูด
โนอาห์มองคนแคระอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาเข้าใจในสิ่งที่คนแคระพูดเป็นอย่างดี