กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 84
เมื่อรู้ว่าในโบกี้รถไฟนี้อาจมีบางอย่างนอกจากเสื้อผ้าและของมีค่า ผู้ถูกเลือกพร้อมด้วยคนแคระอายุ 13 ปีก็ได้ค้นดูห้องโดยสารต่างๆ เพื่อดูว่าพวกเขาจะเจออะไรอีกหรือไม่ แต่น่าเสียดาย ที่นอกจากเสื้อผ้าและรอยเลือดแล้วพวกเขาก็ไม่พบอย่างอื่นอีก
เห็นได้ชัดว่าคนแคระตัวน้อยคนนี้ที่พวกเขาเจอและพูดคุยกับเขาผ่าน “การอ่านร่างกาย” ของโนอาห์ซึ่งโนอาห์รู้ว่าเขาชื่อว่ามูแฟกนี้เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในโบกี้นี้ แต่เนื่องจากพวกเขาไม่พบศพคนแคระคนอื่นๆ ผู้ถูกเลือกจึงไม่สามารถยืนยันการตายของใครได้นอกจากคนแคระที่พวก เขาพบก่อนหน้านี้ โนอาห์แค่หวังว่าคนแคระทั้ง 6 คนที่เขาได้เผาไปนั้นจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของมูแฟก
ระหว่างทางพวกเขาพยายามคุยกับมูแฟกผ่านโนอาห์ แต่ดูเหมือนเขาจะรู้เพียงเรื่องที่ เกี่ยวกับตัวเขาเท่านั้น สิ่งที่สําคัญที่สุดที่พวกเขาค้นพบก็คือรถไฟขบวนนี้กําลังพาเขาจากเมืองหนึ่งในอาณาจักรบนดาวแคระไปยังอีกเมืองหนึ่ง
น่าเสียดายที่มูแฟกตัวน้อยไม่รู้พิกัดของดาวของเขา แต่การที่รู้ว่าคนแคระคนนี้มีภูมิหลังที่ลึกกว่าการเป็นมอนสเตอร์ในป้อมปราการตามปกติก็เป็นสิ่งที่ช่วยขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของกลุ่มในแง่ของการบุกป้อมปราการ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นแค่มอนสเตอร์เป็นวิธีหาเงินและเป็นภัยคุกคามต่อการปกป้องแผ่นดิน แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดเหมือนในตอนแรก ตัวอย่างเช่น มูแฟกที่อธิบายว่าครอบครัวของเขาเป็นยังไง พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองยังไง สกุลเงินที่ใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจของพวกเขา (ในมุมมองที่เรียบง่ายจากมุมมองของเด็ก) แค่นั่นก็เพียงพอแล้วที่มนุษย์จะเข้าใจว่าผ่านประตูมิตินี้ไม่ใช่แค่ ” ดันเจี้ยน” แบบสุ่มที่พวกเขาควรจะทําลาย แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นโลกที่ ใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก พวกเขาไม่รู้ว่าเมืองหรือโลกพวกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยป้อมปราการเพียงเพื่อให้มันสมจริงมากขึ้นหรือว่ามันเป็นอย่างที่มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีเวลาคุยกับมูแฟกอีกต่อไป เมื่อพวกเขามาถึงประตูที่นําไปสู่ โบกี้คันถัดไป โนอาห์ก็บอกให้มูแฟกอยู่ข้างหลังทุกคนพร้อมกับเหล่านักเวทย์เพื่อที่เขาจะได้ได้รับการปกป้องจากมอนสเตอร์ที่พวกเขาอาจพบเจอ และคนแคระตัวน้อยเชื่อฟังเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อพวกเขาเปิดประตู กลิ่นที่คุ้นเคยของสนิมรุนแรงก็พุ่งออกมาที่จมูกของพวกเขา
พวกเขาทําตามสัญชาตญาณทันที พวกเขาจับอาวุธให้แน่นขึ้น ขณะที่โนอาห์ระวังตัวไว้เพื่อที่เขาจะได้เทเลพอร์ตได้ตามที่เขาต้องการ เขายังไม่ได้สร้างลูกไฟขึ้นมาเพื่อที่จะไม่ดึงความสนใจมาหาเขาโดยไม่จําเป็น และเมื่อเขาตระหนักว่ามันยากมากที่จะเห็นข้างหน้าในความมืด นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าการที่โนอาห์ตัดสินใจไม่จุดไฟเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ต้องการเดินตรงเข้าไปในโบกี้ที่มีกลิ่นแรงมากจนคิดว่าเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่ โดยที่เขายังไม่มีวิธียืนยันด้วยสายตาของเขาเอง
ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของกลุ่ม โนอาห์จึงเรียกลูกไฟขนาดเล็กแต่ทรงพลังออกมาและยิงไปในทิศทางที่เขาจินตนาการว่าจะเป็นประตูถัดไป
เมื่อลูกบอลไฟปรากฏขึ้น ดวงตามากกว่าสิบสองดวงก็สว่างขึ้นภายในความมืดและสะท้อนกับลูกไฟของโนอาห์
ดวงตาพวกนั้นมองมายังทางเข้าที่ผู้ถูกเลือกกําลังยืนอยู่ และเมื่อถึงจุดนั้น โนอาห์ก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ทันที
เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทําอะไร ถ้าเขาเลือกที่จะเทเลพอร์ตเขาก็จะดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์มาที่ตัวเขาอย่างชัดเจน
จากจํานวนสายตาที่เขาเห็นเขาคิดว่ามีมอนสเตอร์อย่างน้อย 3 ตัว
ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือมอนสเตอร์ตัวอื่นๆจะปรากฏตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นไม่นานหรือเปล่า แต่โนอาห์ไม่มีโอกาสคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากนั้น เนื่องจากกลุ่มของเขาได้ยินเสียงที่พวกเขาเชื่อว่ามาจากมอนสเตอร์ที่กําลังเริ่มวิ่งเข้ามาหาพวกเขาทันที่ที่ไม่มีลูกไฟในพื้นที่อีกต่อไป
แจสเปอร์วิ่งเคียงข้างโนอาห์ไปข้างหน้าเพื่อควบคุมสถานการณ์ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่อันตราย แต่นี่ก็คือบทบาทของทั้งสองคนในกลุ่ม พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้ถูกเลือกคนอื่นๆและจะออกมาในเฉพาะสถานการณ์ที่ปลอดภัยได้ เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือ การสร้างสถานการณ์ที่ปลอดภัยและได้เปรียบที่สุดสําหรับเพื่อนร่วมทีม แม้ว่ามันจะหมายความว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายกว่าคนอื่นๆก็ตาม
“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ซะหน่อย” โนอาห์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะเริ่มเทเลพอร์ตไปตามเส้นทางเพื่อไปให้ถึงเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าของแจสเปอร์ที่พุ่งไปก่อนแล้ว
โนอาห์ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อทําให้พื้นที่สว่างขึ้นและทําให้มองเห็นสถานที่นั้นด้วยเปลวเพลิงที่ออกมาจากการเทเลพอร์ต
เปลวเพลิงเล็กๆเหล่านี้เพียงพอสําหรับนักธนูและนักเวทย์ในการค้นหาเป้าหมายและเริ่มยิงพลังเวทย์และลูกธนูไปยังสิ่งมีชีวิตทั้ง 8 ตัวที่กําลังสนใจโนอาห์อยู่
แจสเปอร์ใช้ประโยชน์จากความว่องไวของเขาและการที่มอนสเตอร์ยังไม่สนใจเขา เขาจะใช้มีดสั้นระดับ C ที่เขามีโจมตีไปที่ท้องของมอนสเตอร์เพื่อเปิดช่องท้องของมันให้ได้
นักเวทย์ร่ายเวทย์มนตร์ในขณะที่นักธนูยิงธนู ครั้งนี้นักรบครึ่งหนึ่งอยู่ข้างหลังเพื่อปกป้องแนวหลัง ขณะที่อีกครั้งหนึ่งเข้าหากลุ่มของมอนสเตอร์และพยายามแยกมอนสเตอร์ตออกจากโนอาห์และแจสเปอร์ เพื่อพยายามแบ่งเบาภาระของทั้งสอง
“วู้ม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม” “บูม”
ในระหว่างนี้โนอาห์ไม่ได้หยุดการเทเลพอร์ตของเขาในการหลบการโจมตีเลย และเนื่องจากเขาไม่ได้เผามอนสเตอร์ พลังงานสํารองของเขาจึงลดลงเร็วกว่าปกติมาก ถ้าเขายังคงเทเลพอร์ตในอัตรานี้ แม้ว่าเขาจะเทเลพอร์ตในระยะทางสั้นๆ แต่เขาก็จะไม่มีพลังงานเพียงสําหรับการเทเลพอร์ตมากกว่า 100 ครั้งแน่นอน
เนื่องจากในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เพียง 2 ตัว เขาต้องใช้การเทเลพอร์ตถึง 100 ครั้ง แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการกับมอนสเตอร์ 8 ตัว การเทเลพอร์ต 100 ครั้งนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป
แต่โนอาห์มีบางอย่างที่เขาไม่มีในการต่อสู้ครั้งก่อน นั่นคือความสามารถของ [เปลวไฟแห่งนรก] ของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 03 แล้ว
นอกจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นและอันตรายมากขึ้นแล้ว การควบคุมเปลวไฟของโนอาห์ก็เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก การควบคุมไฟที่ดีขึ้นนั้นทําให้โนอาห์สามารถประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ของเขาได้
ในการเทเลพอร์ตแต่ละครั้ง โนอาห์ค้นพบว่าเขาสามารถควบคุมเปลวไฟที่รั่วไหลผ่านอุโมงค์นรก]ได้ กล่าวก็คือเขาสามารถควบคุมเปลวไฟเล็กๆที่รั่วไหลผ่านประตูมิติที่เขาผ่านได้ ราวกับเป็นไฟของเขาเอง โชคไม่ดีที่เขาสามารถควบคุมเปลวไฟได้เพียง 29% จากที่ออกมาจากประตูมิติเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสําหรับโนอาห์ที่จะสั่งให้พวกมันยังถูกรักษาไว้แทนที่จะสลายไป
พวกมันจะลอยอยู่ในอากาศในขณะที่เขาเคลื่อนย้ายไปมา กลยุทธ์นี้ทําให้การใช้พลังงานของโนอาห์เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
และในเวลาอันสั้น เนื่องจากอุโมงค์นรกจํานวนมากที่เขาเทเลพอร์ต จากพื้นที่ที่เคยมืดมิดแห่งนี้ ก็สว่างขึ้นราวกับว่ามีคนจุดเทียนที่มองไม่เห็นหลายสิบเล่มและทิ้งพวกมันไว้กลางอากาศ พื้นที่ใกล้เคียงกับไฟพวกนี้ก็สว่างพอที่จะทําให้ร่างของมอนสเตอร์ในสถานที่นั้นโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
โชคไม่ดีสําหรับโนอาห์หลังจากจับเปลวไฟลูกที่ 53 ที่เกิดจากการเทเลพอร์ตได้ เขาก็รู้สึกว่าพลังงานสํารองของเขาลดลงต่ำกว่า 20% และได้เวลาลงมือแล้ว
พวกมอนสเตอร์โกรธมาก พวกมันไม่เข้าใจว่าทําไมทุกครั้งที่มนุษย์คนนี้ถูกกัดเขาถึงกลายเป็นเปลวเพลิงและปรากฏขึ้นที่อื่น และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นพวกมันก็จะโกรธมากขึ้นและอยากที่จะกัดมนุษย์คนนี้มากขึ้นไปอีก
สิ่งนี้ทําให้อะดรีนาลีนในร่างกายของมอนสเตอร์เพิ่มขึ้นจนแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดจาก อาการบาดเจ็บขนาดกลางอีกต่อไป นั่นคือถึงแม้สายฟ้าจะฟาดลงมาพวกมันก็ยังจะเดินต่อไปได้ และเมื่อเป็นอย่างนี้พวกมันก็ไม่สนใจการโจมตีของผู้ถูกเลือกที่โจมตีมาที่มันอีกต่อไป พวกมันปล่อยให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นโจมตีพวกมันได้มากขึ้นในแต่ละครั้งและนั่นทําให้ความต้านทานของพวกมันลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์บางตัวยังไม่เป็นไร แต่บางตัวก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้ว โนอาห์ก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะเริ่มขั้นที่สองของแผนของเขาแล้ว เปลวไฟที่ส่องสว่างไปทั่วพื้นที่ตอนนี้ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
โนอาห์ได้ทําเครื่องหมายว่ามอนสเตอร์ตัวใดใกล้ตายที่สุดและส่งไฟของเขาพุ่งเข้าหามอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยความหวังว่าพวกมันจะตายเร็วขึ้น
เปลวเพลิงเหล่านั้นจะต้องหลบมอนสเตอร์ที่ยังแข็งแรงและผู้ถูกเลือกคนอื่นๆรวมถึงแจสเปอร์ แต่ด้วยการควบคุมที่สูงของโนอาห์ การควบคุมเปลวไฟขนาดเล็กแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา
เมื่อเปลวเพลิงกระทบกับมอนสเตอร์ โนอาห์ก็รู้สึกว่าพลังงานสํารองของเขาเริ่มถูกเติมเต็มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่มันยังไม่เร็วเท่ากับการกินพลังงานในปัจจุบันจากการเทเลพอร์ตของเขา โนอาห์จึงใช้แนวคิดที่เขามีในตอนที่เขาเผามอนสเตอร์ในโบกี้คันก่อน และลดขนาดของเปลวไฟบนผิวหนังของมอนสเตอร์ลง แต่เพิ่มพื้นผิวสัมผัสโดยทําบางอย่างที่คล้ายกับเส้นใยเพลิงพันไปทั่วร่างของมอนสเตอร์
ทันทีที่มอนสเตอร์ถูกไฟโจมตี เสียงกรีดร้องของพวกมันก็เปลี่ยนจากเสียงกรีดร้องโกรธเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความกลัว ความเจ็บปวด และความสิ้นหวัง บางตัวไม่สามารถแม้แต่จะยืนได้ ก่อนที่จะล้มตัวลงกับพื้นเพื่อพยายามดับไฟแปลกๆเหล่านี้
การทําแบบนี้ทําให้โนอาห์ไม่ต้องเทเลพอร์ตอีกต่อไป และทําให้เขาสามารถใช้พลังงานได้มากขึ้นกับไฟที่เขาสร้างเพื่อทําให้มันเข้าไปในร่างกายของพวกมันเพื่อเผาผลาญมันให้มากขึ้นและผลิตพลังงานให้กับเขาได้มากขึ้นไปอีก สร้างวงจรการจ่ายพลังงานและการฟื้นฟูพลังงานให้กับเขาได้เรื่อยๆไม่รู้จบ
‘ฉันคิดว่าฉันสามารถเรียกสิ่งนี้ว่า [กับดักนรก] ได้การตั้งชื่อของฉันแย่มาก ฉันต้องคิดถึงสิ่งที่ดีกว่านี้’ โนอาห์คิด เขาไม่พอใจกับชื่อแต่ก็พอใจกับผลลัพธ์ขณะที่เขาดูมอนสเตอร์กลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆตกตะลึงชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นการโจมตีขนาดใหญ่เช่นนี้จากผู้ถูกเลือกเพียงคนเดียว
โนอาห์ที่กําลังยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาเพียงลําพังในตอนนี้สามารถจัดการกับมอนสเตอร์ 4 ตัวได้ในคราวเดียว แน่นอนว่าพวกเขาสร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์พวกนั้นมากมายแล้วก่อนที่โนอาห์จะจัดการกับพวกมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นมอนสเตอร์พวกนั้นก็ยังวิ่งและโจมตีได้อย่างต่อเนื่องจนถึงเมื่อวินาทีที่แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับกลิ้งอยู่บนพื้นและไม่สามารถโจมตีหรือคิดอะไรได้อีก