กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ - บทที่ 74 ไปหาคนที่ต้าเหลียง
บทที่ 74 ไปหาคนที่ต้าเหลียง
Ink Stone_Romance
ซ่งชูอีเข้าใจความรวดเร็วในการแพร่กระจายของข่าวในปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง ข่าวที่เดินทางผ่านพ่อค้าเป็นวิธีที่เร็วที่สุดรองจากคำสั่งม้าเร็วทางทหาร อีกทั้งยังครอบคลุมเป็นวงกว้างอีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น เวลาเพียงครึ่งเดือนก็ไม่สามารถแพร่กระจายข่าวไปได้ทุกที่
กุ้ยหลิงอยู่ไม่ห่างจากนครหลวงของรัฐเว่ยนัก ซ่งชูอีคำนวณเวลาแล้ว นางสามารถอ้อยอิ่งอยู่ในละแวกนี้ได้นานที่สุดเพียงสามวัน ยิ่งนานกว่านั้นเกรงว่าจะพบปัญหาที่ไม่คาดฝัน
ขบวนรถออกจากนครกุ้ยหลิงแล้ว ครั้นมาถึงชานเมืองรกร้างไร้ผู้คน จี๋อวี่ก็ขี่ม้าเข้าใกล้รถของซ่งชูอีทันที “ท่าน เหตุใดจึงต้องไปที่ต้าเหลียง?”
“ใครว่าจะไปที่ต้าเหลียง ไปยังทิศทางของต้าเหลียง เดินทางช้าหน่อย ตามหาเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าปีคนหนึ่ง สามวันต่อมาจึงอ้อมไปยังทิศตะวันตกต่อตามเดิม” ซ่งชูอีกล่าว
จี๋อวี่ไม่เข้าใจ นิ่งไปครู่หนึ่งก็ยังเอ่ยถาม “เพราะเหตุใด?”
“ท่านแม่ทัพหลงกู่มิได้บอกเจ้าหรือ? รัฐฉินมิใช่จุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ หลังจากรัฐฉินแล้ว ยังต้องไปรัฐเจ้า ฉี หาน ฉู่ ห้ามไม่ให้เว่ยอ๋องล่วงรู้ถึงสถานะของพวกเราเป็นอันขาด ที่ข้าทำเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมมีเหตุผล” ซ่งชูอีนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “แล้วก็สั่งการลงไป ให้ผู้ที่มีสำเนียงผูหยางหยุดพูดในสองสามวันนี้”
“ขอรับ!” จี๋อวี่รับคำสั่ง สั่งคนให้ถ่ายทอดคำสั่งนี้ออกไป
ซ่งชูอีเข้าใจว่าอันที่แล้วมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะหาเจ้าอี่โหลวเจอ ในช่วงเวลานี้การหลบซ่อนตัวเป็นเรื่องง่ายที่สุด สามารถเจาะเข้าไปในหุบเขาหรือป่าลึกที่ใดก็ได้ ต่อให้รวมพลังทั้งรัฐก็ใช่ว่าจะหาเจอ
ซ่งชูอีก็เคยครุ่นคิดหลายรอบ เจ้าอี่โหลวไม่น่าจะอยู่ในมือของหัวหน้าคณะ ตอนนั้นนางคล้ายมีเรื่องสำคัญต้องพาหนุ่มรูปงามไปยังรัฐฉู่ หากเจ้าอี่โหลวยังอยู่ บัดนี้นางจะไม่ปรากฏตัวอยู่ในอาณาเขตของรัฐเว่ย
ทว่าเพื่อยืนยันการคาดเดา ซ่งชูอีจึงสั่งให้ขบวนรถหยุดอยู่นอกนครครึ่งวัน แล้วให้จี้ฮ่วนพาสองสามคนลอบกลับไปเพื่อให้มั่นใจว่ามีชายรูปงามอยู่ในขบวนของหัวหน้านักแสดงหรือไม่
ตอนเที่ยงจี้ฮ่วนกลับมาพร้อมกับข่าว ขบวนนักแสดงของหัวหน้าคณะบัดนี้มีเพียงคันเดียว ที่เหลือล้วนเป็นม้าและผู้อารักขา เขาหมอบดูตลอดทั้งเช้า เล่าเรื่องการติดตามหัวหน้าคณะให้ฟังรอบหนึ่ง ในที่สุดซ่งชูอีก็มั่นใจว่าไม่มีชายรูปงามอยู่ในมือนางเลยสักคนตามคาด
ตามที่รู้จักเจ้าอี่โหลว ซ่งชูอีสั่งให้มุ่งการเน้นการค้นหาในป่าภายในสองสามวันนี้ ทว่าไม่สามารถเข้าไปไกลนัก แม้นซ่งชูอีจะคิดกลยุทธ์ขว้างหินก้อนเดียวได้นักสองตัวเช่นนี้ ทว่าก็ต้องแยกแยะว่าสิ่งใดสำคัญกว่า
สภาพอากาศหนาวจัด ซ่งชูอีไม่สนใจการห้ามปรามของจี๋อวี่ ยืนกรานจะขี่ม้า
ชาติที่แล้วซ่งชูอีประสบกับความลำบากทุกรูปแบบ มีม้าขี่นับว่าไม่เลวแล้ว อย่างไรก็ดีกว่าเดินด้วยสองเท้า ร่างกายในชาตินี้ห่างไกลจากชาติที่แล้วมาก และด้วยเหตุนี้นางจึงไม่คิดที่จะบำรุงตัวเองให้น่ารักอ่อนหวาน
ลมหนาวอันโหดร้ายราวกับมีดที่บาดผิวหนัง แม้แต่ชายฉกรรจ์เช่นจี๋อวี่กับจี้ฮ่วนผู้ผ่านการทหารบ่อยครั้งก็ต่างทนไม่ใคร่ได้ ทว่านิสัยอันเกียจคร้านตามปกติของซ่งชูอีกลับเปลี่ยนไป ดูผ่อนคลายแต่เข้มแข็งในสายลมอันบ้าคลั่ง แตกต่างราวกับเป็นคนละคน
แม้แต่การค้นหาทั้งสองวัน ซ่งชูอีล้วนขี่ม้า
หลงกู่ปู้วั่งประหลาดใจมาก สองวันนี้ซ่งชูอีมิได้มาเย้าแหย่เขาก็กลับรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง อึดอัดทั่วร่างกาย เขาแอบสำรวจซ่งชูอีอยู่ตลอด เห็นเพียงคิ้วของนางที่ขมวดกันแน่นกว่าวันแรก เขาไม่เคยเห็นลักษณะเคร่งขรึมเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ดีแขนเสื้อที่พริ้วสะบัดและผมดกดำที่พัดยุ่งภายใต้ภายุอันบ้าคลั่งนั้นให้ความรู้สึกอิสระที่ต่างออกไป
ในชั่วอึดใจหนึ่ง หลงกู่ปู้วั่งรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นท่าทีผ่อนคลายของซ่งชูอี หรือความเคร่งขรึมจริงจังในตอนนี้ ล้วนมีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก ทว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
ครั้นถึงวันที่สาม แววตาของซ่งชูอีซึ่งโดยปกติแล้วไร้ความรู้สึกใดๆ มีความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นเลือนราง ก่อนฟ้ามืด นางขี่ม้าพาสองสามคนออกไปเสาะหาในหุบเขาอีกคราอย่างไม่ย่อท้อ ทว่ายังคงไม่พบเบาะแสใด
ซ่งชูอีเม้มริมฝีปากที่แตกระแหง ในใจไม่ใคร่เต็มใจนัก ทั้งๆ ที่พบเบาะแสแล้ว บางทีเจ้าอี่โหลวอาจซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่งในละแวกนี้ก็ได้ แต่ว่าบัดนี้นางทำได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้
จี๋อวี่รู้สึกประทับใจกับความเพียรพยายามของนาง เห็นนางลงจากม้าเงียบๆ เตรียมจะขึ้นรถม้า อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ท่าน จะหาต่ออีกวันหรือไม่?”
ซ่งชูอีถูๆ นิ้วที่เย็นยะเยือกราวกับหัวไชเท้า อ้าปากต้องการจะตอบ ทว่ามันกลับดึงให้รอยแผลบนริมฝีปากปริออก นางแสยะยิ้ม มองจี๋อวี่ด้วยความสงสัย รอจนกระทั่งความเจ็บปวดนี้ผ่านไปจึงเอ่ยขึ้น “หาไม่เจอก็ช่างประไร ไม่สำคัญ”
ปากกับใจไม่ตรงกัน! การแสดงออกทางสีหน้าของจี๋อวี่กำลังตำหนินิสัยเสียอีกอย่างของซ่งชูอี
ซ่งชูอีเหยียบขึ้นรถม้าไป หันกลับมามองเขา จิ๊ปากเอ่ย “นั่นมันสีหน้าอะไรของเจ้า? ยังไม่รีบไปอีก จะรอจนเว่ยอ๋องเชิญเจ้าไปงานฉลองใหญ่หรือไร!”
ขี้บนเรือนขี้รดบนหลังคา จี๋อวี่มอบนิสัยเสียอีกอย่างแก่นางอยู่ในใจ พลิกตัวขึ้นม้าไปอย่างเด็ดขาด
หลังจากขบวนรถเตร็ดเตร่อยู่สามวัน ในที่สุดก็ออกเดินทางไปยังทิศตะวันตกอีกครั้ง
ซ่งชูอีพิงอยู่ที่เตียงอุ้มไป๋เริ่นอยู่ในอ้อมอก เพียงความพยายามไม่กี่วัน ไป๋เริ่นเงียบลงไปมาก เธอซุกมือไว้ในขนที่อ่อนนุ่มของมันครู่หนึ่ง บริเวณที่บวมแดงเริ่มมีอาการคันและระคายเคืองเล็กน้อย
นางรู้จักกับเจ้าอี่โหลวได้ไม่นาน ทว่าหลังจากที่นางได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตแล้ว เจ้าอี่โหลวก็ได้มอบความไว้วางใจแก่นางอย่างสมบูรณ์ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นางคิดตามหาเขาไม่หยุดหย่อน
รถม้าหยุดจอดครู่หนึ่ง ซ่งชูอีดึงความคิดกลับมา เห็นหลงกู่ปู้วั่งสะบัดหิมะบนตัว แล้วขึ้นรถมา
“อาจารย์” หลงกู่ปู้วั่งค้อมคำนับ วางถุงมือหนังสุนัขจิ้งจอกและยาขวดหนึ่งลงบนโต๊ะตัวเตี้ย
ซ่งชูอีเหลือบมอง ยื่นมือหยิบขวดยา เอ่ยขึ้น “ข้าไม่ต้องการถุงมือ เจ้าเก็บไว้ใช้เถิด ข้ามีไป๋เริ่น นี่คือยาแก้อาการบวมรึ?”
“ขอรับ เป็นสูตรลับของสกุลหลงกู่พวกข้า” หลงกู่ปู้วั่งเอ่ยอย่างภาคภูมิ
ซ่งชูอีกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “เช่นนั้นข้าจะน้อมรับไว้”
หลงกู่ปู้วั่งลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้ “อาจารย์ต้องการตามหาคนหรือ? เป็นคนลักษณะเป็นเยี่ยงไร? การค้าขายของตระกูลพวกข้ามีเส้นสายอยู่บ้าง บางทีอาจช่วยท่านได้”
“ไม่เลวนี่นา รู้จักใช้แผนการแล้ว” ซ่งชูอีเห็นท่าทางประหลาดใจเล็กน้อยของเขา หัวเราะเอ่ยแหะๆ “พ่อหนุ่ม อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ไม่แน่ใจว่าหากพยายามอีกหน่อย คราวหน้าอาจจะประสบความสำเร็จจริงๆ”
หลงกู่ปู้วั่งทอดถอนใจด้วยความพ่ายแพ้ “ท่านมองออกตรงไหนหรือ?”
เขารู้สึกว่าตนนั้นจริงใจยิ่ง จริงเจ็ดส่วนเท็จสามส่วน เช่นนี้ก็ยังถูกมองออก จะเทพเกินไปแล้วกระมัง!
ซ่งชูอีรับผ้าชุบน้ำร้อนที่เจียนส่งมาเช็ดมือ เอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส “ข้าดูไม่ออกดอก เมื่อครู่เพียงแค่เอ่ยปากแหย่เจ้าส่งเดช พ่อหนุ่ม เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว”
หลงกู่ปู้วั่งรู้สึกจุกอยู่ในอก พ่ายแพ้ตามคาดอีกแล้ว ทว่าการพ่ายแพ้ครานี้มันผิดเกินไป!
ซ่งชูอีทายา สั่งให้เจียนคลี่แผนที่ออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลงกู่ปู้วั่งเอ่ยขึ้น “อาจารย์ ท่านมิได้สอนข้าสามวันแล้ว”
“อืม หากข้าสอนทุกวัน เจ้าแน่ใจว่าจะทนได้หรือ?” ซ่งชูอีไล่สายตาอยู่ระหว่างรัฐหานและรัฐเว่ยบนแผนที่ เอ่ยขึ้นเชื่องช้า “ให้เวลาเจ้าพิจารณาตัวเองอยู่สามวัน แต่ดูแล้วไม่คืบหน้าเท่าไร”
หลงกู่ปู้วั่งสีหน้ามืดมน ต่อให้ไม่มีความคืบหน้า ก็กล่าวให้มันอ่อนหวานกว่านี้มิได้หรือ?
“หยวนยง!” ครั้นซ่งชูอีสรุปสถานที่แล้วก็เรียกเสียงหนึ่ง “จี๋อวี่”
“ท่าน” จี๋อวี่ตอบรับ
“มุ่งหน้าสู่หยวนยง ห้ามหยุดพักระหว่างทาง” ซ่งชูอีเอ่ย
รัฐหานตั้งอยู่ใจกลางรัฐเว่ย แยกดินแดนของรัฐเว่ยออกเป็นสองส่วน หยวนยงเป็นอาณาเขตของรัฐหาน ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของส่วนต่อขยายอาณาเขต หากเดินทางจากที่นี่โดยไม่หยุดก็จะใช้เวลาเพียงห้าวัน
ซ่งชูอีกำลังครุ่นคิดว่าควรจะไปแวะคารวะหานโหวก่อนดีหรือไม่
…………………………