กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1002
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1002
แขนของสาวใช้หลิงเอ๋อร์เจ็บอย่างมากจากการที่ถูกนางบีบแน่น ทว่ากลับไม่กล้าดิ้นรนและยอมทนเจ็บ “ฝ่าบาทเพคะ พระสวามีและเยี่ยกุ้ยเหรินยังไม่ฟื้นขึ้นมา หมอหลวงกล่าวว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก และหลายวันมานี้ม่อกุ้ยเหรินก็คอยเฝ้าฝ่าบาทอยู่ข้างเตียงโดยไม่จากไปไหน จนถึงเมื่อวันก่อนก็ได้ออกไปหายาสมุนไพรกลับมารักษาฝ่าบาทพร้อมกับรองอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์เพคะ”
“ส่วนหัวหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยเพคะ”
เดิมทีกู้ชูหน่วนกู้สับสนมึนงงมากอยู่แล้ว
และเมื่อนางพูดเช่นนี้ก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปอีก
“เจ้าอธิบายให้ละเอียด อะไรคือพระสวามี เยี่ยกุ้ยเหริน ม่อกุ้ยเหริน และอะไรคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์?”
“ฝ่าบาทเพคะ พระสวามีก็คือผู้นำตระกูลเหวิน หัวหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์คือราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร ส่วนรองอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์คือเสือขาวโบราณในตำนานเพคะ”
“หมายความว่า เยี่ยกุ้ยเหรินและม่อกุ้ยเหรินก็คือเยี่ยจิ่งหานและอาม่อ”
“เพคะ”
กู้ชูหน่วนเอามือตบหน้าผากและนึกว่าตัวเองกำลังฝันไป
ทว่านางปวดศีรษะจนแทบทนไม่ไหว
“ข้าขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่เมื่อไร และข้าไปแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ตอนที่ฝ่าบาทหมดสติไป โดยมีท่านอ๋องเสวี่ยเป็นผู้ดำเนินการเพคะ งานพระราชพิธีแต่งงานของฝ่าบาทและพระสวามีเป็นที่ตกตะลึงอย่างมากทั้งดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง ตระกูลเหวินได้นำสินสอดทองหมั้นมาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ที่รัฐปิงก่อตั้งมาก็ยังไม่เคยมีพระสวามีพระองค์ไหนที่มีสินสอดทองหมั้นเยอะมากเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”
“ต่อให้การแต่งงานระหว่างเหวินเส่าอี๋จะเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดตั้งแต่ยังเด็ก เช่นนั้นแล้วเรื่องของเยี่ยจิ่งหานและอาม่อเป็นมาอย่างไร?”
“ท่านอ๋องเสวี่ยกล่าวว่าฝ่าบาททรงมีใจให้กับเยี่ยกุ้ยเหรินและม่อกุ้ยเหริน และแม้ว่าเยี่ยกุ้ยเหรินจะพิการขาทั้งสองข้าง แต่ก็มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง อีกทั้งมีกองกำลังและอำนาจเบื้องหลังจำนวนมากที่ไม่อาจคาดเดาได้ จึงเหมาะสมกับฝ่าบาทเพคะ ส่วนม่อกุ้ยเหริน แม้ว่า….อืม…..แต่ก็รูปงามสง่าผ่าเผย อีกทั้งยังสนิทสนมกับฝ่าบาท ความคิดอ่านของเขาก็บริสุทธิ์จริงใจ ฉะนั้นท่านอ๋องเสวี่ยจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกีดกั้นความเห็นต่างของทุกคนในเรื่องดวงตาทั้งสอง…..อืม….ก็เลย…..”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเสียงดังและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยการดูถูก
“ฮึ ในขณะที่ข้าหมดสติ เขาไม่เพียงทำให้ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ แถมยังช่วยหาสามีให้ข้าอีกเป็นจำนวนมาก เขาเก่งกาจเช่นนั้น เหตุใดถึงไม่ทำให้ข้าเกิดลูกด้วยเลยล่ะ”
สาวใช้หลิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจคำพูดของกู้ชูหน่วนและคิดว่านางคงตื่นเต้นดีใจเกินไป เพราะบนโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่ต้องการเป็นจักรพรรดินี
นางยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาทเพคะ เรื่องการให้กำเนิดจะทำแทนกันได้อย่างไรเพคะ หากฝ่าบาทต้องการมีทายาท เช่นนั้นฝ่าบาทก็สามารถแต่งตั้งกุ้ยเหรินได้อีกจำนวนมากเลยเพคะ”
“……”
กู้ชูหน่วนกลอกตามองบนและพยายามลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอหลวงกล่าวว่ายังไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้นะเพคะ”
“ถอยไป”
“ท่านอ๋องเสวี่ยเสด็จ…..”
หลังจากเสียงตะโกนที่ดังขึ้น ท่านอ๋องเสวี่ยสวมชุดราชสำนักและมีขันทีสองคนเดินติดตามเข้ามาในห้องนอน และจากนั้นก็คุกเข่าให้กู้ชูหน่วนอย่างเคราพและนอบน้อม “กระหม่อมคารวะฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทที่ไหนกัน อยากเป็นจักรพรรดิเจ้าก็เป็นของเจ้าไป อย่าเอาข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”
“ฝ่าบาทเป็นทายาทเพียงคนเดียวของอดีตจักรพรรดินี และฝ่าบาทก็สมควรได้เป็นทายาทผู้ได้รับการสืบทอดราชบัลลังก์ กระหม่อมจะกล้าดีอย่างไรไปยึดตำแหน่งนั้นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ และยังอภิเษกสมรสกับพระสวามีและกุ้ยเหรินเพื่อประกาศต่อประชาชนทุกคนไปแล้ว ตอนนี้ประชาชนทุกคนต่างร่วมดีใจไปกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องเสวี่ย เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนชั่วร้ายเช่นนี้นะ”
ใช้โอกาสตอนที่นางหมดสติและประกาศต่อชาวประชาว่านางเป็นจักรพรรดินี โดยไม่มีโอกาสให้นางได้ปฏิเสธหรือเสียใจเลยสักนิด
อีกทั้งยังจัดการเรื่องการแต่งงานของนางอย่างดี
เฮ้อ……
ให้เสี่ยวหูเตี๋ยเป็นพระสวามี
เยี่ยจิ่งหานเป็นกุ้ยเหริน คิดขึ้นมาได้อย่างไร
หากเยี่ยจิ่งหานฟื้นขึ้นมาต้องถลกหนังนางทิ้งแน่ๆ
ท่านอ๋องเสวี่ยยิ้มและเปลี่ยนประเด็น
“หากฝ่าบาทคิดว่าวังหลังน้อยเกินไปละก็ กระหม่อมได้ทำการออกคำสั่งค้นหาคุณชายรูปงามที่บริสุทธิ์ เพียงแค่ฝ่าบาทสั่งออกมา กระหม่อมจะสั่งให้พวกเขานำคุณชายเหล่านั้นมาส่งให้ถึงวังหลังเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“…….”
ท่านอ๋องเสวี่ยปรบมือและจากนั้นขันทีก็เปิดภาพม้วนจำนวนมากออกมา
ท่านอ๋องเสวี่ยยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท คนเหล่านี้ล้วนเป็นคุณชายที่มีรูปร่างหน้าตาดี แต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถอย่างครบถ้วน และแต่ละคนยังมีความสามารถในด้านการต่อสู้ ฝ่าบาทลองทอดพระเนตรดูว่ามีที่สนพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าก็เป็นแค่ท่านอ๋องเท่านั้น เหตุใดถึงสามารถทำให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์ได้ แถมยังดำเนินการเรื่องงานแต่งงานให้ข้าอีก ถึงขั้นที่…..จัดการเรื่องอะไรเหล่านี้ ท่านอ๋องเสวี่ย หรือเจ้าคิดอ้างคำสั่งของของข้าไปควบคุมสั่งการผู้อื่นตามประสงค์ของตนเอง”
ท่านอ๋องเสวี่ยตกใจอย่างมาก และจากนั้นก็รีบหยิบพระราชโองการฉบับหนึ่งออกมา
“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยคิดเรื่องครอบครองบัลลังก์ กระหม่อมเพียงต้องการคอยช่วยเหลือฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีอำนาจนั้นก็จริง ทว่าอดีตจักรพรรดินีหลงเหลือราชโองการฉบับหนึ่งไว้ และสั่งให้กระหม่อมคอยปกป้องคุ้มครองฝ่าบาทและจากนั้นให้จัดการดำเนินการเรื่องงานอภิเษกสมรสของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนหยิบพระราชโองการนั้นมาและพระราชโองการนั้นก็เขียนข้อความเหล่านั้นจริง
อีกทั้งยังเขียนว่าจะคอยเติมเต็มวังหลังให้นาง ยิ่งเยอะยิ่งดีโดยไม่ปฏิเสธ
“โครม…..”
กู้ชูหน่วนโยนพระราชโองการนั้นทิ้งลงอย่างแรง
พระราชโองการบ้าบออะไรกัน
เหลวไหลสิ้นดี
“ฝ่าบาท รัฐปิงกำลังประสบปัญหาทั้งภายในและภายนอก ประชาชนต่างทุกข์ยากอย่างไม่อาจอธิบายได้ กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรกและปกครองรัฐปิงด้วยดี”
“เจ้าตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นข้าอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาทตรัสอะไรเช่นนั้น กระหม่อมจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนคิดจะปฏิเสธ
แต่เมื่อนึกถึงความแค้นของนาง นางก็เงียบลง
จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวคนที่คอยบงการเรื่องการฆ่าล้างตระกูลมู่ไม่ได้เลย
ใช้โอกาสในฐานะจักรพรรดินีเพื่อตรวจสอบคดีเรื่องการถูกฆ่าสังหารของตระกูลมู่ จากนั้นตามหาเซี่ยวอวี่เซวียน และหลังจากนั้นค่อยหนีไปจากที่นี่ก็ยังไม่สาย
นางเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “เซี่ยวอวี่เซวียนล่ะ ได้ส่งคนออกไปตามหาเขาหรือไม่?”
“ตามหาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตามหาทั่วทั้งวังหลวงและวังใต้ดินที่ถล่มก็ค้นหาอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่พบเบาะแสของเซี่ยวอวี่เซวียน และไม่เจอเบาะแสของชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หากหาเจอ ด้วยรูปร่างหน้าตาของคุณชายเซี่ยวแล้วนั้น จะต้องถูกแต่งตั้งไปอยู่ในวังหลังอย่างแน่นอน
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นเขาจะไปอยู่ที่ไหนได้?”
หรือว่าเขาจะถูกจักรพรรดินีตัวปลอมฆ่าแล้วจริง?
ไม่ เป็นไปไม่ได้
นางไม่มีทางเชื่อว่าเซี่ยวอวี่เซวียนตายไปแล้ว
เมื่อนึกถึงแผ่นผิวหนังของมนุษย์นั้น กู้ชูหน่วนก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
ไม่รู้ว่าตอนนี้เซี่ยวอวี่เซวียนจะอยู่ที่ไหน
นางคิดเสมอว่าจักรพรรดินีตัวปลอมยังไม่ตาย
ตายแต่ไม่พบศพ เช่นนั้นก็หมายความว่านางอาจหนีไปได้
ที่น่าโมโหก็คือ นางกลับจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้นไม่ได้เลยสักนิด ไม่รู้ว่าเหตุใดวรยุทธ์ของนางถึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไประยะเวลาอันสั้นเช่นนั้น
หากคิดจะฆ่ากำจัดจักรพรรดินีตัวปลอมอีกครั้งละก็ จะต้องเป็นเรื่องยากอย่างมากแน่ๆ
“ค้นหาต่อไป จะต้องหาตัวเซี่ยวอวี่เซวียนให้พบให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อใช่ เหตุใดเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ถึงหมดสติไปนานเช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาพ้นขีดอันตรายหรือไม่?”
“พ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะฟื้นขึ้นมา”
“เอาสิ่งนี้ไปให้พวกเขากิน”
กู้ชูหน่วนหยิบยาอายุวัฒนะออกมาจากวงแหวนอวกาศสองเม็ด ท่านอ๋องเสวี่ยไม่ใช่เป็นคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ ทำให้ไม่ค่อยเข้าใจว่ายาอายุวัฒนะเหล่านั้นมีประโยชน์อะไร และทำได้เพียงรับคำสั่งและสั่งให้คนนำไปป้อนให้พวกเขา
กู้ชูหน่วนเดินทางไปหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทั้งที่ตัวเองยังป่วยอยู่
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขดตัวเป็นวงกลมและหลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตัวของมันไม่ได้ใหญ่ ขนาดยาวแค่ประมาณหนึ่งเมตรและขดตัวอยู่ที่มุมกำแพง เดิมที่มีเก้าเศียรก็เหลือเพียงแปดเศียร เห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นสัตว์ที่กลัวความเจ็บปวดที่สุด ทว่าหัวของมันกลับขาดไปหนึ่งหัว กู้ชูหน่วนรู้สึกทั้งโมโหทั้งสงสาร
“ฝ่าบาท หากราชางูเหลือมรู้ว่าฝ่าบาทเป็นห่วงเขาเช่นนี้ ต่อให้เขาหมดสติ เขาก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้เพคะ”
น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนโศกเศร้าเล็กน้อย
“เขาไม่ได้หมดสติ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป และตอนนี้เขากำลังหลับใหล”
หากตื่นขึ้นมาทุกอย่างคงดี
หากไม่ตื่น…..
กู้ชูหน่วนแทบไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาเลย