กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1023
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1023
“สิบล้านตำลึง” กู้ชูหน่วนต่อรอง
“แค่ห้าล้านตำลึง หากเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”
“ได้ ห้าล้านตำลึงก็ห้าล้านตำลึง จะส่งมาให้ได้เมื่อไร”
เอาเงินตำลึงมาให้ได้ก่อน ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆ บีบทีหลัง
“อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาเจ็ดวัน”
“ไม่ได้ เจ็ดวันนานเกินไป หนึ่งวัน”
“หนึ่งวัน? จะไปหาเงินห้าล้านตำลึงมาจากที่ไหนได้ภายในหนึ่งวัน?”
“ข้าเชื่อในความสามารถของเสี่ยวหูเตี๋ย แค่เงินเพียงห้าล้านตำลึง สำหรับเจ้าแล้วเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้น”
เหวินเส่าอี๋เหมือนจะพูดอะไร ทว่ารอบตัวของเขากลับเต็มไปด้วยเสียงขอร้องที่ดังระงม ทำให้เขาต้องเก็บคำพูดเหล่านั้นและกล่าวออกมาเพียง “สามวัน อีกสามวันจะส่งไปวังหลวงอย่างตรงเวลา”
“ขอบคุณ”
ภายในรถม้ากลับมาสงบขึ้นอีกครั้ง
ระหว่างทาง พวกเขาผ่านหมู่บ้านหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด กู้ชูหน่วนหยุดรักษาผู้คนด้วยตัวเองและยังศึกษาวิจัยยาถอนพิษ
แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะมองไม่เห็นด้วยตาของเขา แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนกำลังทำอะไรอยู่
ในฐานะจักรพรรดิ นางสามารถไปที่หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบเป็นการส่วนตัวเพื่อรักษาชาวบ้านโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของนางเอง ด้วยจิตใจเช่นนี้ มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถทำได้อย่างนาง
นางอาจไม่ใช่คนดี แต่นางก็ถือเป็นจักรพรรดินีที่ดีคนหนึ่ง
เป็นเวลาสามวันแล้วที่กลับมาที่วังหลวง และเหวินเส่าอี๋ได้นำเงินมามอบให้ตามสัญญา นับว่าได้ช่วยบรรเทาความต้องการเร่งด่วนของกู้ชูหน่วน
วังหลวงทำการค้นหากล่องหีบเป็นวงกว้าง ถึงขั้นขุดดินลึกกว่าสามฟุตก็ยังหากล่องใบนั้นไม่เจอ
เผ่าเพลิงฟ้ารู้สึกร้อนใจอย่างมาก เหวินเส่าอี๋จึงเสนอตัวขอเข้ามาควบคุมอำนาจเรื่องการค้นหากล่องใบนี้ด้วยตัวเอง แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะแอบสงสัยว่าเหวินเส่าอี๋จะมีแผนการอื่นแอบซ่อน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องการปกครองรัฐที่เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นๆ ให้จัดการ ในที่สุดนางก็ตอบตกลง
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
กู้ชูหน่วนตกลงที่จะแต่งงานกับรัฐอี้ เพื่อแลกกับเสบียงอาหารยารักษาโรคและเงินตำลึง
พระราชพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปอย่างเอิกเกริกและยิ่งใหญ่ แม้จะไม่ใช่การอภิเษกพระสวามี แต่ก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
หน้าเรือนอี้หยุน
กู้ชูหน่วนไม่สามารถขยับฝีเท้าของนางได้ ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนวิธีไหน
นางรู้สึกรังเกียจการแต่งงานเพียงเพื่อผลประโยชน์ในครั้งนี้
ทว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่นางจำเป็นต้องทำ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน น้ำค้างเริ่มปรากฏขึ้นแล้ว ค่ำคืนของฤดูใบไม้ผลิอันสั้น และหวงกุ้ยจวินทรงรออยู่ข้างในเป็นเวลานานแล้ว เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เข้าไปข้างในและอบอุ่นร่างกายเพคะ?”
เมื่อมองไปที่ตัวอักษรมงคลสีแดงที่แปะไปทั่วห้อง กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงไม่สบายตาเท่านั้น
การแต่งงานกับเหวินเส่าอี๋ เยี่ยจิ่งหานและอาม่อล้วนไม่ใช่ความต้องการของนาง และตอนนี้นางยังต้องแต่งงานกับอีกคนที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างไม่ยินยอม
เมื่อนึกถึงภาระหน้าที่ที่นางมี กู้ชูหน่วนจำเป็นต้องเก็บกลั้นความทุกข์เอาไว้และก้าวเท้าเดินเข้าไปในเรือนอี้หยุน
“เอี๊ยด….”
ประตูของเรือนอี้หยุนถูกเปิดออก และคนรับใช้รูปงามก็ผลักประตูออกมา
“ฝ่าบาท คุณชายของบ่าวกล่าวว่าร่างกายของเขาไม่ดีเท่าไรนัก ฉะนั้นคืนนี้เขาจะอยู่เพียงลำพังและขอให้ฝ่าบาทออกไปจากที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“บังอาจ ฝ่าบาทเป็นถึงผู้สูงส่ง และคืนนี้ก็เป็นคืนวันอภิเษกสมรสระหว่างฝ่าบาทและหวงกุ้ยจวิน ฝ่าบาทจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร เจ้าคงไม่ได้พูดเท็จและบิดเบือนความจริงใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนรีบเข้าไปห้าม “นี่ งานวันนี้อาจทำให้เหนื่อยล้า ร่างกายของอี้หวงกุ้ยจวินก็ไม่แข็งแรงเท่าไรนัก ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย เช่นนั้นก็ปล่อยให้อี้หวงกุ้ยจวินพักผ่อนไปเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมอีกครั้ง”
เมื่อพูดจบ กู้ชูหน่วนก็เดินออกมาและอดไม่ได้ที่จะออกไปจากเรือนอี้หยุนอย่างรวดเร็ว
กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางแทบอดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าองค์ชายของรัฐอี้จะไล่นางออกมาทุกครั้งเช่นนี้
หลังจากที่ออกมาจากเรือนอี้หยุน กู้ชูหน่วนก็ถูกเยี่ยจิ่งหานขวางทางเดิน
“ค่ำคืนแห่งฤดูใบไม้ผลิที่มีค่าเทียบเท่าทองนับพันชั่ง ฝ่าบาทรัฐปิงของเรากลับไม่อยู่ในเรือนอี้หยุนเพื่อเสวยสุข แต่กลับมาที่หอดาบของข้า?”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นหอดาบจริงๆ ด้วย
“เดินผิดทางน่ะ”
นางหันหลังเดินกลับออกไป
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ฝ่าบาทจะไปไหนหรือ? ฝ่าบาทคงไม่ลืมเรื่องที่จะให้เลือดหนึ่งถ้วยกับกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน”
“ธรรมดา ก็แค่ด้อยกว่าฝ่าบาทเล็กน้อยเท่านั้น”
เจ้าคนพิการคนนี้กินยาผิดหรืออย่างไร เหตุใดถึงพูดจาเสียดสีเช่นนี้
“ได้ ก็แค่เลือดหนึ่งถ้วยเท่านั้น ข้าให้เจ้าก็ได้”
นางไม่เชื่อว่าที่นี่ยังมีดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนอีก
ภายในหอดาบ กู้ชูหน่วนกรีดข้อมือของตัวเองและจากนั้นเลือดที่แดงสดก็ไหลหยดย้อยลงในถ้วย
เป็นถ้วยขนาดใหญ่ที่เลือดไหลอยู่นานก็ยังไม่เต็มสักที สีหน้าของกู้ชูหน่วนก็ดูซีดเผือดขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำงานหนักในช่วงนี้หรือเพราะอะไร ทำให้ร่างกายของนางแกว่งไปมาและเกือบจะเป็นลมอยู่หลายครั้ง
เมื่อเห็นว่านางมีเหงื่อไหลเต็มตัวและสีหน้าซีดเผือด เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา
เขาไม่มีวิธีอื่น หากคิดจะตามหาดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนให้เจอก็จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น
“ซี๊ด…..ในที่สุดก็เต็มสักที”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนโซซัดโซเซและจับเก้าอี้เพื่อประคองตัวเองขึ้นนั่ง จากนั้นก็ดึงผ้าพันแผลเพื่อมาทำแผลให้ตัวเอง
“เจ้าฝืนต่อไปได้หรือไม่?”
“ทนไม่ได้ก็ต้องทนไม่ใช่หรือ? หากเจ้ายังมีความเป็นคนอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็บริจาคเงินเพื่อเพิ่มเลือดให้กับข้าสิ”
“นี่คือยาอายุวัฒนะเสริมพลัง ไม่เพียงสามารถเสริมพลังแต่ยังเสริมและบำรุงเลือดได้อีกด้วย เจ้ากินเข้าไปก่อนสิ”
“เปลี่ยนเป็นเงินตำลึงได้หรือไม่?”
มุมปากของเยี่ยจิ่งหานกระตุก
แต่ละคำพูดของผู้หญิงคนนี้ไม่เคยห่างไกลเรื่องเงินเลย นางคิดถึงแต่เงินจนแทบบ้าไปแล้วกระมัง
กู้ชูหน่วนเสมือนกับคาดเดาความคิดของเขาได้ จากนั้นนางก็หัวเราะอย่างเจ็บปวด
“เป็นเพราะข้านึกถึงแต่เงินจนแทบเสียสติ หากประชาชนของเจ้าใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อนและภัยพิบัติต่างๆ นานา เจ้าจะร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างข้าไหม?”
“ข้าเพียงต้องการตามหาดวงวิญญาณของอาหน่วนให้เจอเท่านั้น”
เยี่ยจิ่งหานไม่มีเวลาคิดเรื่องเงินหรือประชาชนอะไรทั้งสิ้น ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเพราะเกรงว่าเลือดในถ้วยใบนี้จะไม่สามารถหาดวงวิญญาณของอาหน่วนเจอ
กู้ชูหน่วนเบื่อหน่ายที่จะพูดกับเขา
ในสายตาของผู้ชายคนนี้มีเพียงผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเท่านั้น พูดมากไปก็เท่ากับสีซอให้ควายฟัง
นางรวมพลังของนางและละทิ้งทุกสิ่ง จากนั้นท่องคาถาอย่างเงียบๆ อักษรรูนสีทองลอยไปรอบๆ ถ้วยเลือด
เยี่ยจิ่งหานอดไม่ได้ที่จะเข็นรถเข็นไปข้างหน้า หัวใจของเขากำลังเต้นแรง และเขาจ้องมองภาพในถ้วยโดยไม่กะพริบตา
ผ่านไปสิบห้านาที
ผ่านไปสามสิบนาที
เวลาผ่านไปสี่สิบห้านาที…..
สองชั่วยามผ่านไป….
เลือดในถ้วยยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เยี่ยจิ่งหานรู้สึกหมดหวังขึ้นเรื่อยๆ
“ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า
นางได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว
อย่างมากก็ได้เพียงบริเวณภายในวังหลวง เกินกว่านี้นางไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้
“เจ้ารักษาสุขภาพของเจ้าให้ดี ข้าจะใช้เงินเพื่อซื้อเลือดของเจ้า”
“แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ ต่อให้เลือดของข้ามีอย่างไม่จำกัด เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะทำพิธีขึ้นที่ไหน?”
อีกอย่างปล่อยเลือดออกมามากเช่นนี้ นางเองยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการพักฟื้นให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ครั้งที่แล้วที่ทำพิธีไป พลังแก่นแท้ของนางก็ยังบาดเจ็บมาจนถึงวันนี้
“ถึงอย่างไรก็ต้องหาเจออย่างแน่นอน” เยี่ยจิ่งหานพึมพำอย่างผิดหวังและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้
“เจ้าจะไปไหน?”
“ข้าควรจะนึกได้ว่านางมีดวงวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ที่นี่แล้ว จะยังมีดวงที่สองได้อย่างไร….เจ้าหยุดเถอะ”
“อาจจะมีดวงวิญญาณอีกหนึ่งดวงอยู่ในวังหลวง”
กู้ชูหน่วนกัดฟันและกระตุ้นกำลังภายในต่อไป “ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคย แต่มันอ่อนแออย่างมากและยากที่จะจับต้องได้”
แววตาของเยี่ยจิ่งหานเปล่งประกาย และรีบเข็นรถเข็นขยับเข้าไปใกล้
“เจ้าพูดอะไรนะ? ยังมีดวงวิญญาณของอาหน่วนในวังหลวง? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันสำคัญกับข้ามากแค่ไหน?”
“เหลวไหล เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นอย่างนั้นหรือ? หากวังหลวงไม่มีพลังของนาง ข้าคงหยุดทำพิธีไปนานแล้ว ข้าจำเป็นต้องอดทนนานเช่นนี้หรือ”
“อาหน่วนอยู่ที่ไหนหรือ?”
น้ำเสียงของเยี่ยจิ่งหานสั่นสะท้าน
“รอเดี๋ยว”
ใบหน้าของกู้ชูหน่วนที่เดิมทีก็ซีดเผือดอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้กลับแทบไม่มีเลือด เมื่อเห็นว่าสามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงพลังของนาง ทว่ากลับไม่สามารถยืนยันอะไรได้ รวมถึงตำแหน่งที่ตั้ง กู้ชูหน่วนกัดนิ้วมือของตัวเองและใช้เลือดสดวาดภาพอะไรบางอย่างในอากาศ
ซือ….
มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในถ้วยเลือด
ในภาพคือมุมหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวังหลวงรัฐปิง
แต่ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าเป็นตำแหน่งไหนของทิศตะวันตกเฉียงใต้
กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานต่างตื่นเต้นและจ้องหน้ากัน
“อาหน่วนยังมีดวงวิญญาณอยู่ในวังหลวง ยังมีดวงวิญญาณของนางอยู่ในวังหลวงจริงๆ ด้วย”