กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1037
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1037
ศาลาริมน้ำแห่งหนึ่งในเรือนอี้หยุน
อี้หยุนเฟยแต่งกายอย่างประณีตและเตรียมอาหารและเหล้าชั้นเลิศเอาไว้ เพื่อตั้งตารอที่จะได้พบกับกู้ชูหน่วนอย่างเป็นทางการ
ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าคืนนี้ไม่ได้มีเพียงกู้ชูหน่วน ทว่ากลับยังมีเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหาน
หัวใจที่กระวนกระวาย กังวล ตื่นเต้น และคาดหวังก็ตกลงสู่เบื้องล่างทันที และเข้ามาแทนที่ด้วยความโกรธและหนาวสั่น
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่านางคือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิงและเป็นภรรยาของเขา เขาก็รู้สึกลำบากใจมาตลอด
เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือคู่ชีวิตที่รักเดียวใจเดียวตลอดไป เขาไม่ต้องการแบ่งปันภรรยาของเขากับใคร และเขาจะไม่ยอมรับการมีภรรยาหลายคนอีกด้วย
แต่นางคือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง และก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับเขา นางก็ได้แต่งงานกับผู้ชายไปแล้วสามคน
หลังจากต่อสู้กับความคิดที่อยู่ในใจมานาน ในที่สุดก็ทำใจยอมรับนางได้แล้ว จากนั้นจึงชวนนางไปดูพระจันทร์ด้วยกัน
และนาง……
“นายท่าน ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว นายท่านจะไปรับฝ่าบาทหรือไม่ขอรับ”
“บอกนางว่าคืนนี้ข้าไม่ค่อยสบายเท่าไร และไม่ต้องการเจอใคร”
คนรับใช้ตกตะลึง
ตั้งแต่ที่ตัดสินใจเชิญฝ่าบาทเข้ามาชมจันทร์ด้วยกัน นายท่านก็คอยหมกมุ่นอยู่กับการเลือกสรรเสื้อผ้าและการแต่งงานอย่างดีตลอดทั้งวัน และเป็นความสำคัญกับการชมจันทร์ในครั้งนี้อย่างมาก
ตอนนี้ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว ทว่านายท่านกลับไม่ยอมเจอ?
หรือว่าเพราะฝ่าบาทพาพระสวามีทั้งสองมาด้วย
ฝ่าบาทเองก็ไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่นเอาเสียเลย
ได้รับเชิญจากหวงกุ้ยจวิน นางกลับพาพระสวามีทั้งสองมาเพื่ออะไร? เพื่อแสดงอำนาจต่อนายท่านอย่างนั้นหรือ?
กู้ชูหน่วนและทั้งสองตั้งใจฟังคำพูดของอี้หยุนเฟย
นางลูบหน้าผากของตัวเอง
นางเองก็ไม่ได้อยากพาเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานมาด้วย แต่ทั้งสองกลับไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ ก็อยากจะมาที่เรือนอี้หยุนแห่งนี้
หากนางไม่พามาด้วย พวกเขาทั้งสองคงถล่มวังหลวงแน่นอน
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้สุดท้ายนางต้องพาพวกเขามาด้วย
ใครบอกให้พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุดล่ะ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีทีท่าจะกลับไป กู้ชูหน่วนจึงกระแอมออกมาสองสามครั้ง
“หวงกุ้ยจวินไม่ค่อยสบายแล้วยังไม่รีบไปเชิญหมอหลวงมาอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เสียงของหวงกุ้ยจวินคุ้นหูมาก เราสองคนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?”
“ฝ่าบาทเป็นจักรพรรดินีของรัฐปิง ฝ่าบาทมีอำนาจเหนือผู้คนทั้งหมดและตื่นมาพร้อมกับกลุ่มชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่อยู่ในวังหลัง ไม่ว่าเสด็จไปที่ไหนก็คอยมีผู้ชายคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย กระหม่อมเป็นเพียงองค์ชายของรัฐเล็กๆ เท่านั้น เราสองคนจะเคยเจอกันได้อย่างไร”
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว
น้ำเสียงแบบนี้ เหตุใดจึงดูเหมือนว่าเป็นผู้ชายที่ถูกละเลยยังไงยังงั้น?
หรือว่าองค์ชายของรัฐอี้จะตกหลุมรักนางเข้าแล้ว?
แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองออกมา
ความโมโหของเยี่ยจิ่งหานปะทุขึ้นมาอย่างเดือดพล่าน
ในอดีตนางก็มักจะดึงดูดเพศตรงข้าม หลังจากตายลงและฟื้นคืนชีพขั้นอีกครั้งก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัยแบบนี้
หากเมื่อสักครู่เป็นเพียงความสงสัย ฉะนั้นตอนนี้กู้ชูหน่วนมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่านางไม่เพียงเคยเจอผู้ชายคนนี้ แต่กลับสนิทสนมกับเขามาก
อาจเป็นเพราะต้องการพิสูจน์ว่าเป็นคนนั้นในใจหรือเปล่า ทำให้กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปข้างศาลาริมน้ำ และเป็นไปอย่างที่คาดคิด คนที่นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำก็คืออี้หยุนเฟยที่นางคำนึงหามาตลอด
“ใช่เจ้าจริงๆ ด้วย เจ้าเป็นองค์ชายของรัฐอี้ เป็นหวงกุ้ยจวินของข้า”
“เฮอะ…..ฝ่าบาทคิดจะแต่งงานผูกสัมพันธ์กับรัฐอื่นไปแบบนี้อีกเท่าไร?”
อี้หยุนเฟยคิดว่าหน้าตาของตัวเองไร้ที่ติและไม่มีใครเทียบได้
และเขายังรู้สึกมั่นใจต่อรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และคิดว่าชนะผู้ชายทั้งสามของนางได้แน่นอน
ตอนนี้เมื่อได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ เขาก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
ผู้ชายสองคนนี้หล่อเหลาสง่างามและดูสูงส่งอย่างมาก
รูปหล่อประณีตและดูสุภาพไร้ที่ติ
แม้ว่าคนหนึ่งจะพิการและอีกคนจะตาบอด ทว่ารูปร่างหน้าตาและการแสดงออกของพวกเขากลับไร้ที่ติ ซึ่งไม่ต่างไม่จากเขาเลย
ผู้ชายที่สง่างามหล่อเหลาเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่นางจะแต่งงานด้วย
อี้หยุนเฟยรู้สึกตกตะลึง
ส่วนความตกใจของเยี่ยจิ่งหานก็ไม่ต่างไปจากเขาเท่าไรนัก
อี้เฉินเฟย……
เหมือนกับอี้เฉินเฟยไม่มีผิดเลย
แม้แต่ชื่อก็ใกล้เคียงกันมาก
เขาเป็นอะไรกับอี้เฉินเฟยกันแน่นะ?