กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1042
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1042
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าน่ะหรืออิจฉาเขา?”
เหวินเส่าอี๋หรี่ตาลงอย่างตักเตือน “ฝ่าบาท รสนิยมทางเพศของกระหม่อมปกตินะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ แล้วพวกเขามาหาเรื่องใส่ข้าเพื่ออะไร?”
นางรู้ดีว่ารสนิยมของเพศของพวกเขาปกติ
และรู้ด้วยว่าพวกเขาทั้งสองอาจเป็นพี่น้องกัน
เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่าพวกเขาสองคนมาแย่งชิงหรืออิจฉาอะไรกัน?
ต่างคนต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน?
พวกเขาไม่รู้สึกน่าขยะแขยงบ้างหรือ?
หรือตกหลุมรักนางเข้า?
พูดเป็นเล่นไป เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
เหวินเส่าอี๋ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรือเขาต้องการทดสอบเยี่ยจิ่งหาน หรืออาจเพราะไม่ต้องการให้นางอยู่ใกล้ชิดกับเยี่ยจิ่งหานขนาดนั้น
“ในเมื่อต่างก็ไม่พูดอะไร งั้นข้าไม่อยู่กับพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ากลับออกไปได้”
“นายท่าน”
ลั่วอิ่งและชิงเฟิงต่างปรากฏตัวตรงหน้ากู้ชูหน่วนโดยไม่รอให้เยี่ยจิ่งหานและคนอื่นๆ ออกไป
เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องตำราหลวงมากเช่นนี้ ทำให้เขาหยุดชะงักโดยไม่กล่าวรายงานออกมาทันที
กู้ชูหน่วนกล่าว “คนกันเองทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร พูดมาได้เลย”
“หญิงที่ปลอมตัวเป็นอดีตจักรพรรดินีได้แอบบุกรุกเข้าไปในวังหลวงของรัฐอี้หลังจากที่เข้าไปในรัฐอี้ได้ วรยุทธ์ของนางสูงส่งเกินไป ทำให้เราไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก เพราะเกรงว่านางจะไหวตัวทัน”
“นางไปทำอะไรที่รัฐอี้?”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่…ยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงสุดของรัฐอี้ นอกจากจะแบ่งกำลังมาคุ้มกันหวงกุ้ยจวินแล้ว ที่เหลือต่างถูกนางเล่นงานจนสาหัส”
“จดหมายที่ข้าเขียนให้จักรพรรดิอี้ จักรพรรดิอี้ไม่ได้รับอย่างนั้นหรือ?”
“ได้รับแล้วขอรับ แต่น่าเสียดายที่ช้าไปก้าวเดียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้เราได้วางกับดักเอาไว้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงหลอกล่อให้นางเข้าไปเท่านั้นขอรับ”
“วางกับดักทั้งหมดแล้วหรือ?”
“ขอรับ”
“พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปที่รัฐอี้ ออกคำสั่งออกไปให้พวกเขาเตรียมม้าให้พร้อม ข้าจะไปให้ถึงรัฐอี้ให้เร็วที่สุด”
“ขอรับ”
“เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือ?”
ปกติแล้วลั่วอิ่งเป็นคนไม่ค่อยพูด ทว่าครั้งนี้เขากลับพูดมากกว่าทุกครั้งและสีหน้าของเขากลับเผยให้เห็นประกายแห่งความโกรธแค้นแวบเข้ามา “ได้โปรดอนุญาตให้ข้าน้อยเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้นางมาติดกับดักได้หรือไม่ขอรับ”
“เกรงว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะไม่สามารถหลอกล่อนางให้มาติดกับดักได้ ออกไปก่อน เรื่องนี้ไว้คุยกันวันหลัง”
“ขอรับ……”
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “กับดัก? เจ้าสั่งให้คนวางกับดักไว้ที่รัฐอี้? เหตุใดข้าถึงไม่รู้?”
ไม่เพียงแค่เยี่ยจิ่งหานเท่านั้นที่ไม่รู้
เหวินเส่าอี๋ก็ไม่รู้เช่นกัน
นางเพิ่งจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีไม่นาน ทว่ากลับมีกองกำลังและอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้? แถมยังหลุดรอดสายตาของสายลับสอดแนมพวกเขาไปได้
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ นางเอาแต่เก็บตัวเพื่อสะสางงานราชกิจอยู่ในห้องตำราหลวง และเมื่อว่างจากงานราชกิจก็มักคิดแผนการกำจัดผู้หญิงบ้าคนนั้น?
กู้ชูหน่วนหัวเราะ “พวกเจ้าทั้งสองคิดจะร่วมมือกับข้าสักครั้งไหม?”
“ร่วมกันฆ่ากำจัดผู้หญิงบ้าคนนั้น?”
“ใช่ หากยังมีชีวิตอยู่ กลับไม่เป็นผลดีต่อข้าและพวกเจ้า ถ้าข้าเดาไม่ผิด เป้าหมายต่อไปของนางคือจักรพรรดิอี้ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมุ่งเป้าไปที่จักรพรรดิอี้ แต่ข้าสามารถแน่ใจได้ว่า คนต่อไปจะต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในเราสามคนแน่นอน”
“ตกลง” เยี่ยจิ่งหานตอบรับโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
เขาได้ข่าวมาจากปากของเจี้ยงเสวี่ยว่านางก็คือฮวาอิ่ง เงาของอดีตหัวหน้าเผ่าอวี้
ผู้หญิงคนนั้นมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและกระทำแต่เรื่องชั่วช้า ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อย่างน้อยก็ทำเพื่ออาหน่วน ฉะนั้นเขาจำเป็นต้องกำจัดนาง
“เสี่ยวหูเตี๋ยวล่ะ”
“ความสามารถของนางไม่ธรรมดาเลย”
“เจ้ากลัวอย่างนั้นหรือ?”
“จะมีประโยชน์อะไรกับข้า?”
“หากนางมีชีวิตอยู่ เผ่าเพลิงฟ้าจะต้องถูกข่มขู่คุกคามไปตลอดไม่จบไม่สิ้น แต่หากนางตาย เจ้าก็จะหมดศัตรูที่แข็งแกร่งไปหนึ่งคน”
“ก็ได้ งั้นร่วมมือกันสักครั้งก็ได้”
“พี่หญิง ข้าก็อยากไปด้วยเช่นกัน”
“ฝ่า…..ฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เขามาทำไม เรียกเข้ามาได้”
ประตูห้องตำราหลวงถูกเปิดออก อี้หยุนเฟยวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรนและกล่าวออกมาทันที “ได้ยินว่าพวกเจ้าจะเดินทางไปรัฐอี้ พาข้าไปด้วย ข้าก็อยากกลับไปรัฐอี้เช่นกัน”
“ฮึ ข่าวของเจ้าไวมากจริงๆ เราเพิ่งจะพูดกันไปหยกๆ แต่เจ้ากลับรู้ข่าวนี้เสียแล้ว แถมยังวิ่งมาหาอีกด้วย”