กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1048
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1048
“ทองคำห้าแสนตำลึงไม่มากเกินไปหน่อยหรือ……ช่างเถอะ คิดเสียว่าเป็นการช่วยเหลือราษฎรของนางก็แล้วกัน เตรียมทองคำห้าแสนตำลึงมอบให้น้องสาว แล้วให้นางมาหาข้าพรุ่งนี้”
“นายท่าน…..ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพรุ่งนี้เช้าท่านต้องเดินทางกลับไปที่รัฐอี้กับฝ่าบาท”
“เช่นนั้นก็แสดงว่าระหว่างทางยังมีโอกาส?”
“เอ่อ…..ฝ่าบาทกล่าวว่าจะเดินทางข้ามวันข้ามคืน ฉะนั้น……ฉะนั้น……”
“เช่นนั้นก็ให้นางนั่งรถม้าคันเดียวกับข้า”
“เอ่อ…..ขอรับ”
“เดี๋ยวก่อน ไม่ดีกว่า หากนางมีใจนางก็คงมานั่งรถม้าคันเดียวกับข้าเอง นึกถึงเรื่องหลักเป็นสำคัญดีกว่า หวังว่าเสด็จพ่อทางนั้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเข้าก็เหมือนจะพูดอะไรแต่หยุดไว้ “นายท่าน ได้ยินว่าพระสวามีรองได้ติดสินบนต่อคนข้างกายฝ่าบาทเพื่อขอให้ฝ่าบาทนั่งรถม้าคันเดียวกับเขา”
“เยี่ยจิ่งหานบ้าไปแล้วหรือ? นอกจากน้องสาวแล้ว คิดว่าบนโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วหรืออย่างไร? เขาอิจฉาริษยาถึงขั้นนี้เลยหรือ”
“เยี่ยจิ่งหานไร้ยางอาย แต่….แต่หากอิงตามกฎของรัฐปิงแล้วละก็ หากฝ่าบาทเสด็จไปไหนแล้วมีพระสวามีติดตามไปด้วย พระสวามีจะต้องนั่งรถม้าคันเดียวกัน”
จากนั้นอี้หยุนเฟยก็รู้สึกหุนหันขึ้นมาทันที “ฉะนั้น ข้างกายของนางจึงมีเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานสองคน?”
ผู้ชายสองคนนี้มีศิลปะการต่อสู้และหน้าตาที่โดดเด่น แถมยังมีความเก่งกาจในทุกๆ ด้าน?
แล้วเขาล่ะ?
ระยะทางการเดินทางไปรัฐอี้นั้นยาวนาน น้องสาวมีพวกเขาสองคนคอยอยู่ข้างๆ และถึงตอนนั้นนางคงไม่เห็นเขาในสายตาอย่างแน่นอน
“ไม่ว่าจะจ่ายเงินจำนวนมากแค่ไหน พรุ่งนี้ข้าจะต้องให้น้องสาวนั่งรถม้าคันเดียวกับข้า”
“ขอรับ…..”
หลังจากที่อี้หยุนเฟยจากไป เหวินเส่าอี๋ก็เดินออกมาพร้อมกับลูกน้องอีกหนึ่งคน
“นายท่านต้องการให้ข้าน้อยไปจัดการให้ฝ่าบาทนั่งรถม้าคนละคันกับนายท่านหรือไม่ขอรับ”
“เพราะเหตุใด? พวกเขาทั้งสองจ่ายเงินเพื่อให้ฝ่าบาทนั่งรถม้าคันเดียวกับพวกเขา ข้าไม่ต้องจ่ายก็สามารถทำเช่นนั้นได้ เหตุใดข้าต้องปฏิเสธด้วย?”
คนรับใช้ของเขารู้สึกคาดเดาความคิดของเขาไม่ออก
นายท่านไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้ไม่ใช่หรือ
และไม่ชอบให้ใครนั่งรถม้าคันเดียวกับเขา โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน?
เหตุผลถึงยอม…..?
“ออกไปได้แล้ว”
“ขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ”
เงานั้นหายวับไป จากนั้นก็เหลือเพียงเหวินเส่าอี๋เพียงลำพัง
เหวินเส่าอี๋เอามือไพล่หลังพร้อมกับปล่อยให้ลมพัดพลิ้วไหวชุดของเขา
เยี่ยจิ่งหาน….เจ้าตกหลุมรักนางเข้าแล้วจริงหรือ?
เช้าวันรุ่งขึ้น
บนถนนหลวงที่ห่างไกล มีม้าเร็วและรถม้าจำนวนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเดินทางทำให้เกิดฝุ่นลอยขึ้นเป็นหย่อมๆ
ภายในรถม้า
กู้ชูหน่วนจ้องมองชายหนุ่มรูปงามทั้งสี่คนอย่างเจ็บปวดใจ
เพื่อให้มีเงินตำลึงมากขึ้นเล็กน้อย นางพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อทำให้ชายหนุ่มรูปงามเหล่านี้มาอยู่รวมกัน
อาม่อถือว่ายังดีอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะชอบคลอเคลียกับนางและยังพูดมากไปบ้าง
อี้หยุนเฟย เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋กลับไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
อี้หยุนเฟยเป็นห่วงรัฐอี้ทำให้เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาก็พอจะรับได้
ทว่าสองคนที่เหลือเป็นอะไรไป?
“นายท่าน ข้างหน้ามีโรงน้ำชาอยู่แห่งหนึ่ง นายท่านต้องการหยุดพักหรือไม่ขอรับ?”
อี้หยุนเฟยชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ต้อง รีบเดินทางต่อไป”
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “เดินทางมาหลายวันหลายคืนแล้ว ต่อให้คนไม่เหนื่อย แต่ม้าก็เหนื่อยเป็น หยุดพักสักหน่อยดีกว่า”
ฝูกวงลูบศีรษะของตัวเอง “นายท่าน เราจะหยุดพักดีไหมขอรับ”
“หยุดพักสักหน่อยแล้วกัน”
“ขอรับ”
เหวินเส่าอี๋กล่าว “การหยุดพักจะทำให้รัฐอี้อันตรายมากขึ้นทุกขณะ ความร้ายกาจของผู้หญิงชั่วช้าคนนั้น ฝ่าบาทคงจะรู้ดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเกรงว่ายังไปไม่ถึงรัฐอี้ แต่จะทำให้ตัวเองเหนื่อยตายเสียก่อนน่ะสิ”
“พี่เหวิน พี่อี้ พี่หญิงเหนื่อยแล้ว เราหยุดพักสักหน่อยดีกว่าเถอะ”
ซือม่อเฟยดึงมือของเหวินเส่าอี๋พร้อมกับดึงมือของอี้หยุนเฟยและพูดกับเขาอย่างเคล้าคลอ
เหวินเส่าอี๋ไม่ชอบที่ซือม่อเฟยเข้าใกล้และทำตัวสนิทสนมเช่นนี้
ก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำไป พวกเขามักทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง
อี้หยุนเฟยเองก็ไม่คุ้นชินเช่นกัน
ทว่าซือม่อเฟยกลับขยับเข้าใกล้เขาจนแทบจะกลืนกิน