กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1050
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1050
ฝูกวงยกกำปั้นขึ้นและกล่าวว่า “นายท่าน หาไม่เจอขอรับ ไม่เจอร่องรอยของคุณชายม่อเลยขอรับ”
เจี้ยงเสวี่ยกล่าวรายงานกับเยี่ยจิ่งหาน “นายท่าน ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วไม่พบบุคคลที่น่าสงสัยออกไปจากภูเขาลูกนี้เลยขอรับ”
ที่นี่เป็นป่าในหุบเขาลึก กู้ชูหน่วนค้นหาอยู่นานก็หาซือม่อเฟยไม่เจอ ทำให้นางรู้สึกร้อนใจอย่างมาก
นางมองไปที่เหวินเส่าอี๋ที่ยังคงนั่งดื่มน้ำชาอยู่กับเถ้าแก่ในโรงน้ำชาอย่างเพลิดเพลินและเกิดขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่มีเหตุผลที่เหวินเส่าอี๋จะลงมือกับอาม่อ
หากเขาคิด เขามีโอกาสทำเช่นนั้นตั้งมากมาย ฉะนั้นไม่ควรที่จะรอถึงตอนนี้
ส่วนเถ้าแก่ร้านโรงน้ำชา ฝูกวงได้สืบค้นประวัติของเขาแล้วและเขาเองก็เป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น
ส่วนคู่ปู่หลานสองคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้ พวกเขาต่างอยู่ในสายตาของนางอยู่ตลอดเวลา
“อาม่อน่าจะยังอยู่ใกล้ๆ ลองหาอย่างละเอียดอีกครั้ง ลองดูว่าที่นี่มีกับดักหรือค่ายกลอะไรอยู่หรือไม่”
“ขอรับ”
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากำลังทำอะไร?”
เยี่ยจิ่หงานชี้นิ้วและหรี่ตาลงเล็กน้อย “ต้นไม้ทางนั้นดูเหมือนจะเตี้ยกว่าที่อื่นเล็กน้อย”
กู้ชูหน่วนมองตามด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ผืนป่าเดียวกัน ปริมาณดินและน้ำฝนก็ใกล้เคียงกัน จะแตกต่างกับต้นไม้บริเวณอื่นได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร
นางเดินไปยังป่าทางนั้น และอี้หยุนเฟยก็มาดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้ “เราไปค้นหาทางนั้นแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข้าจะไปหาอีกครั้ง หากเจ้าเหนื่อยละก็ เจ้าก็เข้าไปพักในโรงน้ำชาก่อน เหวินเส่าอี๋ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน”
“ไม่เหนื่อย ข้าจะไปกับเจ้า”
กู้ชูหน่วนลูบศีรษะของเขา “ไปพักผ่อนเถอะ หาอาม่อเจอแล้วเรายังต้องเร่งออกเดินทาง การเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเช่นนี้ อาจทำให้ร่างกายของเจ้าไม่ไหวเอาได้ เช่นนั้นเจ้าอาจทำให้ข้าเป็นห่วงเอาได้”
“เอ่อ……ก็ได้ งั้นข้าจะเข้าไปรอพวกเจ้าในโรงน้ำชา”
“อืม”
เยี่ยจิ่งหานที่อยู่ในพุ่มไม้กว่าอย่างจิกกัด “ขาทั้งสองข้างของข้าพิการ ร่างกายข้าก็อ่อนล้า เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เอ็นดูข้าบ้าง”
“อาม่อไม่ใช่เพื่อนของเจ้าหรอกหรือ?” อ่อนล้า อ่อนล้าอะไรกัน แล้วนางล่ะ
“ไม่ใช่”
“แต่ข้าใช่ ไม่ใช่หรือ? เจ้าเพียงคนเดียวก็เหมือนกับมีอี้หยุนเฟยสิบคน”
เมื่อได้ยินคำนี้ เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ทว่าในใจของเขายังคงไม่พอใจเท่าไรนัก
รอบกายของนางมีแมลงวันอยู่มากเกินไป
“ดูเหมือนว่าจะมีความเคลื่อนไหวใต้ฝ่าเท้า?” กู้ชูหน่วนหยุดชะงักพร้อมกับหมอบลงกับพื้นเพื่อเงี่ยหูฟัง
“เป็นเสียงที่ดังจากข้างใต้ ดูเหมือนว่าจะมีถ้ำใต้ดินอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา”
หลังจากการค้นหาอยู่นาน กู้ชูหน่วนก็หยุดอยู่หน้าสุสานแห่งหนึ่งและจ้องมองไปที่ป้ายหลุมฝังศพ
ฝูกวงถามขึ้น “นายท่าน หรือว่าหลุมศพนี้มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือขอรับ?”
กู้ชูหน่วนยื่นมือไปพร้อมกับจ้องมองอักษรบนป้ายหลุมฝังศพและสุดท้ายก็กดไปที่อักษรตัวหนึ่งอย่างแรง
“ครื่น ครื่น ครื่น…..”
ป้ายหลุมศพเคลื่อนย้ายและเกิดเป็นรูกลมปรากฏขึ้น
“ข้าน้อยจะรีบเข้าไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าเข้าไปเยี่ยจิ่งหานก็พอ เจ้าคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก หากพวกข้ายังไม่กลับออกมาภายในหนึ่งชั่วยามก็ค่อยให้เหวินเเส่าอี๋เข้ามาหาพวกข้า”
“เรื่องเหล่านี้ยกให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์ลับ ข้าน้อย….”
กู้ชูหน่วนทำปากมุ่ยใส่ฝูกวง
ฝูกวงเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร
“ข้าน้อยรับทราบ ข้าน้อยจะเฝ้าอยู่ที่หน้าถ้ำอย่างดี เพื่อรอให้นายท่านออกมาขอรับ”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะอย่างชอบใจ
เฮ้อ……
ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอดีตหรือในตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
จริงๆ แล้วนางไม่ต้องการให้ฝูกวงต้องไปเสี่ยงอันตรายกับนาง ฉะนั้นนางจึงพูดเฉไฉไปเรื่อย
ภายในถ้ำอันมืดสนิท
เยี่ยจิ่งหานจุดคบไฟ โดยมีเจี้ยงเสวี่ยเป็นคนเดินนำเข้าไปก่อน
เจี้ยงเสวี่ยกล่าว “นายท่าน เส้นทางอันยืดยาวนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทำขึ้นอย่างแน่นอน และที่นี่เองก็ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์การรบทางการทหาร ที่นี่มีไว้เพื่ออะไรอย่างนั้นหรือขอรับ?”