กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1055
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1055
เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านเหมียน เดิมทีคิดจะไปหาซือม่อเฟยก่อน
ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าจะได้กลิ่นคาวเลือดใกล้ๆ กับโรงเตี๊ยม
สีหน้าของกู้ชูหน่วนและคนอื่นเปลี่ยนไป พร้อมกับก้าวเท้าด้วยความเร็ว
ด้านหน้าของโรงเตี๊ยม มีซากศพจำนวนมากนอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้น พวกเขาต่างถูกฆ่าตายลงทันทีด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว และโรงเตี๊ยมที่ยิ่งโตนี้กลับไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน
ในใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น “อาม่อ…..”
“นายท่าน หาทั่วแล้ว ไม่มีร่องรอยของคุณชายม่อเลยขอรับ และไม่เจอศพของคุณชายม่อด้วยขอรับ”
อี้หยุนเฟยจับแขนของกู้ชูหน่วนแน่นและแสดงสีหน้าหวาดกลัว
“ใครกันที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ แม้แต่สุนัขและแมวในโรงเตี๊ยมก็ฆ่าไม่เหลือ จิตใจชั่วร้ายเหลือเกิน”
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเย็นชา “คือนาง”
อี้หยุนเฟยกล่าว “นาง? นางคนไหน?”
“ฮวาอิ่ง ผู้หญิงบ้าคลั่งคนที่ปลอมตัวเป็นจักรพรรดิรัฐปิง”
“เหตุใดนางต้องฆ่าคนในโรงเตี๊ยมด้วย?”
เยี่ยจิ่งหานส่ายหน้า
ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรอย่างไร้เหตุผลมาโดยตลอด ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไร
ก่อนหน้านี้นางก็คอยพยายามยุยงให้อาหน่วนฆ่าซือม่อเฟยไม่ใช่หรือ
นึกถึงตอนอยู่ผู้อาวุโสหกของเผ่าอวี้พูดกับเขา ทำให้หัใจของเยี่ยจิ่งหานสั่นสะท้านและขลุ่ยหยกในมือก็สั่นเล็กน้อยเช่นกัน
ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า เขาเป็นลูกชายของฮวาอิ่ง ส่วนผู้เป็นบิดานั้นไม่ทราบได้ แต่บอกได้ว่าเป็นคนละคนกับพ่อของอาหน่วน และก็ไม่ใช่แม่คนเดียวกัน
ผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้น…..
ก็คือแม่ของเขา…..
ทำไมแม่ของเขาถึงได้เป็นคนที่จิตใจชั่วช้าต่ำทรามถึงเพียงนี้
เลือดของเขาและเหวินเส่าอี๋สามารถหล่อหลอมผสานกันได้ หรือว่า…..
พ่อของเขาคือหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า?
ไม่…..
ไม่มีทางเป็นไปได้
แม่ของเขาจะต้องไม่ใช่ฮวาอิ่ง
และพ่อของเขาก็ไม่มีทางใช่หัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เหตุใดสีหน้าของเจ้าถึงดูเคร่งเครียดหนักใจมากขนาดนั้น? ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
“ไม่มีอะไร”
กู้ชูหน่วนพยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง “นางควรจะอยู่ที่รัฐอี้ไม่ใช่หรือ? ที่นี่เป็นเขตแดนระหว่างรัฐอี้และรัฐปิงเท่านั้น เหตุใดนางถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่? นางชอบทำให้ผู้คนทุกข์ทรมาน ต่อให้จะฆ่าใครสักคนนางก็ไม่เคยจัดการฆ่าทีเดียวโดยตรง ที่นี่จะต้องอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน”
ทุกคนต่างพากันมองไปที่อี้หยุนเฟย
อี้หยุนเฟยถูกจับจ้องจนรู้สึกประหลาดใจ “ข้า….ใบหน้าข้ามีอะไรติดอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ไม่นาน คนรับใช้ของอี้หยุนเฟยก็วิ่งเข้ามารายงาน
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จสวรรคตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ตุ่บ……”
อี้หยุนเฟยรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เรื่องร้ายแรงมากเช่นนี้ทำให้เขารับไม่ได้และเป็นลมหมดสติไป โชคดีที่กู้ชูหน่วนรับเขาไว้ได้ทัน
กู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋รีบมองไปที่คนของตัวเอง
บรรดาทหารองครักษ์ต่างพากันก้มศีรษะลง
พวกเขาได้คอยลาดตระเวนตรวจตราไปทั่วแล้วจริงๆ
และคอยพยายามตามหาเบาะแสของฮวาอิ่งมาโดยตลอด
แต่จากข่าวที่ได้รับนั้น ตอนนี้ฮวาอิ่งยังอยู่ในเมืองหลวง นางไม่ได้เดินทางมาที่นี่เลย
พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นศพที่นอนเกลื่อนโรงเตี๊ยมก็ถูกจัดการ
คนที่ถูกส่งให้ไปตามหาอาม่อก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรส่งกลับมา
ข่าวเดียวที่มีในตอนนี้คือ จักรพรรดิและจักรพรรดินีได้ตื่นจากบรรทมในตอนนี้และเสียชีวิตไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทหารองครักษ์ต่างก็ไม่รู้
พวกเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษ และร่างกายก็ไม่มีร่องรอยบาดแผล การกระทำท่าทีต่างๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่นิดเดียว ราวกับเป็นการตายโดยธรรมชาติ
แต่หากเป็นการตายโดยธรรมชาติละก็ เหตุใดถึงได้ตายพร้อมกันทั้งสองคน?
ภายในห้องตำราของโรงเตี๊ยม เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ต่างนั่งดื่มชาเพียงลำพัง
กู้ชูหน่วนเดินไปมาด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจ
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ารู้จักฮวาอิ่งมากน้อยเพียงใด เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดได้ไหม”
“ไม่ได้รู้จักอะไรมาก รู้เพียงว่านางคือเงาของหัวหน้าเผ่าอวี้ นางทรยศหักหลังเผ่าอวี้และถูกเผ่าอวี้ขับไล่ออกจากเผ่า จากนั้นก็พยายามคิดกำจัดทำลายเผ่าอวี้”
“เหวินเส่าอี๋ แล้วเจ้ารู้มากน้อยแค่ไหน?”
“เยี่ยจิ่งหานเป็นคนของเผ่าอวี้ เขาเองยังไม่รู้ แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”