กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1068 ตายอย่างไม่สมัครใจ
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1068 ตายอย่างไม่สมัครใจ
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกข้าว่ายายเฒ่า”
“ยายเฒ่า ยายปีศาจเฒ่า ยายแม่มดเฒ่า ยายบ้า ยายแก่สติเลอะเลือน อายุมากขนาดนี้แล้วยังหลงว่าตัวเองอายุน้อย เจ้าลองไปส่องกระจกดูว่าใบหน้าและอายุของเจ้านั้นมากแค่ไหนแล้ว”
จิตสังหารของฮวาอิ่งพลุ่งพล่านออกมา เตรียมที่จะใช้แมงมุมพิษหลากสีกับกู้ชูหน่วนเพื่อให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวด แต่ไม่ทันระวังเหวินเส่าอี๋ที่ไม่รู้ว่าไปได้พลังมาจากไหน คนและพิณรวมกันเป็นหนึ่ง เร็วเหมือนสายฟ้า โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรงเพื่อหวังจะเอาชีวิต
ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งเหลือเกิน
เขาไม่ได้หมดสภาพในการต่อสู้แล้วงั้นหรือ?
เหตุใดจึงได้มีพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
หัวใจของกู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานเต้นผิดจังหวะ ทันใดนั้นลางร้ายก็ผุดขึ้นในใจของพวกเขา
กู้ชูหน่วนตะโกนออกมาไปอย่างร้อนรน “เสี่ยวหูเตี๋ย เจ้าไม่ห่วงชีวิตของตัวเองแล้วงั้นหรือ? รีบหยุดเร็ว!”
เหวินเส่าอี๋รวดเร็วมาก โครงกระดูกที่เข้ามาขวางหน้าถูกทำลายจนแหลกละเอียด ในเวลานั้นกู้ชูหน่วนไม่สามารถเข้าไปขวางได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองเหวินเส่าอี๋เอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันเพื่อจัดการกับฮวาอิ่ง
“บูม……”
หลังจากเกิดเสียงระเบิดอันดังลั่น
ฮวาอิ่งถอยไปสองสามก้าว เลือดที่กว่าหยุดไหลเนื่องจากแขนขาด เวลาได้ไหลออกมาอีกครั้งเนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่
แม้แต่แขนขวาของนางก็ยังรู้สึกชาเล็กน้อย
ในทางกลับกัน ร่างของเหวินเส่าอี๋ล้มลงราวกับว่าวที่ร่วงหล่นอย่างอ่อนแรง
“ตุบ……”
เขาล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง กระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดเซียวไม่เห็นแม้แต่รอยเลือด ราวกับเซียนที่ถูกเนรเทศลงมาจากสวรรค์
การได้ยินของเขาค่อย ๆ หายไป
เขาแค่รู้สึกอย่างคลุมเครือว่า กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานทำลายค่ายกลกระดูกและมาขวางอยู่ด้านหน้าของเขา
เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่ากู้ชูหน่วนกำลังทะเลาะอะไรบางอย่างกับฮวาอิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ยินมันสักคำ
เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่าพิณของเขากำลังแหลกสลาย สายพิณทั้งหมดกำลังจะขาด
ดูเหมือนว่า… ยังมีเสียงและรอยยิ้มของผู้หญิงอยู่จาง ๆ
“อาจารย์ ท่านให้ข้าวาดภาพเหมือนเป็นร้อยครั้ง ตอนนี้ข้าวาดเสร็จแล้ว ท่านลองตรวจดู”
“เหวินเส่าอี๋ ปล่อยข้าไปเจ้าอาจยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากพาข้าไปด้วย น้ำหนักของสองคนนั้นมากเกินไป ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหนีรอดไปได้ทั้งนั้น”
“ใต้หน้าผานั่น ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราก็ไม่มีใครเห็น ข้าที่เป็นผู้หญิงยังไม่กลัว แล้วเจ้าจะกลัวอะไร”
“หากจะฆ่าเขา คงต้องข้าศพข้าไปก่อน ข้าเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งชีวิต ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ใครทำร้ายเขาเป็นอันขาด”
“เจ้าเป็นคนฉลาด มีพรสวรรค์ในเรื่องของการต่อสู้ แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่ในระดับหนึ่ง แต่หากเจ้าขยันหมั่นเพียร ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องกลับมาอยู่ในระดับหกเป็นแน่ แม้กระทั่งระดับเจ็ดเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าไม่มีทางปล่อยให้อันตรายที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้มาคุกคามเผ่าหยกของข้าได้”
“กำจัดกระดูกสะบักและทำลายวรยุทธ์ของเขา”
“ขังเขาไว้ในเหวไร้ที่สิ้นสุด อย่าปล่อยให้ออกมาได้อีกตลอดกาล”
สะอื้น……
น้ำตาไหลออกมาจากขอบตาของเหวินเส่าอี๋
เขาวางมือลงบนหัวใจที่ปวดร้าว
สามปีกว่า
เป็นเวลากว่าสามปีแล้ว
เขาต้องการที่จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับอดีต
แต่ยิ่งเขาอยากลืมมากเท่าไหร่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เป็นเหมือนเถาวัลย์ที่ผูกมัดเขา ยึดติดกับเขาทางสายเลือด ลึกลงไปถึงไขกระดูก และแม้แต่ส่วนลึกของจิตวิญญาณ
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับสำนักศึกษาวังหลวง
นางสละชีวิตเพื่อปกป้องเขาใต้หน้าผา
นางกำจัดกระดูกสะบักและทำลายวรยุทธ์ของเขาตอนที่อยู่ในเผ่าหยก และสังหารปู่ของเขาอีกหลายคน
ในเผ่าเพลิงฟ้า นางพาคนเข้ามาสังหารครอบครัวนับหมื่นชีวิตของเขา แม้แต่คนแก่ เด็ก หรือสัตว์เดรัจฉานยังไม่ยอมไว้ชีวิต
“พัฟ……”
เหวินเส่าอี๋กระอักเลือดสีดำออกมา
เขาไม่อยากต้องมาตายเช่นนี้
เขาอยากจะถามนางเป็นการส่วนตัวว่าทำไมถึงได้โหดร้ายถึงเพียงนี้
ทำสิ่งใดย่อมมีทางหนีทีไล่ เหตุใดนางจึงฆ่าพ่อของเขาด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้?