กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1069 เหวินเส่าอี๋ทะลวงผ่านขึ้นกลางระดับเจ็ด
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1069 เหวินเส่าอี๋ทะลวงผ่านขึ้นกลางระดับเจ็ด
เขาไม่เต็มใจ
หากความแค้นของเผ่าเพลิงฟ้ายังไม่ถูกชำระล้าง เช่นนั้นเขาจะตายตาหลับได้อย่างไร
“ปัง……”
“พัฟ……”
เยี่ยจิ่งหานและกู้ชูหน่วนล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานคลายไปข้างกายของกู้ชูหน่วนด้วยความเป็นห่วง พยุงร่างกายอันไร้เรี่ยวแรงของนางขึ้นมา
“อาหน่วน……อาหน่วน……เจ้าฟื้นขึ้นมา อย่าทำให้ข้าตกใจ ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีเจ้า”
ฮวาอิ่งมองขึ้นฟ้าพร้อมหัวเราะออกมาดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า……พวกเจ้าคิดจะสังหารข้าไม่ใช่หรือไง? เข้ามาสิ เข้ามาสังหารข้าเลย”
“พวกเจ้าอยากคืนชีพให้ลูกสาวของผู้หญิงสารเลวนั่นไม่ใช่หรือไง? วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้สมหวัง อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้ไปรวมตัวกันในหลุมฝังศพ ฮ่าฮ่าฮ่า……”
“ฟ่อ……”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนถูกห่อหุ้มด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
ลำแสงสีดำสามดวงตกลงมาจากฟากฟ้า
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไป รีบเขามาขวางอยู่ด้านหน้าของกู้ชูหน่วน
“พัฟ……”
ลำแสงโจมตีใส่ร่างกายของเขา เขาเจ็บปวดจนลมหายใจแทบจะแข็งตัว รู้สึกเหมือนกับมีงูนับหมื่นตัวกำลังกัดเขาอยู่ตลอดเวลา อวัยวะภายในของเขาปั่นป่วน และหายใจไม่ออกเป็นเวลานาน
ฮวาอิ่งหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “วางใจ นางจะไม่ตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มีเพียงโจมตีครบหนึ่งร้อยแปดครั้งเท่านั้น ถึงจะสามารถสังหารนางได้”
“แต่ลำแสงนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพิษที่ร้ายแรงที่สุดซึ่งประกอบด้วยการฝึกฝนทั้งสามที่ข้าเชี่ยวชาญ ตราบใดที่มันโดนลำแสง พิษจะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว เจ็บปวดราวกับว่าตายทั้งเป็น”
“อ่า แล้วก็……อวัยวะภายในของนางจะถูกกัดกร่อน เน่าเสียจากภายในและตายในที่สุด”
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันแน่น “เหตุใดโลกใบนี้ถึงได้มีผู้หญิงที่ชั่วช้าเช่นเจ้าอยู่”
“อ่า ข้าแตกต่างจะพวกเจ้า มันก็วิเศษไปเลยไม่ใช่หรือไง?”
เยี่ยจิ่งหานพยายามทำลายกำแพงอย่างบ้าคลั่ง แต่ลำแสงที่ส่องลงมานี้ก็เหมือนกับกำแพงเหล็กกล้า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายมันได้
มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและสับสนยิ่งกว่าเดิม
“จะเริ่มแล้วนะ ลำแสงกำลังลงมาอีกแล้ว”
ฮวาอิ่งกระดิกนิ้วของนาง
ลำแสงฟาดลงมาโครมคราม
ไม่มีที่ให้กู้ชูหน่วนหลบ และด้วยอาการบาดเจ็บของนาง แน่นอนว่าอย่างไรก็ไม่สามารถหลบได้ การโจมตีอันบ้าคลั่ง ทำให้นางกลอกตาหลายครั้งด้วยความเจ็บปวด พูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ยายแม่มดเฒ่า หากวันนี้เจ้าสังหารข้าไม่สำเร็จ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่มายังโลกใบนี้”
“ฮึ……เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอแล้วกัน”
“ฮวาอิ่ง ข้าบอกให้เจ้าปล่อยนางเดี๋ยวนี้”
“บูม……”
ลำแสงตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ร่างกายของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยบาดแผล แต่นางก็กัดฟันทน ไม่ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด อดทนรับการโจมตีที่รุนแรง ในใจของนางเอาแต่คิดถึงมหาเวทย์ดูดพลัง
ฮวาอิ่งแข็งแกร่งมาก
มีแต่ต้องใช้มหาเวทย์ดูดพลังออกมาเท่านั้นถึงจะสามารถเอาชนะนางได้
แต่มหาเวทย์ดูดพลังบ้านั่น นางกำลังจะตายอยู่แล้ว เหตุใดร่างกายของนางถึงยังไม่ใช้มันออกมา?
หรือว่านางจะต้องมาตายอยู่ที่นี่?
“อาหน่วน……ฮวาอิ่ง หากนางตาย ข้าจะถลกหนังเจ้า ดัดเส้นเอ็นและทำลายไขกระดูก แต่จะให้เจ้าต้องตายโดยไม่มีที่ให้ฝัง”
“เจ็บใจงั้นหรือ? หากข้าต้องตาย เจ้าจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเช่นนี้หรือไม่?”
แววตาทั้งสองข้าของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยเลือด จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่บนร่างกายเขา ราวกับราชาแห่งขุมนรกที่ไม่มีใครเทียบเทียม
เขารวบรวมพลังและใช้วิชาแห่งชีวิต เรียกฟีนิกซ์กระหายเลือดออกมาหนึ่งตัว
นกฟีนิกซ์สยายปีกและบินขึ้นฟ้า ส่งเสียงร้องของนกฟีนิกซ์ที่ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
ฟิ้ว……
ฟีนิกซ์กระหายเลือดกระแทกเข้ากับกำแพงแห่งแสงอย่างบ้าคลั่งด้วยพลังทั้งหมดที่มี
กำแพงแสงแตกสลาย
“บูม……”
เมื่อกำแพงแห่งแสงถูกทำลาย ดูเหมือนว่าพลังของฟีนิกซ์ใกล้จะหมดลง ไม่สามารถขวางกั้นลำแสงที่พุ่งเข้ามาได้ มันปกป้องกู้ชูหน่วนได้เพียงไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็ตกสู่พื้นและคร่ำครวญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“พัฟ……”
ฟีนิกซ์หายไป ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานขาวซีด กุมหน้าออกของตนเองไว้แน่น ไม่สามารถขยับได้เป็นเวลานาน
เขาหายใจออกมาก แต่หายใจเข้าน้อยลง ชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
กู้ชูหน่วนถูกโจมตีหลายครั้งเกินไป
แม้ว่ากำแพงแห่งแสงจะแตกออก แต่นางก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน
ในตอนนั้นพวกเขาเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง