กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1091 เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1091 เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้
ห้องในสุสานของจักรพรรดิของตำหนักอี้หยุน
อี้หยุนเฟยยังคงหลับใหล
กู้ชูหน่วนไล่ทุกคนออกไป จากนั้นก็นั่งลงข้างเตียงและตรวจชีพจรให้เขา
ชีพจรของเขาอ่อนมาก ลมหายใจแห่งชีวิตก็ค่อย ๆ ลดลง
ในร่างกายของเขามีพลังวิญญาณร้ายกำลังอาละวาดอยู่ กัดกินเนื้อและไขกระดูกของเขา
แต่พลังวิญญาณร้ายเหล่านั้นถูกระงับไว้ในจุดตันเถียน
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะพวกของท่านปู่เจียงเกรงว่าพลังวิญญาณร้ายจะแพร่กระจายไปทั่วและพรากชีวิตของอี้หยุนเฟยไป
ดังนั้นจงใช้พลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เพื่อปราบปรามพลังวิญญาณร้ายเอาไว้ในจุดตันเถียน
ทำเช่นนี้สามารถยืดอายุของอี้หยุนเฟยได้ แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดยิ่งไปอีก
ดังนั้นเมื่อพลังวิญญาณร้ายมารวมตัวกัน จุดที่พวกมันกัดกินก็รุนแรงยิ่งขึ้น และเมื่อพวกมันเริ่มทำการโจมตี ความเจ็บปวดที่ได้รับก็เหมือนตายทั้งเป็น
ไม่……
ไม่ใช่
ในร่างกายของเขายังมีพลังวิญญาณอันเยือกเย็นอยู่
พลังวิญญาณอันเยือกเย็นนี้ หากไม่ตรวจสอบให้ละเอียดก็ไม่อาจสัมผัสถึงมันได้
แต่มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กัดกินพละกำลังของเขาตลอดเวลา
ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า พลังชีวิตส่วนใหญ่ของอี้หยุนเฟยถูกพลังวิญญาณร้ายและพลังวิญญาณอันเยือกเย็นกัดกิน
แต่นาง……
นางกลับไม่รู้ว่าพลังวิญญาณอันเยือกเย็นนั้นมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ใด และสามารถจัดการกับมันได้อย่างไร
แต่นางก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณอันเยือกเย็นนี้มีกลิ่นอายคล้ายกับพลังของลำแสงที่สร้างบาดแผลให้นาง
มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของอี้หยุนเฟย ดวงตาของเขาดำคล้ำ แต่ถึงกระนั้นความหล่อของเขาก็ยังไม่มีใครสามารถเทียบเทียม
เขาขมวดคิ้ว แต่ในความจริงแล้วเขายังอยู่ในความฝันและกำลังอดทนต่อความเจ็บปวด
สามเดือน……
ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่สามเดือน แต่เขาผอมลงถึงเพียงนี้
ใบหน้าเหี่ยวเฉา รูม่านตาหาตัวลง ไม่มีสีสันเลยแม้แต่น้อย
มือข้างหนึ่งของกู้ชูหน่วนกุมมืออันเยือกเย็นของเขาไว้ และมืออีกข้างหนึ่งของลูบไปบนคิ้วของเขาด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด
นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าสามเดือนที่ผ่านมา อี้หยุนเฟยเจ็บปวดถึงเพียงใด
เขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของรัฐอี้ สถานะสูงส่ง ชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบ ปราศจากซึ่งความกังวล
แต่โชคชะตากรรมลิขิตให้เขาต้องมาเจอกับนาง
นางควรจะตอบแทนเขาอย่างไร……
เมื่อย้อนกลับไปในความทรงจำ ใบหน้าที่เหมือนกับอี้เฉินเฟยของเขา ทำให้กู้ชูหน่วนเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก
น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะเหตุใด……
เพราะเหตุใดเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงภาพจำเหล่านั้น นางจึงรู้สึกเจ็บปวด
เพราะเหตุใดเมื่อเห็นใบหน้าของอี้หยุนเฟย นางจึงรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“อือ……”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดนั้นมากเกินไปหรืออย่างไร อี้หยุนเฟยส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมา ร่างกายของเขาเหยียดตรง
เขาหายใจหอบ สิ่งที่แฝงอยู่ในดวงตาของอี้หยุนเฟยคือความเจ็บปวดและความเศร้าโศก น้ำตาของนางไหลลงไปบนใบหน้าของเขา
อี้หยุนเฟยดีใจ “น้องหญิง เจ้าฟื้นแล้วงั้นหรือ? เยี่ยมไปเลย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”
กู้ชูหน่วนรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า จากนั้นก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไรงั้นหรือ เห็นข้าฟื้นขึ้นมา เจ้าไม่ดีใจงั้นหรือ”
นางกำลังยิ้ม แต่ความเศร้าโศกในดวงตาของนางไม่ได้หายไปเหมือนกับรอยยิ้มของนาง
ตรงกันข้าม มันยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ข้าดีใจจนไม่สามารถอธิบายออกมาได้”
“น้องหญิง เจ้ากำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่งั้นหรือ?”
“ไม่เจ็บแล้ว ข้าหายดีแล้ว เสี่ยวหยุนเฟยของข้าเก่งกาจเสียขนาดนี้ แม้แต่หมอเทวดาผู้ลึกลับยังรู้จัก แม้ข้าจะไม่อยากหายก็คงเป็นไปไม่ได้”
“เช่นนั้นเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังเจ็บปวด เป็นเพราะเจ้าเห็นข้าผอมไปอย่างนั้นหรือ?”
ความเศร้าเช่นนี้มันเหมือนกับความเศร้าของผู้สูญเสียผู้เป็นที่รัก……
หรือว่า……
นางชอบเขาจริง?
มุมปากของอี้หยุนเฟยเผยให้เห็นรอยยิ้มอันหอมหวาน
“ท่านปู่เจียงกล่าวไว้ ก่อนหน้านี้ข้าอ้วนมาก ผอมลงหน่อยจะดูดีกว่า ข้าเองก็เป็นคนรักความงาม ดังนั้นจึง……จึงลดอาหาร น้องหญิง ข้าผอมกว่าเดิมมันไม่ได้ดูดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“เสี่ยวหยุนเฟยของข้า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ดูดีทั้งนั้น”
กู้ชูหน่วนลูบศีรษะของอี้หยุนเฟยเบา ๆ พร้อมกับกล่าวออกมา
ความเจ็บปวดในใจของนางราวกับถูกมดนับหมื่นตัวกัดกิน อยากจะหนีก็หนีไม่พ้น
อย่าจะเมินก็ทำไม่ได้
ทำให้น้ำตาของนางไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ผู้ชายที่กระโดดลงไปในเตากลั่นยา เป็นคนที่อยู่ในใจของผู้หญิงคนนั้น
เหตุใดตนเองถึงรู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้
ความทรงจำยังคงยุ่งเหยิง ไม่สมบูรณ์
นางไม่สามารถเข้าใจมันได้
จากความทรงจำส่วนลึกของนาง ความรักอันลึกซึ้งของผู้หญิงคนนั้นควรเป็นผู้ชายที่กระโดดลงไปในเตากลั่นยา
เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไปแต่งงานกับเยี่ยจิ่งหาน
ตกหลุมรักเยี่ยจิ่งหานอย่างนั้นหรือ?
ไม่รู้ว่าอี้หยุนเฟยรู้ว่าตนเองเหลือเวลาอีกไม่มากหรืออย่างไร เขาไม่ได้ผลักไสไล่ส่งนางเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาปล่อยให้นางกุมมืออยู่อย่างนั้น
จากนั้นเขาก็นำร่างกายของเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนาง
“น้องหญิง เจ้าอย่าเศร้าไปเลย หากเจ้าไม่ชอบที่ข้าผอม เช่นนั้นข้าจะกินให้มากขึ้น”
“ดี……”
“เสี่ยวหยุนเฟย ได้ยินมาว่าเจ้ามอบอำนาจในการปกครองของรัฐอี้ให้กับข้า? เรื่องนี้มันไม่เร่งรีบเกินไปหน่อยหรือ หากเจ้ารู้สึกเสียใจ ข้า……”
“ข้าไม่เสียใจ เวลานี้พวกเราถือว่าเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน เช่นนั้นบ้านเมืองของข้าต่างจากบ้านเมืองของเจ้าอย่างไร? อีกอย่าง ข้าเป็นคนไม่เก่งเรื่องการเมืองมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองพวกนี้เขาไม่เข้าใจ เรื่องสำคัญอย่างชาติบ้านเมือง ข้าว่าปล่อยให้น้องหญิงเป็นคนจัดการจะดีกว่า”
กู้ชูหน่วนแทบจะสำลัก
นี่มันประเทศทั้งประเทศ
คิดว่ามันเป็นกะหล่ำปลีหัวเล็ก ๆ หรืออย่างไร
มีคนมากมายต่อสู้เพื่อแย่งชิงประเทศที่พวกเขาต้องการ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่ากองทัพของรัฐอี้กำลังต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้าอยู่?”
ดวงตาของอี้หยุนเฟยมืดมน ไม่ได้มีความสุขเหมือนก่อนหน้านี้
“รู้”
“เช่นนั้นเจ้าสั่งให้พวกเขาถอยทัพได้หรือไม่ ส่วนทางด้านของเผ่าเพลิงฟ้า ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
“ข้าพูดกับท่านปู่เจียงมาหลายครั้งแล้ว แต่ท่านปู่เจียงไม่เคยฟังข้าเลย ทำเรื่องพวกนี้เพียงลำพัง พวกเขาไม่ฟังข้า และ……และข้าเองก็อยากได้แผ่นอักษรสีเหลือง” เขาอยากมีชีวิตต่อไป
แววตาของอี้หยุนเฟยแน่วแน่ ดูเหมือนว่าความต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองของเขาจะเป็นความจริง
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าปล่อยแผ่นอักษรสีเหลืองไป ข้าแค่อยากให้เจ้าถอนทัพกลับมาชั่วคราว ทางด้านของเผ่าเพลิงฟ้า ข้าก็จะให้พวกเขาถอยทัพกลับไปเช่นกัน”
“ตกลง……เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปขอร้องพวกของท่านปู่เจียง น้องหญิง ข้าหิวแล้ว เจ้าอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความลำบากใจเล็กน้อย
จากนั้นก็หันมามองแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของอี้หยุนเฟย
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงกล่าวออกมาว่า “ได้ ข้าจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนเจ้า”
“ขอบคุณน้องหญิงมาก”
จักรพรรดินีหมดสติไปเป็นเวลาสามเดือน แต่สิ่งแรกที่นางทำเมื่อฟื้นขึ้นมาคือ จัดการกับปัญหาบ้านเมือง
และไม่ได้ไปหาต้าเฟิงโห้ว เสี่ยวเฟิ่งโห้ว หรือกุ้ยจวินคนไหน
แต่นางไปตำหนักของหวงกุ้ยจวิน และอยู่เป็นเพื่อนเขาเป็นเวลาครึ่งวัน
มีข่าวลือมากมายในพระราชวัง
เมื่อนึกถึงเรื่องความงดงามในวังหลัง ผู้ที่ฝ่าบาทรักและห่วงใยที่สุดก็คือหวงกุ้ยจวิน อี้หยุนเฟย
ตั้งแต่นั้นมา ขุนนางในพระราชวัง คนรับใช้ในวังหลัง สตรีและขันทีทั้งหมดในพระราชวังต่างซุบซิบนินทราหวงกุ้ยจวิน
ตำหนักอี้หยุนกลายเป็นสถานที่ซึ่งร้อนแรงที่สุดในพระราชวังชั่วขณะหนึ่ง
กู้ชูหน่วนออกมาจากตำหนักอี้หยุน นางก็ไปเยี่ยมเยี่ยจิ่งหาน
เส้นลมปราณของเยี่ยจิ่งหานย้อนกลับ ร่างของเขาเต็มไปด้วยรอยแผล
แม้ว่าจะได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดีมาเป็นเวลาสามเดือน แต่เนื่องจากร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส การบอกว่าเขาอาจจะไม่รอดนั้นเป็นเรื่องที่บ้าที่สุด
หากนางฟื้นขึ้นมาช้ากว่านี้ ไม่แน่ว่าเยี่ยจิ่งหานอาจจะไม่สามารถปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของเขาไว้ได้
กู้ชูหน่วนต้องละทิ้งทุกสิ่ง จากนั้นก็เริ่มทำการฝังเข็มให้เขา
และการรักษานี้กินเวลาถึงสามวันเต็ม
หลังจากผ่านไปสามวัน กู้ชูหน่วนเดินออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แค่ยืนยังแทบจะยืนไม่ไหว
ในห้องตำราหลวง
ใบหน้าของกู้ชูหน่วนขาวซีด นางพยายามนั่งตัวตรง รักษาอาการและท่าทางของนางไว้
ด้านหน้าของนางมีผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าสองคนซึ่งอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีนั่งอยู่
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างอ่อนแรง “ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน เมื่อครู่ข้าได้อธิบายให้พวกท่านฟังแล้ว ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองยินดีที่จะถอนทัพของเผ่าเพลิงฟ้ากลับไปหรือไม่”
ผู้อาวุโสลู่ของเผ่าเพลิงฟ้ากล่าวว่า “ฝ่าบาททรงยกโทษให้พวกข้า ข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสอันต้อยต่ำ ไม่มีอำนาจในการสั่งถอยทัพ มีเพียงแค่หัวหน้าเผ่าและรองหัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่มีอำนาจในการสั่งให้พวกเขาถอยทัพ”