กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 131
เดิมสวีซานเหนียงอยากจะจัดการเด็กหนุ่มก่อน ค่อยจัดการกับกู้ชูหน่วน พอคำพูดของกู้ชูหน่วนไม่น่าฟังมากขึ้น นางเลยเปลี่ยนใจทันที
“เจ้าเด็กน้อย ปากนี่ต่ำช้าเสียจริง เอาระฆังวิญญาณสะบั้นมา ข้าจะยังคงทิ้งศพเจ้าไว้ทั้งตัวได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นเลือดเสีย”
“ข้าเป็นคนที่จะถูกข่มขู่คุกคามได้หรือ?”กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วถาม
“เหอะ เด็กโง่”
น้ำเสียงเยือกเย็น แตะนิ้วเท้าลงพื้นเล็กน้อย งัดเอาศิลปะการต่อสู้หัตถ์โลหิตออกมา จากนั้นพุ่งเข้าหากู้ชูหน่วน
แผ่นหลังของกู้ชูหน่วนอิงกับกำแพง มือทั้งสองข้างกอดอก สงบเยือกเย็น คล้ายกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มจะมาช่วยนางแน่
เป็นดังที่คาดไว้ ตอนที่เด็กหนุ่มถูกผู้มีฝีมือสูงโจมตี เขายังคงขว้างกระทะเหล็กของร้านค้าใส่สวีซานเหนียงเลย เพื่อป้องกันปีศาจโลหิตโจมตีนาง
กระทะสัมผัสโดนอาวุธหัตถ์โลหิตของสวีซานเหนียง มันหลอมละลายทันที
ผู้มีฝีมือสูงชุดดำที่ล้อมรอบอยู่จำนวนไม่น้อยต่างตกใจกันมาก
นี่ช่างเป็นเวทย์มนตร์พลังปีศาจโลหิตที่ทรงพลังมาก
สามารถหลอมละลายหม้อกระทะเหล็กได้ชั่วพริบตาเดียว นี่มีพลังภายในมากมายแค่ไหนกัน?
ดวงตาของเด็กหนุ่มหรี่ลง ดูเหมือนว่าเขาก็คาดไม่ถึงว่าพลังปีศาจโลหิตของสวีซานเหนียงจะทรงพลังมากเช่นนี้ เขาต้องการอยากช่วยกู้ชูหน่วนแต่เขาถูกล้อมรอบด้วยวงกลม คนแคระเจี่ยนไม่หยุดที่จะพุ่งมาทางเขาด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่ แทบจะใช้มือขนาดใหญ่ตบเขาที่มีชีวิตอยู่ตายได้
สวีซานเหนียงสะบัดมือ ยิ้มเย็นกล่าวว่า“วันนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้หรอก”
“ใช่หรือ นู่น เจ้าดูพวกพี่น้องของเจ้าสิ”
สวีซานเหนียงหันกลับไปมอง แต่เห็นใบไม้ที่ร่วงหล่นรอบๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นใบกริชบางๆ ที่มองเห็นได้ และพุ่งใส่ทุกคนในทุกทิศทาง ใบไม้สีเขียวแต่ละใบดูเหมือนจะได้รับพลังที่ไร้อำนาจขอบเขต
ทันใดนั้น ผู้มีฝีมือสูงชุดดำหลายคนถูกใบไม้ขวางปิดที่กล่องเสียง และล้มลงกับพื้น
แม้แต่คนแคระเจี่ยนยังถูกลงโทษด้วยการหั่นศพ สุดท้ายถูกตบลงบนส่วนบนของหัวกระโหลก และตายในที่เกิดเหตุ
สวีซานเหนียงหดรูม่านตาลง คิดไม่ถึงเลยว่าพอเอนเอียงความสนใจ คนของนางจะได้ถูกสังหารหมดแล้ว แม้แต่น้องห้าของตนยังถูกสังหารด้วย
โมโห
โมโหมาก
สวีซานเหนียงกัดฟันกรอดกล่าวว่า“เจ้ารนหาที่ตาย”
“ปังๆๆๆ…..”
คนหนึ่งใช้หัตถ์โลหิต อีกคนดีดเสียงโจมตี ภายในตรอกซอกซอยของนครหลวง มีเสียงดังเป็นครั้งคราวเกิดขึ้น
กู้ชูหน่วนใช้มือกอดอกอยู่ดังเดิม ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา กล่าวว่า“อย่าโม้ว่าตัวเองมีอานุภาพแค่ไหนเมื่อออกไปนอกเรือน ไม่อย่างนั้นจะต้องตายอย่างไรยังไม่รู้เลย ดูพวกเขาสิ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”
“ถุย…..”
เด็กหนุ่มถูกฝ่ามือหนึ่งที บริเวณมุมปากมีเลือดไหลออกมา
บนร่างกายเจ็บแปลบ
“วันนี้พวกเจ้าสองคนอย่าคิดที่จะมีชีวิตรอดออกไป”
ศิลปะการต่อสู้ของสวีซานเหนียง นั้นสูงกว่าศิลปะการต่อสู้ของคนแคระเจี่ยนหลายเท่า และการใช้แต่ฝ่ามือทวีคูณขึ้น ทำให้เด็กชายไม่มีโอกาสเล่นฉินเลย
เมื่อครู่เด็กหนุ่มใช้พละกำลังมากมาย และเขาไม่สามารถต้านทานได้ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ในอันตราย
กู้ชูหน่วนหาสถานที่ที่สะดวกสบายอยู่ จากนั้นหยิบถุงเมล็ดแตงโมออกจากอ้อมแขนของนาง และมองดูความตื่นเต้นอย่างสบาย ๆ และกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นเป็นครั้งคราว
“รีบถีบนางตกจากสังเวียน ไอ๋หยา ช้าไปหนึ่งก้าว ดูเจ้าสิชักช้า”
“ระเบิดหัวนาง ให้สมองกระจุยกระจาย เร็วๆๆๆ เจ้าทำสิ่งใดนี่ ช้าอีกแล้ว”
“ระวังนะ นางจะเป่าหัวเจ้า โชคดีที่ข้าเตือนเจ้าแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าจะได้โดนพลังปีศาจโลหิตของนาง และหัวของเจ้าก็ถูกหลอมละลายโดยนาง”
การกระทำแบบนี้ ไม่เพียงทำให้เด็กหนุ่มโมโห มันยังทำให้สวีซานเหนียงโมโหด้วย
พวกเขากำลังอยู่ในช่วงความเป็นความตายกัน แต่ทว่ากู้ชูหน่วนกลับกินเมล็ดแตงโมมองดู?
นี่นับว่าคืออะไร?
เห็นพวกเขาเป็นละครลิงหรือ?
ที่โมโหสุดคือเด็กหนุ่ม เขาทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะช่วยนาง และได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพวกเขา แต่นางกลับทำดี ไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วย แต่ยังทำท่าทางเหมือนดูการแสดงที่ดีด้วย
พอเห็นสวีซานเหนียงโกรธมาก นางยกมือขวาขึ้นและเคลื่อนไหวหัตถ์โลหิตเพื่อสังเวยจัดการกู้ชูหน่วน
เด็กหนุ่มพลิกมั่วฉินขวางปีศาจโลหิตสวีซานเหนียงไว้ เพราะการขวางกั้นครั้งนี้ จึงทำให้มั่วฉินของเขาถูกตีแตกละเอียด
กู้ชูหน่วนเห็นอย่างชัดเจนว่าในแววตาของเด็กหนุ่มมีความเจ็บปวดใจทรมานแฉลบผ่าน นางดูออกว่าเด็กหนุ่มนั้นรักใส่ใจมั่วฉินเป็นอย่างมาก