กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 134
กู้ชูหน่วนลูบคลำคางและพูดขึ้นมาช้าๆ โดยไม่รอเด็กหนุ่มคนนั้นตอบกลับ “จากความสามารถของเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าการจะตัดแขนตัดขาของข้า ควักลูกตาทั้งสองออกมาและตัดหูของข้านั้นง่ายเหมือนกับการบีบฆ่ามดตัวหนึ่งให้ตายอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้ายังต้องทำร้ายเขา?”
“หรือว่าเขามีความโกรธแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าก็เลยเกลียดเขา? ดูสิ ดูความน่าสงสารของเขาสิ เขาคงไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าลองทายดูละก็ เจ้าคงจะอิจฉาล่ะสิ เจ้าอิจฉาที่เขาหน้าตาดีกว่าเจ้า หรือไม่ก็อิจฉาที่เขาใช้ชีวิตสุขสบายกว่าเจ้าในเผ่าปีศาจนี้ ดังนั้นเจ้าจึงจงใจสร้างความทุกข์ทรมานใจให้กับเขา”
ทุกคำพูดของกู้ชูหน่วนที่พูดออกไป ทำให้สีหน้าของเจียงซวี่แย่ลงเล็กน้อยและความโหดเหี้ยมในดวงตาของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูก” กู้ชูหน่วนมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นราวกับรู้สึกสงสารเขา
“ดูเจ้าสิ คอยติดตามหัวหน้าแบบไหนกัน ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ตัดขาดจากสิ่งมืดมิดชั่วร้ายนี้แล้วก้าวเข้าสู่ทางสว่างเถอะ ข้าเห็นแก่ที่เจ้าได้ปกป้องข้าเอาไว้และคอยรับมีดและดาบแทนข้า ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีเลย”
เด็กหนุ่มแทบไม่หันมามองกู้ชูหน่วนเลยด้วยซ้ำ แต่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
จู่ๆ เจียงซวี่ก็หัวเราะขึ้นมา “ทายถูกแล้วจะทำไม ข้าก็แค่อยากเห็นเข้าทนทุกข์ทรมาน เขาเป็นคนดีมากไม่ใช่หรือ? ข้าก็อยากจะเห็นว่าเขาจะฆ่าเจ้าหรือไม่เพื่อเขาจะได้มีชีวิตรอด”
“ข้าจะทายดูอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้านำกองกำลังผู้มีความสามารถสูงจำนวนมากเช่นนี้ออกมาปฏิบัติภารกิจ”
“โอ๊ะ……เจ้าเห็นหรือ?”
“เพราะเจ้าหยิ่งผยองและมีความมั่นใจเกินไป อีกทั้งยังหน้าซื่อใจคดอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเจ้าคือข้า แต่เจ้ากลับไม่ลงมือทำอะไรข้าเลย แต่กลับบีบบังคับให้คนที่บาดเจ็บสาหัสมาฆ่าข้า คนตาดีทุกคนใครๆ ก็ดูออก”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้มีความสามารถสูงชุดดำหลายคนที่มีหน้ากากหัวกะโหลกก็มองไปที่เจียงซวี่ โดยเฉพาะผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ข้างๆ เจียงซวี่
ผู้อาวุโสสองคนนั้นลมหายใจแผ่วเบา ดูสง่าน่าเกรงขามและพวกเขาดูเหมือนเป็นปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้
สีหน้าของเจียงซวี่เปลี่ยนไป “เจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน เขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ข้าเพียงแค่จัดการคนทรยศแทนหัวหน้าเผ่าก็เท่านั้น”
“โอ๊ะ……จัดการเขาต่อหน้าคนนอกอย่างข้าอย่างนั้นหรือ?”
“สารเลว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครที่กล้ามาซักถามข้า มัวยืนทำอะไรกันอยู่ รีบเข้ามาตัดแขนตัดขาของนางสิ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและไม่ยอมลงมืออยู่เป็นเวลานาน แต่กลับพูดคำพูดหนึ่งที่ทำให้เจียงซวี่รู้สึกโกรธ
“ท่านหัวหน้าเผ่าบอกเพียงแค่ต้องการระฆังวิญญาณสะบั้นเท่านั้น แต่กลับไม่……ไม่ได้บอกว่าต้องการชีวิตของนาง”
“ส่งคนมาที่นี่ จัดการไอ้คนทรยศคนนี้ไปพร้อมกันเลย”
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นโรยผงพิษออกไป จากนั้นดึงมือของเซี่ยวอวี่เซวียนและเด็กหนุ่ม “ไปกันเถอะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนรีบพูดขึ้นมา “บนหลังคายังมีนักยิงธนูอยู่เลย”
“ถูกข้าจัดการไปตั้งนานแล้ว”
“พระเจ้า เจ้าจัดการมันตั้งแต่เมื่อไร ทำไมข้าถึงไม่รู้เลย”
เซี่ยวอวี่เซวียนรีบวิ่งตามนางไปอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มกลับไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพยายามฉุดกระชากลากยังไงก็ตามแต่
“มัวทำอะไรอยู่น่ะ ยังไม่รีบหนีอีก”
“พวกเจ้าหนีไปเถอะ” เด็กหนุ่มสะบัดแขนออกจากมือของนางเบาๆ แต่กลับถูกกู้ชูหน่วนบีบไว้แน่น
“หากเจ้ายังอยู่ต่อ พวกเขาต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่”
“นั่นก็เป็นชีวิตของข้า” เด็กหนุ่มไม่ต้องการเป็นภาระให้กับพวกเขาและใช้มืออีกข้างหนึ่งปัดมือของกู้ชูหน่วนออก
นักรบผู้มากฝีมือตัดสินใจลงมือ กู้ชูหน่วนถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าเผ่าปีศาจอีกครั้งจากความลังเลเสียเวลาในครั้งนี้
“หนี? จะหนีไปทางไหน?” เจียงซวี่และคนอื่นต่างพากันมาปิดล้อมทางเดินของพวกเขาหมดแล้ว
ในใจเหมือนคลื่นที่โหมกระหน่ำ
พวกเขามีนักรบผู้มากฝีมือยืนอยู่ตรงนี้เป็นจำนวนมาก นักยิงธนูที่อยู่บนหลังคาถูกจัดการไปตั้งแต่เมื่อไร พวกเขากลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เด็กผู้หญิงคนนี้มีความสามารถมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
กู้ชูหน่วนถอนหายใจราวกับยอมรับกับโชคชะตา “ดูเหมือนว่าข้าจะดวงไม่ดีเอาซะเลย”