กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 148
“ตกลง ห้าสิบล้านตำลึงก็ห้าสิบล้านตำลึง” พระพันปีพูดออกมาด้วยความสั่นสะท้าน เมื่อยกมือขึ้นก็มีคนนำหีบตั๋วเงินและเครื่องประดับมาวางตรงหน้าของกู้ชูหน่วนทันที
“ตั๋วเงินจำนวนนี้รวมไปถึงของสะสมโบราณและเครื่องประดับมีมูลค่ามากกว่าเงินห้าสิบล้านตำลึง คุณหนูสามสามารถตรวจนับดูก่อนได้”
เป็นที่รู้กันทุกคน
ว่าพระพันปีไม่มีเงินแล้ว
ถึงได้นำของสะสมโบราณและเครื่องประดับออกมาทั้งหมด
กู้ชูหน่วนเปิดกล่องหีบออกมาหนึ่งหีบภายในเต็มไปด้วยไข่มุก พลอยไพฑูรย์และอัญมณีโมรา รวมไปถึงไข่มุกราตรีที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่เป็ดจำนวนหนึ่ง
กู้ชูหน่วนเปิดออกมาทีละหีบๆ และค่อยๆ นับ แต่ละหีบล้วนเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
“ซู่ว……”
ทุกคนต่างจ้องมองตาเป็นมันวาว
แต่พระพันปีและองค์หญิงตังตังแทบกระอักเลือด แทบอดไม่ได้ที่จะสับกู้ชูหน่วนให้ละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เพื่อระบายความโกรธแค้น
รับเงินไปก็ว่าหนักแล้ว แต่กลับตรวจสอบของทั้งหมดต่อหน้าพวกเขาทีละหีบๆ นี่แสดงถึงความไม่เชื่อใจพวกเขาใช่หรือไม่?
องค์หญิงตังตังร้อนรนกระวนกระวายใจและอยากให้พระพันปีคืนคำพูดนั้น แต่ก็กลัวว่าจะถูกพระพันปีตบหน้าเข้าอีกครั้ง
แม้แต่เซี่ยวอวี่เซวียนก็ทนดูไม่ได้ เขาเดินเข้าไปและพูดกระซิบว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ พอได้แล้ว สีหน้าของพระพันปีดูแย่มากแล้ว”
“ยื่นหมูยื่นแมว แลกเปลี่ยนของซึ่งกันและกัน หากไม่ทำการนับให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วเกิดขาดหายไปละก็ ถึงตอนนั้นข้าจะไปร้องทุกข์กับใครล่ะ” นางพูดออกมาอย่างจริงจัง ทุกคนต่างพากันเหงื่อตก
ตายแน่ๆ
ความขัดแย้งระหว่างกู้ชูหน่วนและพระพันปีจะต้องบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เป็นเวลานานกว่าที่กู้ชูหน่วนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดคำที่พระพันปีได้แต่กัดฟันกรอด “ของเหล่านี้ก็พอจะมีมูลค่าเป็นจำนวนเงินห้าสิบล้านตำลึงได้ แต่ของเหล่านี้ยังต้องนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตำลึงมา พระพันปีได้โปรดกรุณามอบให้หม่อมฉันเป็นตั๋วเงินถึงจะถูกต้องเพคะ”
“……”
หากพระนางมีเงิน เช่นนั้นแล้วก็คงไม่ใช้วิธีการรวบรวมเครื่องประดับไข่มุกจำนวนมากนี้ให้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องการหรอก เพื่อมอบให้กับนางหรอก?
องค์หญิงตังตังพูดออกมาด้วยความโมโห “กู้ชูหน่วน เจ้าอย่ามากเกินไปนักนะ”
“องค์หญิงพูดเช่นนี้ หม่อมฉันทำเกินไปตรงไหนหรือเพคะ หากพวกท่านไม่ต้องการมอบเงินเหล่านี้ให้กับหม่อมฉัน เช่นนั้นก็ไม่ต้องแลกเพคะ ถึงอย่างไรเสีย หม่อมฉันก็รู้สึกถูกชะตากับหยกจันทร์เสี้ยวชิ้นนั้นอย่างมากเช่นกัน”
“เจ้า……”
พระพันปีส่งสัญญาณให้องค์หญิงตังตังหุบปาก และพระนางเองก็ฝืนยิ้มออกมา “คุณหนูสาม ในเมื่อตอนนี้ก็ตรวจนับตั๋วเงินไปครบแล้ว เช่นนั้นแล้วหยกจันทร์เสี้ยวก็ควรมอบให้กับพวกข้าได้แล้วสิ”
“ไม่มีปัญหาเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันอยากจะถามอีกสักอย่าง พระพันปีจำเป็นต้องแลกหยกจันทร์เสี้ยวกับหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ?”
พระพันปีถอนหายใจ
คำพูดนี้ของนางหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือว่านางจะไม่แลกแล้วอย่างนั้นหรือ?
“แน่นอนสิ”
“สัญญาว่าจะไม่เสียใจภายหลังหรือไม่เพคะ?”
พระพันปีเลิกคิ้วและคาดเดาว่านางหมายความว่าอย่างไร “แน่นอนว่าข้าจะไม่เสียดาย คุณหนูสามยังมีเรื่องข้องใจตรงไหนอีกหรือไหม?”
“ไม่มีเพคะ หม่อมฉันก็แค่กลัวว่าพระพันปีจะเสียใจภายหลัง แต่ในเมื่อพระพันปีจะไม่เสียใจภายหลังแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็คลายความกังวลเพคะ”
กู้ชูหน่วนใช้กระแสจิตของนางเพื่อเคลื่อนไหววงแหวนอวกาศ และใส่กล่องหีบเครื่องประดับสมบัติทั้งหลายรวมไปถึงเงินตำลึงเข้าไปในวงแหวนอวกาศ
ทุกคนต่างตกตะลึง “วงแหวนอวกาศ นางมีวงแหวนอวกาศได้อย่างไรกัน”
“พระเจ้า ใช่วงแหวนอวกาศจริงๆ ด้วย ข้าสาบานได้ว่าวงแหวนอวกาศของนางมีเนื้อที่มากกว่าห้าสิบตารางเมตร”
“วงแหวนอวกาศไม่มีขายไม่ใช่หรือ นางซื้อมาจากที่ไหนกัน? หรือว่าเทพแห่งสงครามมอบให้นางกันนะ?”
ทุกคนต่างพากันอิจฉากู้ชูหน่วน
หยกจันทร์เสี้ยวชิ้นหนึ่ง กลับทำเงินได้ถึงหนึ่งร้อยล้านตำลึง เงินเกือบครึ่งของท้องพระคลังคงมาอยู่ที่นางหมดแล้วสินะ
“ในเมื่อเจ้ารับเงินไปแล้ว เช่นนั้นก็มอบหยกจันทร์เสี้ยวให้กับข้าได้แล้วสิ” พระพันปีทำทีท่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ในใจนั้นเกลียดแค้นกู้ชูหน่วนยิ่งนัก
กู้ชูหน่วนหาอยู่นานในอ้อมอก ในที่สุดก็หาเจอกล่องหนึ่ง “ให้พระพันปีเพคะ”
องค์หญิงตังตังรับเอาไป เมื่อเปิดออก หยกจันทร์เสี้ยวที่อยู่ข้างในแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ แตกที่ขั้นที่ไม่สามารถประกอบให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้
สีหน้าของนางเปลี่ยนไป “ทำไมหยกจันทร์เสี้ยวถึงแตกได้ กู้ชูหน่วน เจ้าทำอะไรลงไป?”
พระพันปีสั่นสะท้านและทรุดตัวลง มองดูหยกจันทร์เสี้ยวที่แตกละเอียดด้วยสีหน้าซีดขาว “ทำไม…ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…หยกจันทร์เสี้ยวแตกได้อย่างไรกัน?”