กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 153
กู้ชูหน่วนแบ่งเม็ดยาออกเป็นสองส่วน และกินลงไปครึ่งเม็ด จากนั้นก็บดอีกครึ่งหนึ่งทาลงบนใบหน้า
นางส่องกระจกและเห็นตุ่มหนองบนใบหน้าค่อย ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะไม่น่ารังเกียจแล้ว และผิวก็เรียบเนียนขึ้นมาก
เหลือเพียงรอยแผลอันน่ากลัวที่ตัดขวางกันไปมาเหมือนเนินเล็ก ๆ เท่านั้น
หากรอยแผลเป็นเหล่านี้ไม่หายไป ใบหน้าของนางก็คงจะดูน่ากลัวและน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น
“ดูเหมือนว่าต้องหาหญ้านรกให้พบโดยเร็ว”
กู้ชูหน่วนผลักประตูอย่างหงุดหงิดและสูดอากาศบริสุทธิ์
เดิมทีนางมีความหวังเพียงเล็กน้อยว่าการใช้สมุนไพรน้อยลงจะไม่เป็นอันตราย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะคิดในแง่ดีมากเกินไป
“แม่สาวอัปลักษณ์ ในที่สุดก็เจอเจ้าแล้ว เจ้ามาหลบทำอะไรอยู่ตรงนี่?ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องกลับไปที่จวนหานอ๋องแล้ว หากเทพแห่งสงครามตัดขาของเจ้าจริง ๆ จะทำอย่างไร?”
เขากล้าตัดหรือ?
เว้นแต่ว่าเขาไม่อยากจะถอนพิษแล้ว
กู้ชูหน่วนยืดตัวอย่างเกียจคร้านและพูดเบา ๆ “เย็นมากแล้ว เจ้าบาดเจ็บอยู่ ทำไมถึงยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก?”
“ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเจ้าหรือ ผู้หญิงเช่นเจ้าไม่น่าไว้ใจ
กู้ชูหน่วนจับไหล่ของเขาและหัวเราะแหะ ๆ “เจ้ากลัวว่าข้าจะกลับไปไม่ทันก่อนมืด แล้วจะถูกเยี่ยจิ่งหานตัดขาทั้งสองข้าง หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะเจอกับมือสังหาร หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะไปที่หอไร้กังวล แล้วไม่พาเจ้าไปด้วย?”
เซี่ยวอวี่เซวียนผลักมือของนางออก
สองประโยคแรกคล้ายกัน แต่ประโยคหลังคืออะไร?
“ข้าจะไปส่ง กลับไปพร้อมกันเถอะ”
“จะรีบร้อนอะไรนักหนา คืนนี้หัวหน้าสำนักศึกษานัดเจอกับเยี่ยเฟิงที่ห้องเก็บตำราไม่ใช่หรือ?ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยกันเสร็จแล้วหรือไม่ เราไปประสมโรงกันเถอะ”
“เจ้ายังจะไปอีกหรือ เจ้าไม่กลัวว่าหากเทพแห่งสงครามโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วตัดขาของเจ้าหรือ”
“ตอนนี้ยังไม่ตัดไม่ใช่หรือ?ไปกันเถอะ”
กู้ชูหน่วนคว้าคอเสื้อของเขาแล้วลากไปที่ห้องเก็บตำรา
เซี่ยวอวี่เซวียนขัดขืน
เขาเป็นชายร่างใหญ่ แต่ถูกหญิงผู้หนึ่งจับคอเสื้อแล้วลากออกไป?
ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเสียงระฆังในสำนักศึกษาก็ดังตึงตึงตึง
เซี่ยวอวี่เซวียนใบหน้าถอดสี และมองไปทางระฆังด้วยความตกใจ
กู้ชูหน่วนปล่อยมือและถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ?”
“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่สำนักศึกษา และมีคนตาย?”
“มีคนตาย?”
“ระฆังไม่เคยถูกตีง่าย ๆ และตีหกครั้งติดต่อกันแสดงว่าสำนักศึกษาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน หากตีเจ็ดครั้งแสดงว่าท่านอาจารย์หรือหัวหน้าสำนักศึกษาถึงแก่กรรมแล้ว เมื่อครู่เสียงระฆังดังขึ้นเจ็ดครั้ง น่าแปลก ไม่ว่าจะเป็นท่านอาจารย์หรือหัวหน้าสำนักศึกษา พวกเขาก็ล้วนแต่แข็งแรงดี และอีกอย่างวรยุทธของพวกเขาก็สูงส่งที่สุดในสำนักศึกษา พวกเขาจะตายได้อย่างไร?”
เซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนมองหน้ากัน
พวกเขาเดาความเป็นไปได้ที่จะถูกฆ่าตายอยู่อย่างหนึ่ง
ทั้งสองวิ่งไปตามเสียงระฆัง
ผู้คนในสำนักศึกษาต่างตระหนกตกใจ และคนไม่น้อยก็ตื่นตระหนก
กู้ชูหน่วนดึงคนผู้หนึ่งมาถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“หัวหน้าสำนักศึกษาถูกฆ่าตาย”
“อะไรนะ……หัวหน้าสำนักศึกษาถูกฆ่าตาย?” เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย และยังมอบไข่มุกเหวินหยวนให้แก่เยี่ยเฟิงด้วย
เซี่ยวอวี่เซวียนรีบถามว่า “ใครคือฆาตกร”
“เยี่ยเฟิง เป็นเยี่ยเฟิงที่ฆ่าหัวหน้าสำนักศึกษา”
“พูดไร้สาระอะไร เยี่ยเฟิงจะฆ่าหัวหน้าสำนักศึกษาได้อย่างไร”
“จริง ๆ มีคนเห็นเยี่ยเฟิงออกมาจากหอเก็บตำรา”
กู้ชูหน่วนปล่อยเขาแล้ววิ่งไปที่ห้องเก็บตำราด้วยตัวเอง
ห้องเก็บตำรามีอาจารย์อยู่ไม่น้อย
ประกอบไปด้วยอาจารย์ซั่งกวน อาจารย์สวี อาจารย์หรง และอาจารย์หลายคนที่นางคุ้นเคยแต่ไม่รู้จักชื่อ รวมไปถึงนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่พักค้างคืนอยู่ที่สำนักศึกษา