กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 157
มุมปากของเยี่ยเฟิงเคลื่อนไหวเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาดูเจื่อนๆ จากนั้นกล่าวขึ้นว่า“ข้าคิดว่าที่หัวหน้าสำนักศึกษาต้องการพบข้านั้น เพราะมีเรื่องอะไรที่สำคัญ เพราะฉะนั้นข้าเลยวกกลับมา”
คำพูดนี้ใครก็ไม่เชื่อหรอก
ไม่มีความสามารถเกินไปแล้ว
หากเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เหตุใดตอนนั้นถึงได้ออกทางหน้าต่าง?
เขาไม่ออกทางประตูแบบปกติ แต่ทว่ากลับปีนหน้าต่าง ชัดเจนว่าเวลานั้นจะต้องเกิดเรื่องเร่งด่วนอะไรอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะเข้าออกทางประตูปกติ
“กรุณาตอบคำถามเมื่อครู่ด้วย เหตุใดเจ้าถึงไม่ออกประตูหลัก ถึงได้ไปปีนหน้าต่าง?”ผู้อาวุโสกล่าว
เซี่ยวอวี่เซวียนมองคนหมู่มาก กล่าวด้วยความมั่นใจขึ้นว่า“เยี่ยเฟิง เจ้าบอกพวกเขาสิ เหตุใดถึงไม่ไปทางประตูหลัก”
เซี่ยวอวี่เฟิงคิดว่าเยี่ยเฟิงจะต้องตอบกลับทันที แต่ทว่าสิ่งที่ตอบกลับเขาคือความเงียบ
ใจเขากระตุกวูบอยู่ครู่หนึ่ง หันกลับไปมองเยี่ยเฟิง แล้วกล่าวว่า“เจ้านี่เข้าใจยากพูดน้อย ทำให้ข้าวุ่นวายใจเสียจริง เจ้ารีบบอกเหตุผลที่ปีนหน้าต่างกับพวกเขาเสีย”
“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่ปีนหน้าต่างรวดเร็ว”
“……”
ทุกคนเงียบกริบ นี่นับว่าเป็นเหตุผลอะไรกันหรือ?
เขาหาข้ออ้างไม่ได้สินะ
เพียงแค่ประโยคเดียว ทุกคนยิ่งคิดว่าเขาเป็นมือสังหาร
อาจารย์หรงกล่าวซักถามว่า“หลังจากที่เจ้าออกจากหอเก็บสะสมตำราแล้ว เจ้าไปที่แห่งใด?แล้วเจ้าทำสิ่งใด?”
“เยี่ยเฟิง เจ้าบอกพวกเขาสิ ไม่ว่าเจ้าจะพูดสิ่งใดข้าก็เชื่อเจ้า”เซี่ยวอวี่เซวียนกวักมือ เพื่อแสดงท่าทางให้เขาตอบคำถาม
แต่ทว่าเขากลับได้พบความผิดหวังอีกครั้ง เพราะว่าเยี่ยเฟิงไม่พูดเลย
เซี่ยวอวี่เซวียนกระทืบเท้า กล่าวขึ้นว่า“เจ้ามีเรื่องน้ำท่วมปากพูดยาก เจ้าพูดมันออกมาก็จบแล้วไหม?หากเจ้าไม่พูด จะยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเองได้อย่างไรกัน”
“ข้าไม่ทีอะไรที่จะพูด”
โว้ย
เยี่ยเฟิงยังไม่รีบร้อนใจเลย แล้วเขามารีบร้อนใจอะไรอยู่ที่นี่
ทุกคนต่างมองไปทางเยี่ยเฟิง และต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์จนแทบจะถลกกลืนกินแล้ว
”ข้าว่าเขาสังหารหัวหน้าสำนักศึกษา คนผู้นี้มีแผนการ”
“จิตใจอำมหิตเหี้ยมโหด หัวหน้าสำนักศึกษาดีกับเขาขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลงมือ อยากจะควักหัวใจของเขาออกมาเสียจริงว่ามันดำหรือไม่”
“ท่านอาจารย์ สังหารเขาเสีย ก็นับว่าได้แก้แค้นให้หัวหน้าสำนักศึกษาแล้ว”
“สังหารเขาก็ดูถูกเขาไปแล้ว ข้าอยากจะดู การทรมานลงโทษเขาสิบแปดอย่างก่อน จากนั้นค่อยประหารชีวิตด้วยการตัดชิ้นส่วนมือและเท้า”
“สังหารเขา สังหารเขา สังหารเขา”
ส่วนสำนักศึกษาวังหลวง ฝูงคนต่างโกรธเดือดดาล อานุภาพรุนแรงมาก นอกจากกู้ชูหน่วนกับเซี่ยวอวี่เซวียนที่ยืนข้างเยี่ยเฟิงแล้ว คนอื่นต่างแทบต้องการสังหารจัดการเขาทันที
เยี่ยเฟิงหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดใจ มือทั้งสองข้างกำแน่นขนัด ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับฉากนี้แล้ว แต่หัวใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความเศร้าและความสิ้นหวังอย่างไม่มีสิ้นสุด
“ทหาร จับเขาไว้”
เยี่ยเฟิงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างหนักแน่นว่า“ข้าไม่ได้สังหารหัวหน้าสำนักศึกษา พวกท่านสามารถกักบริเวณข้า สามารถสังหารข้า แต่จะต้องให้เวลาข้า ข้ายังมีบางเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จ”
“ให้เวลาเจ้าหนีนะหรือ?อย่าแม้แต่จะคิดเลย เอาตัวไป”อาจารย์หรงกล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาล
หัวหน้าสำนักศึกษาเป็นคนจิตใจดี คนที่สำนักศึกษาจำนวนไม่น้อยได้รับการโปรดปรานใส่ใจจากเขา ดังนั้นเมื่อหัวหน้าสำนักศึกษาถูกสังหาร จิตใจอารมณ์ของทุกคนที่สำนักศึกษาล้วนตื่นตระหนกวู่วาม
กู้ชูหน่วนรู้ พูดมากกไร้ประโยชน์ หากมือสังหารตัวจริงออกมาจะดีกว่า
นางเข้าใกล้เยี่ยเฟิง ส่งแววตาที่สงบจิตสงบใจให้เขา กล่าวขึ้นว่า“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่วางใจเป็นห่วงท่านยายของเจ้า ข้าจะดูแลนางแทนเจ้า และจะคืนความบริสุทธิ์ใจแก่เจ้าในช่วงสั้นๆนี้ เจ้าอดทนหน่อยนะ”
นัยน์ตาของเยี่ยเฟิงมีความแปลกประหลาดใจแฉลบผ่าน
“เจ้าสะกดรอยตามข้าหรือ?”
“ไม่นับว่าสะกดรอยตาม บังเอิญเห็นพอดี”
อาจารย์หรงและคนอื่นๆไม่ได้ให้เวลาพวกเขาคุยกันมากนัก ตอนนี้ได้สั่งคนพาเยี่ยเฟิงไปแล้ว
อาจารย์สวีโมโหมาก กล่าวขึ้นว่า“เสี่ยวหน่วน คนรู้หน้าไม่รู้ใจ เยี่ยเฟิงไม่ใช่คนดีอะไร เจ้าอย่าให้เขาหลอกได้ล่ะ”