กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 184
หลี่เหิงยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงโครมโครมกระแทกพื้นอย่างแรง
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องเหมือนหมู
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ของเขาถูกกู้ชูหน่วนโยนออกไป และแต่ละคนก็กอดขาร้องโอดโอย
นี่……
นางทำได้อย่างไร?
พี่ ๆ น้อง ๆ ของเขาล้วนแต่มีวรยุทธในการป้องกันตัว
กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว นางยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าจะออกไปเอง หรือว่าจะให้ข้าโยนเจ้าออกไป?”
หลี่เหิงกลืนน้ำลาย “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้าเป็นผู้สืบสกุลของจวนกั๋วกง…..อ่า……”
หลี่เหิงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกกู้ชูหน่วนโยนออกไปทางหน้าต่างเหมือนไก่ ร่างของเขากระแทกกับพื้น เขาหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว กู้ชูหน่วน เจ้ามันเป็นหญิงชั่วช้า ข้า……”
“เพียะเพียะเพียะเพียะ…”
กู้ชูหน่วนตบเขาหลายสิบครั้งในลมหายใจเดียว และใบหน้าของหลี่เหิงก็ดูงุนงง
“น้องสาม นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ สำนักศึกษาห้ามทำการต่อสู้ เจ้าทำเช่นนี้อาจจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษา เหล่าท่านอาจารย์ น้องสามไม่ได้ตั้งใจจะลงมือหนักเช่นนี้ เหล่าท่านอาจารย์ได้โปรดให้โอกาสน้องสามได้แก้ตัวด้วยขอรับ”
ไม่รู้ว่ากู้ชูอวิ๋นมาถึงตั้งแต่เมื่อไร นางดูเหมือนพระแม่มารีที่มีบรรดาอาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสตามหลังมา
“เจ้าทำอะไร?” อาจารย์ฉางตะโกน
เขาสอนขี่ม้าและยิงธนู เขาลาพักร้อนเมื่อหลายวันก่อน จึงไม่ได้มาสอนที่สำนักศึกษา ไม่คิดว่าเมื่อกลับมา หัวหน้าสำนักศึกษาและอาจารย์หรงจะถูกฆ่าตายแล้ว
เดิมทีเขาก็โกรธอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนลงมือกับเพื่อนร่วมชั้นเช่นนี้ เขาก็โกรธมากยิ่งขึ้น
กู้ชูหน่วนปล่อยหลี่เหิง นางกวาดสายตามองเหล่าอาจารย์อย่างเยือกเย็น และในที่สุดก็มองไปที่กู้ชูอวิ๋น
ดอกบัวสีขาวอันงดงาม
ภายนอกช่วยร้องขอความเมตตาแทนนาง แต่ความจริงแล้วหยิบยกความผิดของนางขึ้นมาตำหนิอีกรอบ และยังพาเหล่าอาจารย์มากมายมาที่นี่อีก
ช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีของนางจริง ๆ
เมื่อถูกกู้ชูหน่วนจ้องมอง กู้ชูอวิ๋นก็รู้สึกหวาดกลัว
นัยน์ตาของนางเยือกเย็นชายิ่งกว่าคมมีด ราวกับว่าสามารถมองทะลุผ่านตัวนางและสามารถครอบงำนางได้
หลี่เหิงล้มลุกคลุกคลานและวิ่งไปหาอาจารย์ฉาง เขาร้องทุกข์ด้วยน้ำตานองหน้า “ท่านอาจารย์ ท่านต้องจัดการให้ข้านะ กู้ชูหน่วนลงมือกับข้าอย่างไร้เหตุผล และมือของข้าก็ถูกตีจนเคลื่อน ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
ใบหน้าของเขาบวมเปล่ง หากไม่ได้ยินเสียงของเขาก็คงไม่มีใครจำได้ว่าป็นหลี่เหิง
อาจารย์ฉางโกรธมาก “ที่แท้เจ้าคือกู้ชูหน่วน ทำไมเจ้าถึงต้องลงมือหนักเช่นนี้?”
กู้ชูหน่วนสะบัดมือที่ตัวเองลงมือด้วยท่าทางเฉื่อยชา “เพราะปากของเขามันต่ำช้าเกินไป วอนหาเรื่อง”
อาจารย์ฉางไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน เขาไม่คิดว่านักเรียนใหม่ของสำนักศึกษาจะห้าวหาญมากเช่นนี้ ต่อหน้าอาจารย์ก็ยังกล้ากำเริบเสิบสานมากขนาดนี้
“เป็นนักเรียนที่จิตใจโหดเหี้ยมและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ทำไมถึงมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสำนักศึกษา ท่านผู้อาวุโส ข้าขอให้ท่านไล่กู้ชูหน่วนออกจากสำนักศึกษาหลวง”
อาจารย์สวีรีบยกแขนเสื้อของเขาและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่ได้นะขอรับ นางไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ชนะการชุมนุมแข่งขันวิชาการ แต่ฝ่าบาทยังส่งให้นางมาเรียนที่สำนักศึกษาด้วยพระองค์เอง ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ไม่สามารถไล่นางออกไป อีกอย่าง……นางก็เป็นคู่หมั้นของเทพแห่งสงคราม หากไล่นางออกไป จะกราบทูลกับฝ่าบาทและเทพแห่งสงครามว่าอย่างไร”
“แต่นาง……”
อาจารย์สวีขยิบตา
หลังจากที่พิจารณาถึงผลที่ตามมาแล้ว อาจารย์ฉางก็ทำได้เพียงยกเลิก แต่ก็ต้องรักษาท่าทีที่สูงส่งของอาจารย์ไว้และสั่งว่า
“รีบขอโทษหลี่เหิงและคนอื่น ๆ เดี๋ยวนี้ เพียงแค่เจ้านอบน้อมด้วยความจริงใจและสาบานว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก บางทีข้าอาจจะลงโทษเจ้าสถานเบา”
กู้ชูหน่วนลูบผมที่ลมพัดจนยุ่งเหยิง ราวกับว่านางได้ยินเรื่องตลก นัยน์ตาของนางมีรอยยิ้ม และชี้ไปที่หลี่เหิงอย่างเย่อหยิ่ง “ให้ข้าขอโทษเขา?ท่านอาจารย์ เกรงว่าท่านจะพูดสลับกันแล้ว”