กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 189
เยี่ยเฟิงสีหน้าเปลี่ยน ร่างกายสั่นเทิ้ม กล่าวขึ้นว่า“เช่นนั้นท่านยายล่ะ ถูกจับแล้วหรือ?”
“น่าจะ….ยังนะ….”
“โว้ย….”
การเคลื่อนไหวของเยี่ยเฟิงรวดเร็วมาก ชั่วพริบตาเดียวสามารถหายไปได้
หากไม่ใช่ผู้มากฝีมือของสำนักศึกษาล้อมเขาไว้ เกรงว่าเขาจะหายไปจากระดับสายตาเลยทีเดียว
ผู้อาวุโสเฉินสะบัดมือ กล่าวขึ้นว่า“ให้เขาไปเถิด”
ผู้มีฝีมือสูงของสำนักศึกษาถอย ชั่วพริบตาเดียวเยี่ยเฟิงก็หายตัวไป
อาจารย์ฉางไม่พอใจจึงเริ่มบ่นพึมพำ
กู้ชูหน่วนสีหน้าอึมครึม กวักมือกล่าวว่า“เสี่ยวเซวียนเซวียน พวกเราไปดูที่หมู่บ้านเสี่ยวเหอกัน”
พูดจบไม่รอให้เหล่าอาจารย์ตอบตกลง ก็ได้วิ่งออกจากสำนักศึกษากันเสียแล้ว
“ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เคารพอาจารย์เลย ผู้อาวุโส นักเรียนดื้อหัวแข็งเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรจะต้องไล่ออก”
“ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันเถิด “ผู้อาวุโสเฉินก็ไม่เสียเวลาพูดมากกับอาจารย์ฉาง ภายในใจคาดเดาอยู่ตลอดว่าเพราะเหตุใดเยี่ยเฟิงถึงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างนั้น
หมู่บ้านเสี่ยวเหอ
ตอนที่กู้ชูหน่วนทั้งสามคนมาถึง ใต้เท้าม่อได้สั่งคนมาจับท่านยายเยี่ยแล้ว ผู้ใหญ่บ้านและอาณาประชาราษฎร์ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยได้คุกเข่าลงอ้อนวอน แต่ทว่ากลับถูกใต้เท้าม่อถีบออก
เยี่ยเฟิงเขย่งเท้าเล็กน้อย ประคองผู้ใหญ่บ้านที่ถูกถีบไว้ และมองใต้เท้าม่อด้วยแววตาเย็นชา
ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งตะโกนกล่าวร้องเสียงสนั่น
“คือเยี่ยเฟิง เขาคือเยี่ยเฟิง”
“อะไรนะ เจ้าคือเยี่ยเฟิงหรือ?เจ้าสังหารหัวหน้าสำนักศึกษาหรือ?ทหารจับเขาไว้”
ฉิ่งๆๆๆ…..
พอใต้เท้าม่อออกคำสั่ง ทุกคนต่างทยอยชักกริชดาบออกมา
ตอนที่ยังไม่ได้ขว้างออกไป กลับมีตราคำสั่งจักรพรรดิปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ใต้เท้าม่อตัวสั่นเทิ้ม กล่าวพึมพำขึ้นว่า“จักรพรรดิ…..คำสั่งจักรพรรดิ…..แผ่นป้ายตราคำสั่งที่อดีตจักรพรรดิทิ้งไว้……”
นี่…….
“องค์จักรพรรดิของกระหม่อม ทรงพระเจริญ อายุหมื่นปีหมื่นหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”ใต้เท้าม่อขาไร้เรี่ยวแรง คุกเข่ากล่าวขึ้นมา
ริมฝีปากอมชมพูของกู้ชูหน่วนกระตุกขึ้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า“ไสหัวไป”
ใต้เท้าม่ออยากจะกล่าวพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเห็นสีหน้าอึมครึมของกู้ชูหน่วน และมีตราคำสั่งของจักรพรรดิที่ตัว เลยทำได้เพียงปล่อยท่านยายเยี่ย จากนั้นพาลูกน้องออกไปอย่างรวดเร็ว
“เฟิงเอ๋อร์……”ท่านยายเยี่ยควานหาเยี่ยเฟิง
“ท่านยาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“ไม่เลย ข้าดวงแข็ง ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก แม่นางกู้ ขอบใจอย่างมาก ขอบใจที่ช่วยข้าอีกครั้งแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อย”
เหล่าชาวบ้านอาณาประชาราษฎร์ของหมู่บ้านเสี่ยวเหอต่างชะงักงัน
ชะงักงันตื่นตะลึงที่บนมือของกู้ชูหน่วนมีแผ่นป้ายคำสั่ง สามารถทำให้ใต้เท้าม่อยอมหนีไปได้
แล้วตื่นตะลึงมากกว่านั้นคือฐานะของเยี่ยเฟิง
เถ้าแก่ร้านบะหมี่กล่าวอย่างรีบร้อนว่า“เยี่ยเฟิง พวกเขาเล่าว่า เจ้าชนะการแข่งขันชุมนุมวิชาการเป็นลำดับที่สอง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“อืม……”เยี่ยเฟิงตอบเพียงแค่อืมอย่างแผ่วเบา
หมู่บ้านเสี่ยวเหอเสียงเจี๊ยวจ๊าวทันที แต่ละคนแทบไม่อยากจะเชื่อกันเลย
“เป็นเจ้าจริงหรือ?คนที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันชุมนุมวิชาการได้คือคนที่ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงทั่วพื้นพิภพ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้ลำดับที่สองด้วย”
“ท่านปู่ ข้าว่าแล้ว ท่านพี่เยี่ยเฟิงน่าจะเป็นเยี่ยเฟิงผู้นั้นที่ชนะการแข่งขันชุมนุมวิชาการ พวกท่านไม่ยอมเชื่อข้ากัน”เด็กน้อยผู้ชายอายุเจ็ดแปดขวบในหมู่บ้านกล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านตื่นเต้นตื้นตันใจจนไม่รู้จะพูดอะไร เดินวนไปมา ถูมือไปมา กล่าวว่า“ข้าคิดว่าเจ้าเขียนเก่ง แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะคนอัจฉริยะได้ อันดับสองของพื้นพิภพ เยี่ยเฟิง เจ้ารู้ไหมว่านี่คือความรุ่งโรจน์มีเกียรติมากแค่ไหน?เจ้าไม่ต้องกังวลกับมันไปตลอดชีวิต”