กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 202
อี้เฉินเฟยสวมชุดตาข่ายสีขาวและคลุมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ อยู่รวมกันกับคนคอยปรนนิบัติทั้งหลาย
ชุดตาข่ายวับๆแวมๆได้เผยร่างกายอันงามของเขาออกมา
ร่างกายของเขานั้นสูงเพรียวด้วยลักษณะอันโดดเด่นรวมทั้งความสง่างามโดยเนื้อแท้ แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็สามารถดึงดูดสายตาได้
กู้ชูหน่วนสวมชุดโครงกระดูกและสวมหน้ากากโครงกระดูกบนใบหน้า ในมือถือธงขนาดใหญ่ที่ปักเป็นรูปกล้วยไม้และคุมตัวคนคอยปรนนิบัติทั้งหลายเดินไปด้านหน้า
ตลอดทางนางอั้นหัวเราะอยู่ตลอด แววตาหยอกล้อคู่นั้นได้จ้องมายังตัวอี้เฉินเฟยเป็นครั้งคราว
อี้เฉินเฟยหน้าแดงระเรื่อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยเช่นนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่ถูกมองด้วยสายตาเย้ายวนเช่นนี้
เขาเป็นคุณชายสามนักปราชญ์ขงจื๊อและเป็นต้นแบบของผู้ศึกษาเล่าเรียนในใต้หล้า อี้เฉินเฟยไม่กล้านึกภาพเลยว่าหากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปผู้คนทั่วหล้าจะมองนักปราชญ์ขงจื๊อกันอย่างไร
“ผู้คอยปรนนิบัติผู้นั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางดูเหมือนว่าลักษณะจะไม่เลว”
“ใช่สิ ทุกอิริยาบถนั้นมีความสูงส่งล้ำค่า ไม่ใช่ว่าเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ของเมืองหลวงใดหรอกนะ”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันแต่ว่ากันว่าคนคอยปรนนิบัติในรอบนี้หน้าตาไม่เลวกันทั้งนั้น ผู้นำกองธงน่าจะพึงพอใจ”
ตลอดทางที่ผ่านนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่น เพียงแต่ว่ามีสายตามากมายจับจ้องมายังตัวเขา
อี้เฉินเฟยโมโหเล็กน้อยและในขณะที่กำลังจะเรียกกู้ชูหน่วนให้คิดหาวิธีการปะปนเข้าไป ก็เห็นแววตาของกู้ชูหน่วนแฝงด้วยรอยยิ้มซึ่งในใจนั้นรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
เห็นแววตาที่แฝงด้วยรอยยิ้มของนาง
จู่ๆความโกรธของอี้เฉินเฟยก็สลายไปในทันที
ช่างเถอะ
เพียงแค่นางมีความสุขเช่นไรก็ดีทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม……
นางไม่ได้หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
ความคิดยังไม่ทันจะผ่านพ้นไปสายตาของกู้ชูหน่วนก็ค่อยๆลดต่ำลงจนในที่สุดก็ลดลงมายังตรงกลางส่วนเอวของเขา
สมองของอี้เฉินเฟยดังหึ่งขึ้นทีหนึ่งแล้วรีบใช้มือปิดเอาไว้
กู้ชูหน่วนกลอกตา
มีอะไรให้น่าปิด
แต่ว่ารูปร่างของอี้เฉินเฟยนั้นช่างดูดียิ่งนัก ไม่ลงพุงเลยแม้แต่น้อย
สู้กันกับเยี่ยจิ่งหานได้
เป็นเพียงว่าคนนั้นตระหนี่เกินไป แค่มองหลายครั้งหน่อยก็ไม่ยอม
ในหอคอยเจ็ดชั้นแห่งหนึ่งของส่วนที่ลึกของหอคุมขังพญาหงส์
อี้เฉินเฟยและคนอื่นๆถูกคุมขังอยู่ในหอยคอยชั้นที่สาม ผู้คนที่ถูกขังอยู่ที่นี่เป็นผู้คอยปรนนิบัติของกองธงกล้วยไม้ทั้งสิ้น เนื่องจากกลุ่มพวกเขานี้ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าไปในหอคอยชั้นสาม
ในหอคอยได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา กู้ชูหน่วนต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงได้ไปแล้วกลับมาได้และวนกลับไป
นางกอดอกเอาไว้และพิงอยู่กับกำแพงโดยที่มุมปากบังเกิดรอยยิ้มอันชั่วร้าย ยิ้มต่อผู้คอยปรนนิบัติจำนวนมากที่รวมตัวกันพร้อมกับอี้เฉินเฟยที่ยืนอยู่อย่างเฉยเมย
“โอ้ หนุ่มหล่อ รูปร่างไม่เลวนะ”
อี้เฉินเฟยสีหน้าหมองลง
“แม่สาวน้อยเจ้ายังไม่ทำให้น่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยหรือ? ยังไม่รีบหาเสื้อผ้ามาให้ข้าอีก”
“อ้อ มัวแต่ชื่นชมรูปร่างจนลืมหาเสื้อผ้าให้ท่านเสียแล้ว แต่ว่ารูปร่างของท่านดูดีเช่นนี้แต่งตัวเช่นนี้ช่างตระการตายิ่งนัก ข้าว่าต่อไปท่านแต่งกายเช่นนี้ดีกว่าสาวๆในเมืองหลวงจะต้องหลงใหลท่านเป็นแน่”
อี้เฉินเฟยมองไปโดยรอบจากนั้นก็ดึงผ้าม่านผืนหนึ่งมาคลุมร่างไว้และปิดบังส่วนที่เผยให้เห็นได้ชัดเจนของตนเองเอาไว้แน่น
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ “ไม่มีสวัสดิการให้ได้เห็นแล้ว โอ๊ย”
“เจ้านะ”
อี้เฉินเฟยทิ่มหน้าผากของนางโดยที่ทั้งรู้สึกโกรธและรู้สึกขำ
ผู้คอยปรนนิบัติทั้งหลายหดตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อน แต่ละคนต่างหวาดกลัวกู้ชูหน่วน
แต่จากการสนทนาของพวกเขาเหล่าผู้คอยปรนนิบัติรู้สึกอยู่อย่างไม่แน่ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนของเผ่าปีศาจ
หนึ่งในนั้นกล่าววิงวอนอย่างกล้าหาญว่า “ขอร้องพวกท่านหล่ะช่วยพวกข้าด้วย”
กู้ชูหน่วนก้าวไปด้านหน้าแล้วถามว่า “พวกเจ้าถูกพวกเขาจับตัวมาทั้งนั้นเลยหรือ?”
“ใช่ พวกเขาลักพาตัวพวกข้ามา ท่านจอมยุทธทั้งสองพวกท่านสามารถช่วยพวกข้าได้หรือไม่?”