กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 223
“นายท่านท่านตื่นแล้วหรือ?” เสียงอันยินดีของฝูกวงอยู่ข้างๆหู
กู้ชูหน่วนลืมตาอย่างยากลำบากและสิ่งที่ตราตรึงในดวงตาคือแววตาที่เป็นห่วงของฝูกวง
“ที่นี่ที่ใด?”
“พวกเราตกลงมาจากยอดหน้าผาแต่โชคดีที่ถูกต้นไม้ใหญ่ตรงกลางสองสามต้นขวางเอาไว้ นายท่านท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า
“มี ไม่สบายทั้งร่างเลยโดยเฉพาะตรงหัวใจ”
“ห๊า……” ฝูกวงตกใจ
กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้นนั่ง เมื่อขยับตัวเล็กน้อยตรงเท้าก็เจ็บปวดเสียจนหน้าตาบิดเบี้ยว เมื่อมองลงไปก็พบว่าตรงน่องถูกกิ่งไม้บาดเป็นรอยแผลใหญ่เส้นหนึ่งเพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าบาดแผลถูกพันด้วยผ้าพันแผลไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ยกมือขึ้นเขกศีรษะเขาทีหนึ่ง “ใครบอกให้เจ้ากระโดดตามลงมา”
ฝูกวงก้มศีรษะลงราวกับเด็กน้อยที่กระทำความผิดและบ่นพึมพำเสียงเบาประโยคหนึ่ง “เห็นนายท่านตกลงไปข้าใจร้อนก็เลยกระโดดตามลงไปด้วย”
“……”
คำพูดนี้กู้ชูหน่วนไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรแล้ว
“ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“มีรอยขีดข่วนนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
“เยี่ยเฟิงหล่ะ”
“เยี่ยเฟิงยังสลบอยู่ ข้าน้อยได้ตรวจดูเขาแล้วก็ไม่ได้เป็นอันใด”
กล่าวเช่นนี้มีเพียงแต่นางที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่เท้า
กู้ชูหน่วนเงยหน้ามองไปรอบทิศก็พบว่าตนเองอยู่ในถ้ำอันมืดสนิท ถ้ำไม่ใหญ่นักแต่ก็มากเกินพอที่จะรองรับพวกเขาไม่กี่คนได้
กลิ่นเหล้าของเยี่ยเฟิงไม่ได้หายไปทั้งหมดโดยที่ใบหน้านั้นยังคงแดงทั้งหน้าและก็นอนสลบอยู่ข้างผนังถ้ำในเวลานี้
ดูราวกับว่าฝูกวงจะรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ในใจจึงรายงานทีละอย่าง
“นกอินทรีบินวนค้นหาไปมาอยู่ด้านนอก ข้าน้อยกลัวว่าร่องรอยจะถูกค้นพบจึงทำได้เพียงแบกนายท่านมาถึงยังถ้ำนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของเผ่าปีศาจชั่วคราว”
“ร่องรอยของคุณชายอี้นั้นข้าน้อยไม่รู้แน่ชัด แต่คุณชายอี้วรยุทธ์สูงส่งและนายท่านก็บอกว่าด้านนอกของเผ่าปีศาจน่าจะมีคนคอยให้การสนับสนุนเขา เขาไม่น่าจะเกิดเรื่องอันใด”
“ข้าน้อยดูคร่าวๆแล้วเดินเท้าจากที่นี่ออกจากเผ่าปีศาจต้องใช้เวลาประมาณสามสี่วัน กองทัพไล่ล่าของเผ่าปีศาจมากเกินไป ไม่เพียงแต่มีนกอินทรีแต่ยังมีสุนัขล่าเนื้อด้วย พวกเราหลบหนีกันได้ยาก”
กล่าวถึงสุนัขล่าเนื้อใบหน้าของฝูกวงเกิดความหนักอึ้งอยู่เล็กน้อย
กู้ชูหน่วนก็ฟังออกเป็นธรรมดา
ความหมายของฝูกวงคือแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่อยู่ชั่วคราวของพวกเขา แต่เมื่อเวลาเนิ่นนานไปพวกมันก็ยังคงตามกลิ่นได้แล้วไล่ตามมา
กู้ชูหน่วนคลำหาทั่วร่างกาย นอกจากยาห้ามเลือดขวดหนึ่งที่เหลือนั้นว่างเปล่าโดยที่ไม่มีตัวยาใดเลย
“กองทัพไล่ล่าด้านนอกจำนวนมากหรือเปล่า?”
“พวกเราไม่ได้ตกลงที่ก้นหน้าผาโดยตรงแต่ว่าตกลงบนหินที่อยู่กึ่งกลางหน้าผา เดินตามก้อนหินถึงได้เข้าในถ้ำ พวกมันค้นหากันอยู่ที่ด้านใต้จึงค้นหาพวกเราไม่พบชั่วคราว”
“ถ้ำนี้ดูเหมือนค่อนข้างจะยาว เข้าไปดูกันก่อน”
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นนางก็สังเกตเห็นว่าถ้ำนั้นลึกมากหรืออาจจะมีถ้ำสวรรค์อยู่ที่อื่น
“ข้าน้อยจะแบกนายท่านเข้าไปก่อน”
“ไม่ต้อง บาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่ได้อ่อนแอเช่นนั้น”
กู้ชูหน่วนหยิบกระบี่ของฝูกวงมาใช้เป็นไม้ค้ำยันอันเล็ก แล้วเดินกะเผลกๆไปทางถ้ำ
บาดแผลของนางลึกนักทว่าบนใบหน้าของนางไร้ซึ่งท่าทีอ่อนแอ เพียงแค่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าแบกเยี่ยเฟิง พวกเรามาท่องเที่ยวผจญภัยในถ้ำด้วยกันรอบหนึ่ง”
ฝูกวงสำลัก
นายท่านยังคงเหมือนเช่นดังเดิม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายใดก็สามารถพูดคุยอารมณ์ขันได้และกระทำโดยไร้ความตื่นตระหนก
เขาทำคบไฟด้ามหนึ่งพร้อมแบกเยี่ยเฟิงขึ้นจากนั้นเปิดทางด้านหน้า
ถ้ำนั้นมืดและชื้นซึ่งก็ไม่รู้ว่าไม่มีผู้ใดเดินผ่านมานานกี่ปีแล้ว
ที่นี่เป็นเสมือนเขาวงกต เมื่อเดินไประยะหนึ่งก็จะมีทางแยกหนึ่ง พวกเขาเจอทางแยกก็เลือกทางด้านซ้ายเป็นหนึ่งเดียวกัน
แต่หลังจากเดินมานานสองชั่วยามก็ยังวนไปมาอยู่ในเขาวงกต
“ให้ตายสิ นี่มันถ้ำอะไรกันช่างยาวเกินไปแล้วนะ”
กู้ชูหน่วนพูดแขวะ
เดิมทีเท้าของนางได้รับบาดเจ็บ รวมถึงได้เดินติดต่อกันเป็นเวลาสองชั่วยามแล้วซึ่งแผลนั้นก็ได้อ้าออกตั้งนานแล้ว
หมายเหตุ
ถ้ำสวรรค์ ถ้ำที่มีช่องขนาดใหญ่เป็นช่องว่างตรงกลางถ้ำ
ชั่วยาม หน่วยนับเวลาจีนโบราณ หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง