กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 242
ภายในห้องนอน ขาและแขนของเยี่ยเฟิงถูกจับกางออก มือและเท้าถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็ก เสื้อผ้าที่ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
เยี่ยเฟิงต่อสู้ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผล และนั่นยิ่งทำให้บาดแผลบนร่างกายเขาฉีกขาด จากนั้นเลือดสีแดงสดจึงค่อยๆ ไหลออกมา
เพียะ!
ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาเงื้อมือขึ้นตบหน้าเขาและก่นด่าอย่างมีโทสะ
“เฮอะ ต่อหน้าข้ายังแสร้งทำเป็นมีคุณธรรม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยปรนนิบัติผู้นำกองธงกล้วยไม้อย่างไร คนที่รูปลักษณ์ต่ำช้าอย่างเจ้า ที่ข้าสนใจเจ้าเช่นนี้เจ้าควรจะจุดธูปขอบคุณพระเจ้าอย่างซาบซึ้งเสียด้วยซ้ำ”
คำพูดประโยคนี้ทิ่มแทงจิตใจเยี่ยเฟิงเป็นอย่างมาก
ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเขาอย่างท่วมท้น
ทุกฉากที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกว่าตายไปยังดีเสียกว่า
ถ้าเลือกเองได้ ใครจะอยากมีชีวิตแบบนี้
“เจ้าคนต่ำช้า เป็นแค่เศษบุปผาที่ปลิดปลิวแต่ยังริอ่านมองข้าเช่นนี้ ข้าจะบอกให้ หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป ข้าจะมอบเจ้าให้เป็นรางวัลแก่ลูกน้องของข้า เจ้าชอบแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมนักไม่ใช่เหรอ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะยังยึดมั่นในคุณธรรมได้สักกี่น้ำ”
หลังจากนั้นจึงตบเขาอย่างแรงอีกหลายครั้ง
กรอด…
น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเยี่ยเฟิง ต่อให้บาดแผลบนร่างกายจะเจ็บมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่เจ็บเท่าหัวใจที่เจ็บปวดจนแหลกสลายของเขา
เมื่อเห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาคร่อมตัวลงมา เยี่ยเฟิงจึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เตรียมพร้อมยอมรับความเจ็บปวดที่จะบดขยี้จิตใจจนแหลกสลาย
ความเจ็บปวดที่คิดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่เกิดขึ้น ทันใดนั้นกลับได้ยินกรีดร้องของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ตามมาด้วยเสียงอาวุธปะทะกัน
เยี่ยเฟิงลืมตาขึ้นมาอย่างสั่นเทาและเห็นว่าฝูกวงมาถึงที่นี่แล้วตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ เขากำลังต่อสู้อยู่กับผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา
นอกจากนี้ยังมีกู้ชูหน่วนที่มีสีหน้าเย็นชา นางถอดเสื้อคลุมออกมาปกปิดร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา จากนั้นจึงช่วยปลดโซ่เหล็กที่มัดแขนขาเอาไว้
ในหัวของเยี่ยเฟิงเกิดเสียงหวีดหวิวและเขาแทบจะสิ้นสติ
ทำไมกัน…
ทำไมนางจึงต้องมาเห็นสภาพที่น่าอับอายของเขาเสมอ
“เป็นอย่างไรบ้าง ยังทนไหวหรือเปล่า” กู้ชูหน่วนประคองเขาขึ้นมา
เยี่ยเฟิงขดตัวและถอยหลังกลับไป เขากระชับอาภรณ์เพื่อปกปิดเรือนร่างของตัวเอง
เยี่ยเฟิงก้มหน้านิ่ง ใบหน้าซีดเผือด เขากัดริมฝีปากจนเลือดออก ราวกับว่ากำลังข่มกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้
เมื่อเห็นสภาพของเขา ความโกรธที่สั่งสมมานานของกู้ชูหน่วนก็ปะทุออกมา นางตะโกนสั่งอย่างเยือกเย็น “ฝูกวง ฆ่ามัน!”
“ขอรับ”
เกิดเสียงดังโครมคราม
เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้มีฝีมือ เศษหินเศษไม้ปลิวว่อน กลิ่นอายแห่งความตายอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
กู้ชูหน่วนกลัวว่าเยี่ยเฟิงจะได้รับลูกหลง ดังนั้นนางจึงประคองร่างที่สั่นเทาของเขาออกไป
เยี่ยเฟิงกัดริมฝีปากบังคับให้ตัวเองมีสติ มือหนึ่งกำเสื้อคลุมไว้แน่น ส่วนอีกมือหนึ่งจับมือของกู้ชูหน่วนไว้และออกไปจากห้องนอน
เมื่อมีเศษหินกระเด็นออกมา เขาจึงใช้ร่างกายของตัวเองบังเศษหินเหล่านั้นเอาไว้
กู้ชูหน่วนจะปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บจากเศษหินเหล่านั้นได้อย่างไร นางดึงเยี่ยเฟิงหลบไปซ้ายทีขวาทีเพื่อหลีกเลี่ยงเศษหิน จากนั้นจึงพาถอยไปยังที่ที่ปลอดภัย
“ที่นี่คือส่วนลึกของเผ่าปีศาจ ท่านรีบพาฝูกวงออกไปเสีย” เยี่ยเฟิงผลักกู้ชูหน่วนออกไปและกล่าวอย่างกังวลใจ
ถึงเขาจะไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนกับฝูกวงมาเจอกันได้อย่างไร แต่หุบเขากลืนวิญญาณก็ไม่ได้ดีไปกว่าหุบเขาพิศวิญญาณ ที่นี่เป็นถึงหนึ่งในวังของจอมมาร นอกจากนี้… เป็นไปได้มาว่าจอมมารจะอยู่ในวัง
ถ้าถูกพบเจอเข้า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความตาย
“ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีการเคลื่อนไหวมากมาย ถ้าคนของเผ่าปีศาจจะมาจริงๆ คงมานานแล้ว นอกจากนี้… มันสมควรตาย” จิตสังหารแผ่ออกมาขณะที่กู้ชูหน่วนกล่าวประโยคหลัง
เมื่อครู่นี้นางคิดจะลงมือเอง แต่ฝูกวงมาทันเวลาและชิงลงมือก่อนนาง