กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 275
“ร้อนรนอันใด รอพิธีแต่งงานผ่านไป ข้าย่อมไปช่วยนางอยู่แล้ว”
พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้
ทว่าเยี่ยเฟิงก็ไปที่หุบเขาพิศวิญญาณตัวคนเดียวเสียแล้ว
หลังพิธีแต่งงานผ่านไป ยังไปช่วยอะไรอีก เรียกว่าไปเก็บศพจะง่ายกว่า
“เยี่ยจิ่งหาน ตอนนี้ท่านจะส่งทหารไปช่วยเหลือไหม?” กู้ชูหน่วนพูดตักเตือน
เยี่ยจิ่งหานไม่อินังขังขอบต่อคำตักเตือนของนาง ยิ้มเย็นพลันกล่าวว่า “ไม่ส่ง”
“ได้ ท่านโหดมาก”
กู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง พลางก้าวเท้าออกจากห้องโถงหลัก
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจ
ไปแล้วหรือ?
ไม่เหมือนนิสัยนางเลย
ไม่รอให้พวกเขาตอบสนองทัน กู้ชูหน่วนก็ตะโกนสุดเสียงว่า “เทพสงครามเยี่ยจิ่งหานถูกสตรีรังแกในทุ่งหญ้าแห่งนี้”
โอ้……
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยต่างพากันหน้าซีดเผือด
จากนั้นประกายแสงลำหนึ่งก็แวบผ่านพวกเขา จากนั้นหินแกะสลักข้างกายกู้ชูหน่วนก็แหลกสลายจนเกิดเสียง โครก ๆ ๆ
“พระชายาไม่สบาย สติไม่ดี พูดจาเลอะเลือน พานางกลับห้อง หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ห้ามผู้ใดปล่อยนางออกมาเด็ดขาด”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองหินแกะสลักที่แหลกสลายปราดหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น
กักบริเวณนางหรือ?
กู้ชูหน่วนอย่างนางถูกกักบริเวณง่ายปานนั้นเชียว?
กู้ชูหน่วนเอาเข็มอาบยาพิษออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็ทิ่มเข้าที่ลำคอ มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องแบนราบไว้
“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าท่านควรตรึกตรองก่อนตัดสินใจนะ หาไม่แล้ว คู่หมั้นของท่านอย่างข้าจะกลายเป็นหนึ่งศพสองวิญญาณแล้วนะ”
นางเน้นคำว่าหนึ่งศพสองวิญญาณ จ้องใบหน้ามืดครึ้มที่มีความแปลกใจแวบผ่านอย่างเย็นเยียบ
ถึงแม้ความแปลกใจแค่วาบผ่าน ทว่านางก็สังเกตเห็น
“ตลกสิ้นดี ข้ากับเจ้ายังไม่ได้แต่งงานกัน ไหนเลยจะมีบุตร”
กู้ชูหน่วนหัวเราะ ทว่าไม่ตอบ แค่ใช้สายตาเย้ยหยันจ้องเยี่ยจิ่งหาน คล้ายกับเยี่ยจิ่งหานเป็นเพียงเหยื่อสำหรับนาง
สีหน้าเยี่ยจิ่งหานมืดครึ้มมากขึ้นหลายส่วน
ภาพที่เจอหน้ากันครั้งแรกผุดขึ้นใจกลางอีกครั้ง
วันนั้นเขาบาดเจ็บสาหัส ล้มกองกับพื้นและขยับตัวไม่ได้ และนางลากเขาไปยังทุ่งหญ้า
ทันทีที่นึกถึงเรื่องนั้น เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกฉุนเฉียวยิ่ง
“ทำไม สายเลือดของท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ยอมรับแล้วหรือ”
ชิวเอ๋อร์ร้องไห้ด้วยความกระวนกระวายใจ “คุณหนู ท่านอย่าพูดจาเหลวไหลสิเจ้าค่ะ ท่านรีบวางเข็มเงินลง บ่าวจะพาท่านไปลองชุดแต่งงานเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีสมรสของท่านแล้วนะเจ้าค่ะ”
“ชิวเอ๋อร์ ดูบุรุษตรงหน้าให้ดี ทำให้ข้าท้องใหญ่แล้วก็ไม่กล้ายอมรับ คิก ๆ ๆ ไอ้ขี้ขลาด”
แม้นแต่ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยก็ทนดูต่อไปไม่ได้
ตอนนั้นนางเป็นฝ่ายลากนายท่านไปที่ทุ่งหญ้าแท้ ๆ
ยามนี้กลับใช้เป็นข้อกรรโชก
นางพูดโป้ปดโดยไม่กระพริบตาสักครั้ง ช่างไร้ยางอายสิ้นดี
กู้ชูหน่วนลูบท้องตัวเอง พลางพึมพำอย่างสลดใจ
“ข้าว่าแล้วเชียว ผู้ชายคนนั้นไม่ยินดีให้เจ้ามาเยือนบนโลกนี้ แต่เจ้าก็ไม่เชื่อ ข้าว่าเจ้ารีบตายแล้วรีบเกิดใหม่เถอะ ชาติหน้าอย่าได้เกิดผิดที่อีกละ”
“ทหาร เชิญหมอหลวง”
เยี่ยจิ่งหานพูดลอดไรฟันหนึ่งประโยค “แม่นาง หากเจ้ากล้าโกหก ข้าจะให้เจ้ารู้สึกเสียใจที่ยังมีชีวิตอยู่”
“ได้ แล้วถ้าเกิดข้าตั้งท้องบุตรท่านจริง ๆ ล่ะ?”
“จับชีพจร”
หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมากันตั้งห้าคน ครั้นจับชีพจรกันทุกคนแล้ว ต่างพากันหวาดหวั่น กล่าวเสียงสั่นคลอน “ทูลท่านอ๋อง พระชายา……คุณหนูสามตระกูลกู้ตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ อายุครรภ์ประมาณหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าหมอหลวงพากันปาดเหงื่อ
ท่านอ๋องกับพระชายายังไม่ได้ร่วมพิธีสมรส แล้วท้องของพระชายาคืออันใด?
คงไม่ใช่ยังไม่ทันแต่งงานก็สวมเขาให้ท่านอ๋องหรอกนะ?