กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 298
กู้ชูหน่วนมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยที่การต่อสู้นั้นไม่ได้หยุดนิ่งเลยและก็ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งท้องฟ้าจะถูกพวกเขาเจาะทะลุทะลวงไปหมดแล้ว
กู้ชูหน่วนกัดฟันแล้วกล่าวว่า “ที่นี่มีถ้ำเล็กๆอยู่ หลังจากที่ข้าหลอกล่อพวกเขาออกไปเจ้าก็พาเยี่ยเฟิงยายหลานจากไป”
อาจเพราะรู้ว่าชายหนุ่มและเยี่ยเฟิงอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกู้ชูหน่วนจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “วางใจเถอะข้าไม่ปล่อยให้ตนเองมีปัญหาหรอก ที่นั่นต่อสู้กันรุนแรงเช่นนั้นงั้นข้าก็สุมไฟเพิ่มแล้วล่อพวกเขาไปที่นั่น”
“ท่านผู้เดียวไหวหรือไม่? หรือว่าพวกเขาอยู่ในถ้ำแล้วข้าไปกับท่าน”
“คนเหล่านั้นทำแต่เรื่องเลวร้ายไม่แน่ว่าพวกเขานั้นอาจแยกกองกำลังเอาไว้หลายเส้นทาง เยี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักหนาเกินไปหากว่าเผชิญหน้ากับพวกเขาก็มีแต่ตายสถานเดียว ส่วนข้าแม้ว่าข้าจะไม่มีวิทยายุทธแต่โชคดียิ่งนักที่ข้ายังมีวิชาตัวเบาอยู่ วางใจเถอะข้าไปก่อนนะ”
ไม่รอให้พวกเขาเห็นด้วยกู้ชูหน่วนก็ได้ล่อคนออกไปแล้ว ทิ้งชายหนุ่มและเยี่ยเฟิงให้รู้สึกเป็นทุกข์กังวล
ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นการต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ตลอด
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋สองคนวรยุทธ์นั้นเท่าเทียมกันไม่สามารถแบ่งอันดับได้
ทั่วทั้งยอดเขาเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่เป็นหลุมๆซึ่งเป็นผลกระทบที่ตามมาจากพละกำลังอันแรงกล้า เพียงแค่เข้าไปใกล้สักเล็กน้อยก็จะกลายเป็นผุยผงในทันที
จอมมารทนรอไม่ไหวเสียแล้ว
ทั้งสองคนต่อสู้กันอยู่เช่นนี้ ต่อสู้กันเป็นเวลาครึ่งคืนแล้วแต่ก็ยังไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ
หากยังสู้กันต่อพี่หญิงของเขาอาจจะออกจากภูเขาพิศวิญญาณไปแล้ว
เมื่อนึกถึงว่ากู้ชูหน่วนอาจจะจากไป จอมมารก็ไม่สามารถสงบนิ่งอยู่ได้อีก
เขายืนขึ้นอย่างช้าๆจากนั้นมองดูคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงอันทุ้มต่ำกระจ่างชัดก็ค่อยๆกล่าวขึ้น
“เหวินเส่าอี๋เจ้าว่าเหตุใดเจ้าถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้ แม้แต่ผู้ที่ขาพิการก็จัดการไม่ได้”
กำลังฝ่ามือของเหวินเส่าอี๋สั่นเทาอยู่หลายครั้ง
เขาจัดการไม่ได้ หรือว่าเขานั้นจัดการได้?
หากมีความสามารถพวกเจ้าทั้งสองก็ประจันหน้ากัน ดูว่าหมดคืนนี้จะสามารถตัดสินผู้แพ้ชนะได้หรือไม่?
ทึ่น่าสลดใจที่สุดคือจอมมารไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยแต่ยังพร่ำบ่นถึงวรยุทธ์ของเขาว่าย่ำแย่อยู่ตลอดทั้งคืน ควรจะออกกระบวนท่าเช่นไร
พูดราวกับว่าเขานั้นเก่งกาจสักเพียงใด
“ข้าเอาชนะไม่ได้ หากรวมเข้ากับท่านก็จะสามารถเอาชนะได้ไม่ใช่หรือ?”
ทหารอารักขาของเยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย พวกเจ้าเป็นยอดฝีมือในใต้หล้า ทั้งสองคนร่วมมือกันรังแกเจ้านายของข้ากล่าวออกไปก็ไม่กลัวจะถูกหัวเราะเยาะจนฟันหักหรือ
เดิมทีจอมมารต้องการจะลงมือแต่เมื่อได้ยินคำพูดของทหารอารักขาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ที่เขาพูดดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่”
“หากว่าข้ากับเขาต้องการตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามวัน หากเจ้าสามารถรอจนถึงสามวันจากนี้ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”
จอมมารสะบัดมือที่ดึงเส้นผมอยู่ “สามวัน?”
สามวันให้หลังยังจะมีร่องรอยของนางที่ภูเขาพิศวิญญาณนั่นอีกหรือ
จอมมารกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เยี่ยจิ่งหานเจ้าส่งกองทหารมาโจมตีเผ่าปีศาจของข้าก่อน อย่าได้โทษข้าที่คนมากรังแกคนน้อย”
เขากำลังยิ้ม ยิ้มอย่างอ่อนโยนและยิ้มได้อย่างน่าเกรงขามราวกับเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์และไม่เป็นพิษเป็นภัยผู้หนึ่ง
แต่ทันทีที่เขาลงมือกลับทำให้ฝนฟ้าแปรเปลี่ยนสีไป
ดอกไม้กินคนแต่ละดอกรวมตัวกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่และตกลงมาจากท้องฟ้าและบดบังอยู่บนศีรษะของเยี่ยจิ่งหาน
ดอกไม้กินคนทุกๆดอกราวกับว่ามีตาเช่นนั้น ทั้งหมดนั้นอ้าปากท่วมไปด้วยเลือดโดยที่ความเร็วนั้นราวสายฟ้าฟาด เมื่อถูกกัดแล้วก็จะไร้ซึ่งเลือดเนื้อเป็นแน่
เยี่ยจิ่งหานเป่าขลุ่ย ด้านหนึ่งต่อสู้อยู่กับเหวินเส่าอี๋อีกด้านหนึ่งดวงตาหยุดชะงักแปรเปลี่ยนขลุ่ยเป็นฝ่ามือ กระบวนท่าเรียกพายุและเปลงเพลิงซึ่งมีพลังสายฟ้ากลิ้งไปมาปะทะเข้ากับดอกไม้กินคน
เสียงปะทะดังกึกก้อง……
ดอกไม้กินคนและเปลวเพลิงปะทะกันแม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แรงระเบิดนั้นรุนแรงเสียจนสามารถได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นทั่วทั้งยอดเขา
ยอดฝีมือต่อสู้กระบวนท่ากันมีหรือที่จะสามารถฟุ้งซ่านได้
เยี่ยจิ่งหานลงมือจัดการกับจอมมารกระบวนท่าหนึ่ง และถูกเหวินเส่าอี๋ใช้ประโยชน์ขึ้นในทันที
“พรึ่บ……”
เยี่ยจิ่งหานไม่ทันระวังถูกฝ่ามือหนึ่งเข้าซึ่งสีหน้านั้นซีดเซียวขึ้นทันที
การโจมตีทำลายล้างนั้นกลับไม่ได้หยุดนิ่ง
เหวินเส่าอี๋กระบวนท่าหนึ่งต่อด้วยกระบวนท่าหนึ่งโจมตีเยี่ยจิ่งหานอย่างไม่รู้จบ
จอมมารยังคงใช้กำลังภายในอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมดอกไม้เป็นกลลวง ดอกไม้แต่ละดอกผลิบานงดงามแปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกและพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งหานไม่หยุด
กำลังภายในสองเส้นทางโจมตีทั้งซ้ายขวา เยี่ยจิ่งหานค่อยๆเผยแนวโน้มของกำลังอันถดถอยออกมา
“พรวด…..”
เยี่ยจิ่งหานยากที่จะต้านทานกับยอดฝีมือผู้ล้ำเลิศทั้งสองและกระอักลือดออกมาเต็มปาก
มุมปากจอมมารเย้ยหยัน พลิกฝ่ามือขวาและกำลังจะจัดการด้วยกระบวนท่าสุดท้ายหมายเอาชีวิต โดยที่ไม่ได้คาดคิดก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากระยะไกล “เยี่ยจิ่งหาน……”
เป็นเสียงของพี่หญิง
จอมมารถอนฝ่ามือและถอยออกไปยังฝั่งหนึ่งจากนั้นก็ได้กลายเป็นราวกับเด็กยังไม่สิ้นกลิ้นน้ำนมที่เชื่อฟังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในทันใดและกล่าวโทษขึ้นว่า “พี่หญิง พวกเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก สู้กันจนพื้นดินหุบเขานั้นสั่นสะเทือน”