กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 371
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ นายท่านได้เสด็จไปประทับยังพระราชวังชิวเฟิงเป็นการชั่วคราวและจะเสด็จกลับมาในไม่กี่วันข้างหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ”
พระราชวังชิวเฟิง?
ไปทำอะไรที่นั่นหรือ?
“เขาได้รับบาดเจ็บหรือ?” กู้ชูหน่วนถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะนายท่านไม่ได้ไปที่พระราชวังชิวเฟิงนานแล้ว ฉะนั้นจึงต้องการเสด็จไปประทับที่นั่นสักสองสามวันพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัดนัก หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และรู้สึกว่าความจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนี้
การจัดงานการชุมนุมการล่าขุมทรัพย์มังกรของสำนักศึกษาหลวงนั้นได้เลื่อนกำหนดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า และเลื่อนออกไปจนมาจัดเอาวันนี้
เมื่อเงยหน้าขึ้น นางกวาดสายตาขึ้นไปบนท้องฟ้า
เจ็ดวันก่อนหน้านี้ นางได้ตอบรับเสี่ยวลู่ว่าจะไปร่วมงานการประมูลของหอประมูลเฟิงเซียง และตอบตกลงว่าจะไปตรงเวลาตามที่นัดหมายไว้ แต่หากไปที่งานประมูลของหอประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มักรได้
นางรู้สึกคิดไม่ตกว่าจะไปร่วมงานการประมูลของหอประมูลเฟิงเซียงดี หรือว่าไปเข้าร่วมการแข่งขันล่าขุมทรัพย์มังกรดี ระหว่างนั้นคนใช้ก็ได้เข้ามารายงาน
“พระชายา หอประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาแจ้งว่า การประมูลในวันนี้นั้นถูกยกเลิกลงและเลื่อนจัดงานออกไปสิบวัน หอประมูลเฟิงเซียงขอเชิญท่านไปที่งานการประมูลในอีกสิบวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
บังเอิญเช่นนี้เลยหรือ?
หรือว่าวันนี้หอประมูลเฟิงเซียงก็ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรด้วยอย่างนั้นหรือ?
“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปบอกคนของหอประมูลเฟิงเซียงว่าข้าจะไปตามที่นัดหมายในอีกสิบวันข้างหน้า”
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ขอให้ชิวเอ๋อร์ช่วยแต่งตัวให้นาง นางหันไปยิ้มเยาะให้กับชิงเฟิง “ก่อนหน้านี้นายท่านของเจ้าได้เคยให้สัญญากับข้าไว้ว่าจะให้ข้าเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร เจ้าคงไม่คิดจะขัดขวางข้าหรอกใช่หรือไม่”
ชิงเฟิงขมวดคิ้ว “นายท่านได้เคยบอกเอาไว้ว่าจะให้ท่านเข้าร่วมการแข่งขันล่าขุมทรัพย์มังกร แต่นายท่านยังบอกอีกว่า เขาจะติดตามท่านไปเข้าร่วมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อเคยพูดเอาไว้ว่าจะให้ข้าไปเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็จะไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหลวง ส่วนนายท่านของเจ้าจะตามไปที่สำนักศึกษาหลวงหรือไม่นั้น หรือเขาจะตามไปเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของเขา”
“เอ่อ……”
ก่อนที่ชิงเฟิงจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ทั้งหมด กู้ชูหน่วนก็ได้ออกจากจวนและเดินทางไปยังสำนักศึกษาหลวงไปเสียแล้ว
เขารีบกล่าว “รีบส่งคนไปรายงานให้นายท่านรับทราบว่าพระชายาจะเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร”
“ขอรับ”
หลังจากหายไปนานหลายวัน กู้ชูหน่วนก็กลับมาที่สำนักศึกษาหลวงอีกครั้ง บรรยากาศยังคงเหมือนเดิม แต่คนดูเหมือนได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาแล้วนับครึ่งศตวรรษ
เพราะตอนนี้นางเป็นพระชายาหานแล้ว ฉะนั้นนักเรียนในสำนักศึกษาหลวงจึงมีความหวาดกลัวนางอยู่เล็กน้อย และพวกเขาดูไม่กล้าที่จะใส่ร้ายหรือดูถูกรังแกนางเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยเห็นนางเข้าก็รีบเข้ามารุมล้อมและกล่าวว่า “ลูกพี่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา พวกข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ได้ยินมาว่าเทพแห่งสงครามกักขังเจ้าไว้ในจวนหานอ๋อง เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่ถูกคนอื่นรังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้นเลยหรือ?”
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยส่ายหน้าราวกับกลอง
มีเพียงแค่ลูกพี่กลั่นแกล้งคนอื่นเท่านั้น และยังไม่เคยมีใครมากลั่นแกล้งลูกพี่ได้เลยสักคน
แต่อย่างไรเสีย เทพแห่งสงครามก็ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขายังคงเป็นกังวลว่าลูกพี่จะถูกรังแก
“เซี่ยวอวี่เซวียนล่ะ? เขายังถูกท่านพ่อของเขากักบริเวณอีกหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้เพิ่งจะปล่อยออกมา แม่ทัพใหญ่เซี่ยวต้องลูกพี่เข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร และจะต้องค้นหาสมบัติล้ำค่าให้ได้หนึ่งชิ้น เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการหมั้นหมายมอบให้กับกู้ชูอวิ๋นน่ะ” หลิ่วเย่ว์ชี้ไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนที่อยู่ไม่ไกลนักและดูล่องลอยไร้ชีวิตชีวา
ไม่เจอกันระยะหนึ่ง เขาดูหมองคล้ำไปมากและดูซูบผอมลงไปเยอะ ความเปล่งประกายบนใบหน้าไม่มีแล้ว และเขาก็ดูซึมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุขเลยตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน
กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปหาและจับไหล่ของเขา จากนั้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เสี่ยวเซวียนเซวียน ดูเจ้าสิไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย เจ้าลืมข้าไปแล้วหรืออย่างไร?”
“แม่สาวอัปลักษณ์ เขาไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใจใช่หรือไม่”
เหตุใดเมื่อได้เจอกู้ชูหน่วน เซี่ยวอวี่เซวียนก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แววตาของเขาดูเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาคิดว่าแม่สาวอัปลักษณ์แต่งงานไปเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว เทพแห่งสงครามจะต้องไม่ยอมให้นางมาเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าแม่สาวอัปลักษณ์จะมาได้
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่