กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 389
“ใช่ ไม่รู้ว่าสิงโตเพลิงตัวนี้ผิดปกติอะไร ไม่คิดเลยว่ามันจะหลีกทางให้ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสทอง หากพลาดไปแล้ว เกรงว่ายากที่จะหนีออกมาได้”
เจ๋ออ๋องหันกลับมา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิงโตเพลิงเป็นอสุรกายระดับสองยอดเขา แม้ว่าพวกเจ้าทั้งสี่คนจะร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะมันได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่มีสิงโตเพลิงอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
“อย่ากังวลไปเลย เจ๋ออ๋อง หากท่านหวาดกลัว ก็กลับไปก่อนเถอะ”
เจ๋ออ๋องเตือนด้วยความหวังดี แต่ได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา จึงอดไม่ได้ที่จะโกรธเคือง
นักเรียนคนอื่น ๆ รีบแบกเจ๋ออ๋องออกไปข้างนอก “ท่านอ๋อง หากนางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถอะ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ พระสนมเหลียนมีท่านเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว หากท่านเป็นอะไรไป พระสนมเหลียนจะทำอย่างไร”
เจ๋ออ๋องต้องการจะไปเกลี้ยกล่อมกู้ชูหน่วน แต่กู้ชูหน่วนไม่ฟังเขา นางพาเซี่ยวอวี่เซียนและคนอื่น ๆ เดินเข้าไป เมื่อคนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้นก็รีบลากเจ๋ออ๋องออกไป และกลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว จะกลายเป็นอาหารของอสุรกาย
ด้านนอกหุบเขา เจ๋ออ๋องที่ได้รับบาดเจ็บเดินไปเดินมา และมองเข้าไปในหุบเขาอย่างกระวนกระวายใจ
ผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ทำไมพวกนางยังไม่ออกมาอีก?ถูกสิงโตเพลิงกินไปแล้วหรือไม่?
“พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่ เมื่อครู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ดูเหมือนจะมีลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเป็นสมบัติอะไรปรากฏออกมา”
“บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยลำแสงที่พุ่งขึ้นมาเป็นเกลียว จะมองไม่เห็นได้อย่างไร เพียงแต่มีอสุรกายมากมายปรากฏตัวขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะอันตรายมากหรือไม่?มีใครสามารถเข้าไปได้แล้วหรือ?”
“ตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขาสวินหลง หากต้องการเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาสวินหลง อย่างน้อยก็ต้องมีวรยุทธระดับสี่ จึงจะสามารถเข้าไปได้ แต่ในบรรดานักเรียนของพวกเรา ผู้ที่วรยุทธสูงส่งที่สุดก็แค่ระดับสองเท่านั้น และไม่สามารถที่จะเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาสวินหลงได้ ”
“หรือว่าหลังจากที่สมบัติปรากฏออกมาแล้ว ไม่มีใครได้มันไป?นี่เป็นการทำลายสิ่งของโดยเปล่าประโยชน์?เช่นนั้นพวกเราลองเข้าไปดูข้างในดีหรือไม่”
“เข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขาสวินหลง?ล้อเล่นอะไร?เข้าไปข้างในก็เท่ากับเข้าไปตาย?มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เพื่อเข้าไปหาสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ”
เหล่านักเรียนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องสมบัติที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่เจ๋ออ๋องไม่สนใจ เขาสนใจเพียงกู้ชูหน่วนจะออกมาอย่างปลอดภัยหรือไม่
“ใกล้จะครบสามวันแล้ว ท่านอ๋อง พวกเราควรไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นหากประตูเวทมนตร์ปิดลง พวกเราจะออกไปไม่ได้”
“กู้ชูหน่วนยังไม่ออกมา”
“ถูกสิงโตเพลิงรายล้อมมากมายขนาดนั้น ต่อให้พวกนางมีปีกก็ยากที่จะโบยบินออกมาได้ คราวนี้เกรงว่าพระชายาหานจะออกมาไม่ได้แล้ว”
ไม่รู้ว่ากู้ชูอวิ๋นออกมาตั้งแต่เมื่อไร ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความดีใจ ไม่รู้ว่านางดีใจที่ได้สมบัติ หรือว่านางดีใจที่เห็นกู้ชูหน่วนถูกรายล้อมไปด้วยสิงโตเพลิง
“ตุ๊ง ๆ ๆ ……”
ระฆังของทุกคนดังขึ้น เพื่อแจ้งว่าถึงเวลาต้องออกจากภูเขาสวินหลงแล้ว พวกเขาต้องไปพบกันที่เชิงเขา และรอให้คนของสำนักศึกษาพาพวกเขาออกไป
เจ๋ออ๋องเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียระฆังดังขึ้นสามครั้งแล้ว กู้ชูหน่วนก็ยังมาไม่ถึง
หากระฆังดังขึ้นอีกรอบ แม้ว่านางจะออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถออกไปจากภูเขาสวินหลงได้ และทำได้เพียงรอให้การชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรครั้งต่อไปเริ่มต้นขึ้น
ที่นี่มีอสุรกายปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งคราว การอยู่ที่นี่จึงเป็นการรนหาที่ตาย
กู้ชูอวิ๋นรู้สึกพึงพอใจ และหวังว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ออกมาตลอดไป
ในขณะที่ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนถูกสิงโตเพลิงกินเข้าไปแล้ว กู้ชูหน่วนก็พาเซี่ยวอวี่เซวียน หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยออกมาอย่างสบายอกสบายใจ และด้านหลังของพวกเขา ยังมีฝูงสิงโตเพลิง เพียงแต่สิงโตเพลิงเหล่านี้ล้วนแบกกระสอบใบใหญ่มาด้วย
สายตาอันเฉียบคมของพวกเขาพบว่า ในกระสอบเหล่านั้น ล้วนแต่เป็น……วัชพืช……
โอ้
เกิดอะไรขึ้น?
อสุรกายที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมแบกกระสอบให้นางอย่างเชื่อฟัง?
นี่ ๆ ๆ ๆ ……
หรือว่าพวกเขาจะตาฝาด?