กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 391
ทันทีที่คำพูดของนางสิ้นสุดลง ก็มีเสียงดังก้องอยู่ไม่ไกล และแม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนต่างแหงนหน้าขึ้นมอง แต่เห็นเพียงเงาดำของสิงโตเปลวเพลิงพุ่งเข้ามา
ทันทีที่อสุรกายเหล่านั้นออกมา พวกมันก็ทำการล้อมพวกเขาเอาไว้และรอฟังคำสั่งของกู้ชูหน่วน พวกมันยกให้นางเป็นเจ้านายโดยปริยายและรอการส่งสัญญาณจากนางทุกขณะ
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปและต่างพากันถอยหลังด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
กู้ชูหน่วนลูบศีรษะของสิงโตเปลวเพลิงตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก และมองไปที่จางเชาอย่างยิ้มเยาะ “จะฆ่าข้าหรือ? เจ้าว่า เจ้าก็มีเพียงตัวคนเดียว แต่ข้ากลับมีพี่น้องมากมายเช่นนี้ ข้าควรมอบเจ้าให้กับตัวไหนดีนะ?”
จางเชากลืนน้ำตาโดยไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะกลับตาลปัตรไปเป็นเช่นนี้
เขาเพียงแค่ต้องการได้ครอบครองหัวใจคนงามเท่านั้น
เพียงแค่ต้องการครอบครองสมบัติบนตัวของกู้ชูหน่วนก็เท่านั้นเอง
ต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก เขาไม่อยากเสียหน้าและยิ่งไม่ต้องการจะตายไป เขาจึงทำได้เพียงประนีประนอม “กู้ชูหน่วน เจ้าอย่ากลั่นแกล้งรังแกคนอื่นเช่นนี้เลย”
“ข้าจะรังแก เจ้าจะทำไม? หากเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นเจ้าก็พาอสุรกายที่โปรดปรานออกมาสิ”
“เจ้า……” จางเชาพูดจาติดขัด
เสียงที่อ่อนหวาน ไพเราะชัดเจนของกู้ชูหน่วนที่พูดออกมา กลับทำให้ผู้ฟังรู้สึกสะพรึงกลัวเป็นพิเศษ “ข้าให้ตัวเลือกเจ้าสามทาง หนึ่งหักแขนของเจ้า สองตัดแขนของคนที่คอยยุยงบงการเจ้า และสามกลายเป็นอาหารอันโอชะของสิงโตเปลวเพลิง สิงโตเปลวเพลิงเหล่านี้ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้วด้วยสิ พวกมันคงคิดถึงรสชาตินั้นไม่น้อย”
สีหน้าของจางเชาดูแย่มาก
ไม่ว่าจะตัวเลือกไหน เขาก็ไม่ต้องการ
และเมื่อมองไปที่สิงโตเปลวเพลิงที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ เพียงรอฟังคำสั่งของกู้ชูหน่วนอย่างตั้งใจ เช่นนั้นมันก็จะกลืนกินเขาไป ทำให้เขารู้สึกตระหนกหวาดกลัวอย่างมาก
กู้ชูอวิ๋นพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นด้วยความประณีต “น้องสาม ทุกคนล้วนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมสำนักศึกษาเดียวกัน เหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ด้วยล่ะ”
“เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็หักแขนตัวเองแทนเขาเสียสิ”
“น้องสาม เจ้า……เจ้ากำลังโทษข้าหรือ?”
“เก็บน้ำตาที่ไร้ค่าของเจ้าไปเสีย ระวังหากข้าอารมณ์ไม่ดีและทำให้สิงโตเปลวเพลิงกลืนกินเจ้าเข้าไปเถอะ”
น้ำตาเม็ดใหญ่ของกู้ชูอวิ๋นตกลงบนพื้น นางแสดงให้เห็นว่านางลำบากใจอย่างมาก ลำบากใจถึงขั้นที่ไม่สามารถพูดความคับข้องใจออกมาได้
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะพากันสงสารกู้ชูอวิ๋น
มีน้องสาวเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายเสียเหลือเกิน
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นด้วยความเย็นชา “ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้ายังไม่ตัดสินใจ เช่นนั้นข้าก็จะคิดเสียว่าเจ้าเลือกตัวเลือกที่สาม หนึ่ง……”
“เจ้าบีบบังคับข้าเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกเผยแพร่ออกไปและได้รับโทษ ฐานที่บีบบังคับฆ่าเพื่อนร่วมสำนักศึกษาอย่างนั้นหรือ?”
“เมื่อสักครู่เจ้ายังพยายามยุยงให้ทุกคนร่วมมือกันฆ่าข้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ข้าเพียงแค่ลงโทษผู้นั้นด้วยกลอุบายของเขาเองก็เท่านั้น เจ้ายังไม่กลัว เช่นนั้นแล้วข้าจะกลัวไปทำไม? สอง……เจ้ามีโอกาสครั้งสุดท้ายเท่านั้น”
จางเชาตื่นตระหนกอย่างมาก และเมื่อเขากำลังจะพูดสารภาพกับกู้ชูอวิ๋น เฉินเจิ้นที่อยู่ข้างๆ ก็ยกดาบขึ้นมาและตัดแขนของเขาไปข้างหนึ่ง
เลือดสีสดพุ่งสาดกระเซ็นขึ้นมา ทุกคนพากันกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก
เฉินเจิ้นตัดแขนของเขาแล้วจริงๆ ด้วย
หลังจากนั้นก็ได้ยินเฉินเจิ้นพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “เป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ก็แค่ถูกตัดแขนไปเท่านั้น มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ ครั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้ารู้จักคิดและฉลาดขึ้น ครั้งหน้าก็อย่าได้คิดทำร้ายคนอื่นอีก”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองเฉินเจิ้นและกู้ชูอวิ๋นอย่างมีเลศนัย
นางรู้สึกยกย่องชื่นชมกู้ชูอวิ๋น
ไม่รู้ว่านางทำเอาอีท่าไหน ถึงทำให้ผู้ชายจำนวนมากยอมทำแทนนาง
วิธีการนี้ นับว่ามีเพียงคนไม่ปกติเท่านั้นที่สามารถทำได้
ท่ามกลางฝูงชน ไม่รู้ว่าใครยกกระสอบป่านขึ้นมาสามกระสอบ
เมื่อคนที่เหลือเห็นเข้าก็รีบพากันช่วยยกหญ้าวิญญาณเสือ
“…….”
ประตูม่านพลังเวทมนตร์ถูกเปิดออก และแสงหนึ่งก็ดูดพวกเขาออกไปทั้งหมด
ม่านพลังเวทมนตร์ของถ้ำสวินหลงซานได้ถูกปิดลงอย่างเป็นทางการ
ใครก็ตามที่ค้นพบหรือไม่ค้นพบขุมทรัพย์สมบัติ ต่างก็ได้สิ้นสุดการเดินทางเพื่อค้นหาขุมทรัพย์ในถ้ำสวินหลงซานนี้