กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 446
บทที่ 446
หูของกู้ชูหน่วนขยับ นางรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าของผู้นำกองธงกล้วยไม้ เพียงแต่ความเร็วของนางยังคงเหมือนเดิม และนางยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดเพื่อจู่โจมผู้นำกองธงดอกท้อ
ผู้นำกองธงทั้งสองร่วมมือกันโจมตี นางกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและไม่มีทางที่จะชนะได้เลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องพยายามฆ่าผู้นำกองธงดอกท้อให้ได้เสียก่อน จากนั้นค่อยลงมือผู้นำกองธงกล้วยไม้
ในขณะเดียวกัน นางก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยคงไม่ปล่อยให้นางตายอย่างอนาถในเงื้อมมือของผู้นำกองธงกล้วยไม้อย่างแน่นอน
“ตุ่บ……”
ผู้นำกองธงดอกท้อหมดหนทางหลบหนี เพราะถูกฝ่ามือกำลังภายในของกู้ชูหน่วนโจมตี จึงทำให้ร่างกายของเขาราวกับว่าวกระดาษที่ไร้เชือก หมดสิ้นเรี่ยวแรงและลอยออกไปและสุดท้ายก็กระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่อย่างเต็มแรง และมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก
ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังคงเหมือนเดิม นางกระโดดถีบผู้นำกองธงดอกท้อตกลงไปยังก้นหน้าผาของทะเลโลหิต
นางมีความแข็งแกร่งเพียงระดับกลางเท่านั้น แต่พลังที่ออกมานั้นกลับรุนแรงกว่ายอดฝีมือระดับสองเสียอีก
น่าสงสารผู้นำกองธงดอกท้อที่ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้โดยกู้ชูหน่วนที่มีพลังกำลังอ่อนด้อยกว่าเขามากเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน การลงมือฆ่าของผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้น และราวกับว่าขลุ่ยหยกจะมีจิตวิญญาณพุ่งตรงไปที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้
เดิมทีเป็นเพียงขลุ่ยธรรมดาอันหนึ่ง แต่บนตัวขลุ่ยนั้นกลับมีพลังของการสังหาร ผู้นำกองธงกล้วยไม้ตกใจมากกับขลุ่ยที่มีความร้ายกาจเช่นนี้ หากเขาถูกจู่โจมเข้า ก็นับว่าต้องสาหัสปางตายแน่ๆ
อี้เฉินเฟยเป็นคุณชายสามนักปราชญ์ขงจื๊อ เขามีชื่อเสียงในด้านความสามารถ แต่ไม่คิดว่าศิลปะการต่อสู้จะสูงส่งขนาดนี้
ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นแล้วฝีมือการต่อสู้ของเขาต้องเก่งกาจกว่าเขาอย่างแน่นอน?
หลังจากที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้หลบขลุ่ยหยกเอาไว้ได้ ดอกไม้ที่อยู่รอบๆ ก็แตกออกจากกิ่งก้านและลอยขึ้นไปในอากาศ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และสวยงามถึงขีดสุด
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกองธงกล้วยไม้ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด
สิ่งที่สวยงามยิ่งน่าอันตราย เขาไม่คิดว่าอี้เฉินเฟยจะทำสิ่งสวยงามแสนหวานนี้ขึ้นมาเพื่อความสบายตาเท่านั้น
ในที่สุด กลีบดอกไม้ที่สวยงามอย่างยิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนท่าทางในทันใด กลายเป็นชิ้นใบมีดคม และยิงไปที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้
สีหน้าของผู้นำกองธงกล้วยไม้เปลี่ยนไปเล็กน้อย และไม่สนใจที่จะคิดสังหารกู้ชูหน่วน จากนั้นร่างกายของเขาก็พลิ้วไหวเพื่อหลบกลีบดอกไม้ที่แหลมคม
“ซู่……”
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นความเร็วสูงสุด แต่แขนของเขายังคงได้รับบาดเจ็บจากกลีบดอกไม้ที่แหลมคม ทำให้เลือดไหลออกมา แม้แต่ใบหน้าก็ถูกฟันไปด้วย ผู้นำกองธงกล้วยไม้ที่ไม่ได้หน้าดีเท่าไรนักโกรธมาก เพราะเขาให้ความสำคัญกับใบหน้าของเขาอย่างมาก
“อี้เฉินเฟย เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ยอมปล่อยกู้ชูหน่วนไป และกลับมาโจมตีอี้เฉินเฟย
อี้เฉินเฟยหัวเราะเยาะเย้ย เขาหมุนขลุ่ยหยกสีครามในมืออย่างสง่างามและค่อยๆ เป่าบรรเลงขึ้นมาช้าๆ
เสียงของขลุ่ยนั้นไพเราะรื่นหูอย่างมาก มีทั้งเสียงสูงต่ำสลับกันไป และกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่บนอากาศก็เต้นรำเปลี่ยนรูปร่างไปตามจังหวะเสียงขลุ่ยของเขา
ไม่นาน กลีบดอกไม้ก็เปลี่ยนรูปประกอบกันเป็นดาบคมหนึ่งเล่มเพื่อโจมตีผู้นำกองธงกล้วยไม้
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต่อสู้ดาบคมของอี้เฉินเฟยกลับอย่างต่อเนื่อง
“ชิ้วๆๆ……”
ดาบยาวเปลี่ยนไป แบ่งเป็นสองเล่ม สองเล่มเป็นสี่เล่ม สี่เล่มเป็นแปดเล่ม เพื่อต้องการฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้
กู้ชูหน่วนยืนมองไปที่การต่อสู้บนอากาศ
ฝีมือการต่อสู้ที่แท้จริงของอี้เฉินเฟยนั้น แข็งแกร่งและร้ายกาจกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก
แม้ว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้จะมีฝีมือการต่อสู้ที่สูงส่ง แต่ก็ถูกอี้เฉินเฟยจัดการไปแทบล้มทั้งยืน เขาเกือบตายด้วยดามเล่มนั้นอยู่หลายครั้ง
กู้ชูหน่วนยกมือขวาขึ้นและร่างกายของนางราวกับหงส์ที่ลอยได้ จากนั้นอาวุธลับชนิดหนึ่งพุ่งตรงไปที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้
ทุกครั้งที่นางปล่อยอาวุธลับออกไป ราวกับมีเพียงแค่หนึ่งเดียว แต่เมื่อไปถึงกลางทางมักจะแยกตัวออกเป็นสอง บางครั้งจะแยกตัวออกเป็นสี่ และอาจจะแยกออกไปถึงสิบหก…
กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยร่วมมือกันอย่างดี และแทบไม่มีที่ติ ราวกับเคยร่วมมือกันมาแล้วมากกว่าพันครั้ง
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ที่แทบรับมือไม่ไหวเริ่มได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น จากนั้นร่วมโจมตีของกู้ชูหน่วน
“ซี๊ด…
อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวช้ามาก แต่หลังจากที่ปล่อยออกไปไม่นานมันก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ อาวุธลับยิงเข้าไปยังหน้าอกของผู้นำกองธงกล้วยไม้และลึกเข้าไปในร่างกายของเขา
เขาต้องการที่จะต่อสู้กลับ แต่มันกลับกดลึกลงไปแน่น ทำให้ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่จะต่อสู้กลับเลย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน
ผู้นำกองธงกล้วยไม้เริ่มหมดหวังและทำได้เพียงสวดอ้อนวอนให้ผู้นำกองธงดอกท้อหรือคนอื่นรีบมาช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงจบลงที่นี่แน่ๆ
กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยกลับร้อนรนยิ่งกว่า
พวกเขาคนใดคนหนึ่งไม่สามารถฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้
ตอนนี้ฝีมือการต่อสู้ของกู้ชูหน่วนยังคงไม่เพียงพอ
และอี้เฉินเฟยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกเสียจากพวกเขาสองคนร่วมมือกัน
แต่อาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยนั้นรุนแรงมาก และเขาอาจทนฝืนต่อไปได้ไม่นาน
หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นแล้วการต่อสู้ครั้งนี้จะเปลี่ยนไปทันที
เสียงของขลุ่ยเปลี่ยนไป เหมือนกับเสียงกลองสงคราม เร่าร้อน และการโจมตีด้วยดาบที่ยิงไปที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็เร็วขึ้นเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่อีกไม่นานก็จะสามารถจัดการทำให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องจบชีวิตของเขาลงที่นี่ตลอดไป
ในขณะที่กำลังจะลงมือในขั้นตอนสุดท้าย กลับคาดไม่ถึงว่าอี้เฉินเฟยจะกระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาโซเซและเกือบจะล้มลง
สีหน้าของเขาซีดเซียว ชุดสีขาวหิมะของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดกลายเป็นดอกบัวหิมะที่ผลิบาน ขยับไปมาและแทรกซึมเข้าไป
“ท่านพี่เฉินเฟย”
กู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจผู้นำกองธงกล้วยไม้อีกต่อไป และเข้าประคองอี้เฉินเฟยทันทีและส่งกระแสลมปราณแท้ของตัวเองไปให้อี้เฉินเฟยอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันที
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ใช้โอกาสที่เขากำลังบาดเจ็บนี้กำจัดพวกเขาทั้งสอง และจำเป็นต้องตอนนี้
เขารวบรวมพลังของเขาขึ้นมาเป็นเกราะ จากนั้นเกราะสีแดงเพลิงก็ปกคลุมพวกเขา
เกราะนั้นร้อนแรงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป นางส่งกระแสกำลังภายในให้อี้เฉินเฟยและใช้กำลังภายในของนางเพื่อต่อสู้กับเกราะไฟแดงเพลิงอาคมของผู้นำกองธงกล้วยไม้
เพราะความแข็งแกร่งของพละกำลังต่างกันมากและกู้ชูหน่วนยังต้องส่งกำลังภายในของนางให้กับอี้เฉินเฟยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และจากนั้นเกราะไฟอาคมก็ยิ่งปกคลุมเรื่อยๆ
พวกเขาอาจถูกปกคลุมอย่างสมบูรณ์ในทุกขณะ
การเต้นของหัวใจของอี้เฉินเฟยเริ่มเต้นไม่คงที่ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
คำสาปโลหิตของเขากำเริบขึ้นและไม่สามารถฝืนต่อไปได้อีก เพียงแต่เขายังคงฝืนอดทนต่อไป ตอนนี้…
อี้เฉินเฟยลืมตาขึ้นมามอง เกราะไฟอาคมนั่นเป็นกลอุบายสุดยอดของผู้นำกองธงกล้วยไม้ เกราะไฟอาคมนั้นใช้กำลังภายในของเขากระตุ้นขึ้นมา
เมื่อถูกปกคลุมเข้า สิ่งที่อยู่ข้างในทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นละอองเลือด
อี้เฉินเฟยพูดอย่างอ่อนแรง “อาหน่วน เจ้ารีบ…รีบหนีไป ไม่ต้องสนใจข้า”
“พูดอะไรเช่นนั้น ข้าจะไม่สนใจท่านได้อย่างไร หากต้องมีชีวิตอยู่ก็ต้องมีชีวิตรอดไปด้วยกัน หากต้องตายก็ตายด้วยกัน หากสามารถตายพร้อมกับพี่ชายของตัวเองได้ ข้าจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย และทุกอย่างก็ยังไม่สามารถสรุปได้จนถึงวินาทีสุดท้าย”
อี้เฉินเฟยรู้สึกร้อนรนเป็นกังวลมาก เขาต้องการให้กู้ชูหน่วนหนีไป แต่เขากลับไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงมองดูเกราะไฟอาคมนั้นปกคลุมเข้ามาเรื่อยๆ
ทำได้เพียงมองดูใบหน้าที่สวยงามของกู้ชูหน่วนที่บูดบึ้ง
อี้เฉินเฟยคิดอยากจะทำลายเกราะไฟอาคมนั้นโดยแลกด้วยชีวิตของเขา
ทันใดนั้นก็มีดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าที่ด้านหลังของผู้นำกองธงกล้วยไม้อย่างโหดเหี้ยมและทะลุไปยังหน้าอก จากนั้นเลือดก็พุ่งกระฉูดและหยดย้อยลงกับพื้น
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ร้องครวญครางขึ้นมาและจ้องมองคนที่แทงเขาจากข้างหลังด้วยความตกใจ
อี้เฉินเฟยและกู้ชูหน่วนก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
แต่กลับเห็นว่าคนที่แทงเข้าไปไปนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเยี่ยเฟิง
เยี่ยเฟิงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร และมาอยู่ข้างกายของผู้นำกองธงกล้วยและแทงเขาได้อย่างไรโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว?
พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย
บทที่ 445