กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 487
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 487
“……”
ชิงเฟิงพูดไม่ออกและหมดคำพูด
เขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย แต่พระชายากลับพูดขึ้นมามากมาย
จู่ๆ เขาหมดสติไป เรื่องนี้ไม่น่าสงสัยหรอกหรือ?
ไม่ว่าพระชายาจะทำอะไร เขาก็ต้องไปรายงานท่านอ๋อง และทางที่ดีควรให้ท่านอ๋องถอดถอนตำแหน่งพระชายาของนางเสีย เพื่อไม่ให้จวนท่านอ๋องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
ยังไม่ทันที่เขาจะอ้าปากพูด ความข่มขู่ของกู้ชูหน่วนก็เริ่มขึ้น
“อ้อ……ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าช่วงนี้เจ้าสนิทสนมกับชิวเอ๋อร์มากเป็นพิเศษใช่หรือไม่ หรือว่าเจ้าคิดอยากจะจีบชิวเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ? ชิงเฟิง เจ้าเป็นถึงทหารอารักขาที่จงรักภักดีต่อท่านอ๋องที่สุด ทำไมถึงมายุ่งเกี่ยวล่อลวงชิวเอ๋อร์ได้ล่ะ วันนี้เจ้าพยายามดึงดูดชิวเอ๋อร์ พรุ่งนี้เจ้าคิดจะพยายามดึงดูดข้าใช่หรือไม่?”
ชิงเฟิงตกใจมาก “พระชายา ท่านพูดอะไรของท่าน ข้าน้อยจะกล้าดึงดูดล่อลวงท่านได้อย่างไร ท่านเป็นถึงภรรยาเอกของนายท่าน และเป็นถึงพระชายาของจวนหานอ๋อง”
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้ายอมรับว่าเจ้าจีบชิวเอ๋อร์น่ะสิ?”
“ไม่……ไม่มีเรื่องเช่นนี้ ข้าน้อยมีความจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง และจะไม่ทำอะไรผิดศีลธรรมอย่างแน่นอน”
“อ้อ……เช่นนั้นข้าคงดูผิดไป หลายวันมานี้ข้ามักเห็นเจ้าไปด้อมๆ มองๆเพื่อหาชิวเอ๋อร์ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะตกหลุมรักชิวเอ๋อร์เข้าเสียแล้ว ในเมื่อไม่เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้ากำลังคิดให้ชิวเอ๋อร์ทำการหมั้นหมายกับน้องชายของข้าอวี๋ฮุย”
ชิงเฟิงขมวดคิ้ว “อะไรนะ ให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี๋ฮุย? ทำเช่นนี้ได้อย่างไร อวี๋ฮุยเป็นคนไม่เอาไหนเลย และเขายังมีฐานะที่โดดเด่นอีกด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับชิวเอ๋อร์ อย่างมากก็แค่แต่งตั้งชิวเอ๋อร์ให้เป็นอนุภรรยา แต่ตามนิสัยของชิวเอ๋อร์แล้ว ให้นางไปเป็นอนุภรรยา นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด”
“น่าแปลกเหลือเกิน ในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับชิวเอ๋อร์ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะตื่นตระหนกไปเพื่ออะไร? ชิวเอ๋อร์เป็นเพียงคนใช้คนหนึ่งเท่านั้น หากได้เป็นอนุภรรยาของอวี๋ฮุยก็ไม่ถือเป็นเรื่องน่าอับอายอะไร กลับกันยังทำให้ฐานะของนางสูงขึ้นด้วยซ้ำ และต่อให้นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย”
“พระชายา ชิวเอ๋อร์จงรักภักดีกับท่านมาตลอด ท่านทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร ข้าน้อยขอร้องให้ท่านยกเลิกความคิดนั้นด้วยขอรับ”
กู้ชูหน่วนเอามือไพล่หลัง นางมองลงไปที่ชิงเฟิงที่คุกเข่าข้างหนึ่งและขอความเมตตาด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของนาง
“ไม่ให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี๋ฮุยหรือ ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าพูดสิว่าวันนี้ข้าทำอะไรลงไปบ้าง?”
“เอ่อ……ข้าน้อยจะรู้ได้อย่างไรว่าพระชายาทำอะไรไปบ้าง ข้าน้อยเป็นลมหมดสติไปนี่ขอรับ” และเป็นไปได้มากว่าพระชายาจงใจทำให้เขาเป็นลมหมดสติไป
กู้ชูหน่วนรีบเปลี่ยนสีหน้า “หลังจากที่กลับจวนไป ข้าจะรีบให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี๋ฮุยโดยเร็ว อวี๋ฮุยชอบชิวเอ๋อร์เอามากเสียด้วยสิ”
หลังจากที่ชิงเฟิงตระหนักคิดได้เขาก็แทบอยากจะตบหน้าตัวเอง “ข้าน้อยผิดไปแล้ว เมื่อสักครู่พระชายาอยู่แต่ภายในห้องรับรองส่วนตัวเท่านั้น และไม่ได้ออกไปไหนเลย และไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าน้อยก็ไม่ได้เป็นลมหมดสติไปด้วยขอรับ”
“ดีมาก แบบนี้สิถึงจะถูก เดิมทีข้าก็ไม่ได้ทำอะไร เจ้าดูสิเจ้าจะตื่นเต้นไปทำไมกัน ท่านอ๋องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เจ้ายังคิดจะไปเพิ่มภาระให้เขาอีกหรือ?”
“พระชายา ท่านไม่ได้ทำอะไรจริงๆ หรือขอรับ?”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าสามารถทำอะไรลงไปหรือ ภายนอกล้วนเป็นคนของเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นลมหมดสติไปคนเดียว หรือเจ้าคิดว่าพวกเขาคนอื่นก็เป็นลมไปด้วยอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดนี้ ทำให้ความกังวลใจของชิงเฟิงลดลงอย่างมาก
หรืออาจเป็นเพราะเขาคิดมากเกินไป นายท่านส่งคนมาเฝ้าอยู่ภายนอกเป็นจำนวนมากเช่นนี้ เพียงแค่มีคนเข้าหรือออกภายในห้องนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ หรือพระชายาจะทำอะไรกับพวกเขาด้วย
ตลอดเวลาที่อยู่ในจวนท่านอ๋อง เขาก็ถูกพระชายากลั่นแกล้งนับครั้งไม่ถ้วน
“พระชายา เช่นนั้นท่านจะไม่ให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี๋ฮุยใช่หรือไม่ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ต้องดูความประพฤติของเจ้าด้วย หากเจ้าเอาแต่รายงานเรื่องไม่ดีของข้าต่อหน้าท่านอ๋อง ไม่แน่ข้าอาจจะให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี๋ฮุยไปเป็นอนุภรรยาของเขาก็ได้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนใช้ หากไม่มีนางก็เปลี่ยนคนใหม่ก็ได้ คนใช้คนหนึ่งเพียงแค่ได้รับการอบรมสั่งสอนเสียหน่อย มีหรือที่จะไม่จงรักภักดี”
คำพูดนี้ทำให้ชิงเฟิงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
และยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกไม่คู่ควรแทนชิวเอ๋อร์ ในใจของชิวเอ๋อร์แล้ว ล้วนมีแต่พระชายาและคิดถึงแต่พระชายาตลอดเวลา แต่นางกลับเห็นชิวเอ๋อร์เป็นเพียงสินค้าอย่างหนึ่ง ที่อยากจะมอบให้คนอื่นก็มอบ อยากจะโยนทิ้งก็โยนทิ้ง ช่างไม่มีน้ำจิตน้ำใจความเป็นคนเอาเสียเลย
ประตูใหญ่ถูกเปิดออก
เยี่ยจิ่งหานกลับมาแล้ว
เขาแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีม่วงและหน้ากากจึงมองไม่เห็นลักษณะเฉพาะของใบหน้าเขา แต่ทั้งร่างของเขากลับมีสง่าราศีและดูครอบงำสะกดจิต และผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกต่ำต้อยเพียงแค่มองดูเขา ราวกับว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา พวกเขาเป็นเพียงแค่มดตัวน้อยที่ต้อยต่ำก็เท่านั้นเอง
เมื่อเยี่ยจิ่งหานเข้ามา กู้ชูหน่วนจึงบอกเล่าด้วยความไม่พอใจ
“ท่านอ๋อง ท่านดูสิงานประมูลอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีสิ่งของที่ข้าอยากได้เลย ข้าอยู่ที่นี่จนรู้สึกเบื่อหน่ายจะตายอยู่แล้ว เหตุใดท่านถึงออกไปนานเช่นนี้และเพิ่งจะกลับเข้ามา หรือว่าท่านแอบไปนัดแนะกับหญิงสาวคนอื่นเสียแล้ว”
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังชิงเฟิง
ชิงเฟิงก้มหน้าลงและพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “งานประมูลล้วนมีแต่ของดี แต่ไม่รู้พระชายาเป็นอะไรกลับไม่ถูกใจสักชิ้นเลยขอรับ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ชิงเฟิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงมาก
ติดตามนายท่านมาตลอดหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประหม่าเพราะคำพูดโกหกของเขา
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาติดกับดักของพระชายาแล้วหรือไม่
เยี่ยจิ่งหานเก็บความเยือกเย็นของเขาเอาไว้ เพราะกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะเกิดความหวาดกลัว
“ข้าออกไปเพื่อทำธุระเท่านั้น เจ้าคิดไปถึงกัน ในเมื่อไม่ถูกใจสิ่งของที่นี่ เช่นนั้นแล้วเจ้าชอบอะไรหรือ ข้าจะมอบให้กับเจ้า”
“จริงหรือ? ไม่ว่าข้าอยากได้อะไร ท่านก็จะมอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของเยี่ยจิ่งหานเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
แววตาเช่นนี้ ทำไมเขารู้สึกว่านางกำลังวางแผนอะไรอยู่
“ขอเพียงแค่ข้าสามารถให้ได้ เช่นนั้นข้าก็จะมอบให้ นอกเสียจากไข่มุกมังกร”
“ต่อให้ข้าอยากได้ไข่มุกมังกรจากท่าน เช่นนั้นแล้วท่านมีไข่มุกมังกรมอบให้กับข้าอย่างนั้นหรือ? ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าไม่ได้สนใจไข่มุกมังกร”
กู้ชูหน่วนเดินเข้าหาเยี่ยจิ่งหาน ดึงแขนเสื้อของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจ “ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่าวังหลวงมีห้องเก็บสมบัติแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสมบัติล้ำค่ามากมาย ท่านสามารถพาข้าเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?”
“เอ่อ……ความกล้าของเจ้าถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งของของที่นั่น แต่ละชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่าของรัฐเยี่ยที่ไม่อาจประเมินค่าได้”
“ท่านอ๋องไม่สามารถทำได้ใช่หรือไม่? ข้ารู้อยู่แล้ว ผู้ชายอย่างพวกท่านก็เป็นเหมือนกันหมด ปากอย่างใจอย่าง ความเป็นจริงแล้วก้เหมือนกับไก่ตัวผู้ที่ตระหนี่ถี่เหนียว”
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้ว
เขาครุ่นคิดไตร่ตรองว่าเหตุใดจู่ๆ นางก็ต้องการจะเข้าไปยังห้องสมบัติของราชวงศ์เพื่ออะไร
ถึงแม้ว่าภายในนั้นจะมีสิ่งของล้ำค่าจำนวนมาก แต่อย่างมากก็เป็นพวกของเล่นโบราณ ตำราและภาพวาด ตลอดจนสมบัติหายากเท่านั้นและไม่มีอะไรพิเศษเลย
นางต้องการไปที่นั่น เพื่อต้องการตามหาอะไรกันแน่นะ
ราวกับมองเห็นความสงสัยของเยี่ยจิ่งหาน
กู้ชูหน่วนขดริมฝีปากของนาง “ท่านเห็นข้าเป็นคนเลวร้ายไปได้ ข้าเพียงแค่ต้องการไปดูสมบัติล้ำค่าที่นั่น หากมีของที่ข้าชอบหรือถูกใจ จากนั้นจึงขอกับท่านอ๋องสักชิ้นหรือสองชิ้น แต่ในเมื่อท่านไม่ตกลง เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดออกไป อย่างไรเสียก็ถือว่าข้ารู้แล้วว่าท่านเป็นคนเช่นไร ผู้ชายอย่างพวกท่านไม่มีดีเลยสักนิด”
“พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องเก็บคลังสมบัติของราชวงศ์”
“จริงหรือ? ท่านไม่รู้สึกเสียดายสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี
นี่คือการแสดงออกแบบไหนกัน?
ดูเหมือนว่าเขารู้สึกเสียดายสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นอย่างมาก?
สมบัติมากมายเพียงใด ในสายตาของเขาแล้ว ก็ไม่มีค่าเทียบเท่าแม้แต่เส้นผมเส้นหนึ่งของนางได้
“ไม่เสียดาย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไปตอนนี้เลย”