กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 532
“ท่านพ่อบุญธรรมได้โปรดวางใจได้ หลิงลั่วจะจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างดี”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานมองดูน่าหลานหลิงลั่วที่เชื่อฟังและมีความกตัญญู ยิ่งมองก็ยิ่งเกิดความรักความเมตตา
หากลูกชายของเขาไม่จากไปเสียก่อน เช่นนั้นก็คงมีอายุไล่เลี่ยกันกับเขา
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานกวาสายตาไปรอบๆ อย่าระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเขาก็หยิบกล่องหีบเล็กๆ ออกมาจากลิ้นชักและยื่นให้กับน่าหลานหลิงลั่ว
น่าหลานหลิงลั่วเปิดออกดูด้วยความสงสัย ข้างในมีตราคำสั่งแผ่นหนึ่งและยังมีหนังสือสืบทอดตำแหน่ง ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า เพื่อมอบตำแหน่งผู้นำแห่งหุบเขาให้กับน่าหลานหลิงลั่ว
น่าหลานหลิงลั่วตกตะลึงและกล่าวอย่างหวาดกลัว “ท่านพ่อบุญธรรม ท่านยังมีพลานามัยที่แข็งแรงอยู่เลย ส่วนลูกนั้นอายุยังน้อยเหลือเกิน ท่าน……”
ผู้นำแห่งหุบเขาส่ายหน้า มองดูแสงจันทร์ที่สว่างไสวนอกหน้าต่างและถอนหายใจ “ถึงแม้ว่าจะหาไข่มุกมังกรไม่เจอ แต่ตอนนี้หุบเขาตันหุยก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว ความสามารถของเจ้าก็เป็นที่รู้กันดีในหุบเขานี้และทุกคนต่างยอมรับและเชื่อมั่นในตัวเจ้า หากให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง เช่นนั้นแล้วคนในหุบเขาจะต้องไม่มีข้อขัดแย้งอย่างแน่นอน ข้าแก่มากแล้ว ข้าไม่สามารถจัดการเรื่องในหุบเขาได้อีกต่อไปแล้วและตอนนี้ข้าเพียงต้องการปล่อยวางภาระอันหนักอึ้ง จากนั้นเดินทางไปยังสถานที่ที่ข้าและแม่บุญธรรมของเจ้าเคยไปด้วยกัน”
น่าหลานหลิงลั่วกุมแผ่นป้ายตราคำสั่งเอาไว้แน่น
เรื่องในอดีตนั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
แต่เขารู้ว่าท่านพ่อบุญธรรมและท่านแม่บุญธรรมมีความผูกพันลึกซึ้งอย่างมาก
ตอนนั้นท่านแม่บุญธรรมมีภาวะคลอดบุตรยาก และยังถูกคนรังแกทำให้ต้องตกจากหน้าผาสูง จนร่างกายแตกละเอียด
ท่านพ่อบุญธรรมไม่เชื่อว่าท่านแม่บุญธรรมจากไปแล้วและได้ทำการค้นหาอยู่นานกว่าสิบปี แต่ก็หาไม่เจอแม้แต่โครงกระดูก และในที่สุดก็ต้องยอมยกเลิกการค้นหาเพื่อกลับไปปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของผู้นำแห่งหุบเขาตันหุยเพียงลำพัง
หลายปีมานี้ ทุกคนต่างบอกท่านพ่อบุญธรรมว่า ท่านแม่บุญธรรมและลูกชายของเขานั้นได้ตายจากไปแล้ว แต่ท่านพ่อบุญธรรมก็ไม่ยอมเชื่อ
น่าหลานหลิงลั่วไม่รู้จะปลอบใจเขาได้อย่างไรและเพียงพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร หลิงลั่วจะคอยอยู่ข้างกายของท่านพ่อบุญธรรมไปตลอดและอยู่เพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่านให้มากที่สุดขอรับ”
“เด็กโง่ รอให้เจ้าแต่งงานไปแล้ว ข้าก็สามารถปล่อยวางและไร้ความกังวลแล้ว ส่วนท่านพ่อของเจ้า ข้าจะเป็นคนไปเจรจากับเขาเอง ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องให้เกียรติเจ้าบ้าง”
“พ่อของข้านอกจากท่านแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่มีทางให้เกียรติใครได้เลย”
“ฮ่าๆ……”
เสียงหัวเราะที่ดังสนั่น ทำให้ความหม่นหมองภายในห้องเลือนหายไปไม่น้อย
กู้ชูหน่วนฟังจนเกิดอาการเบื่อหน่ายและพยายามคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่
และคำพูดคำหนึ่งของพวกเขา กลับทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
“อีกไม่นานเจ้าก็จะได้เป็นผู้นำแห่งหุบเขาตันหุย หุบเขาตันหุยมีความลับบางอย่างที่เจ้าจำเป็นต้องรับรู้เอาไว้” ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง
“ความลับอะไรหรือ”
“หุบเขาตันหุยของเรามีเขตหวงห้าม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงผู้นำแห่งหุบเขาและผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในงานการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะจึงจะเข้าไปได้ คาดว่าเจ้าก็คงรู้เรื่องนี้”
“หลิงลั่วทราบขอรับ ตอนเด็กๆ ข้าดื้อรั้นอยากจะเข้าไปและท่านพ่อบุญธรรมก็บอกข้าว่าที่นั่นอันตรายมาก แม้แต่ผู้นำแห่งหุบเขารุ่นก่อนๆ หากไม่ระมัดระวังก็สามารถจบชีวิตลงที่นั่นได้ ท่านบอกว่า แม้แต่ท่านก็ยังไม่กล้าเข้าไปที่นั่นได้ง่ายๆ แต่หลิงลั่วไม่อยากจะเชื่อเลยและคิดว่าการได้เข้าไปยังเขตหวงห้ามถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างมาก”
“ใช่ ที่นั่นถือเป็นสถานที่ที่มีความดุร้ายและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลกใบนี้เลย”
น่าหลานหลิงลั่วขมวดคิ้ว
“ภายในเขตหวงห้ามมีหุบเขารูปดาบแห่งหนึ่ง ข้างในของหุบเขารูปดาบนั้นมีค่ายกลอาคมโบราณที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่ง มีการบอกเล่าสืบต่อกันมาจากผู้นำแห่งหุบเขาจากรุ่นสู่รุ่น กล่าวว่า ภายในมีกุญแจรูปดาวอันหนึ่ง เพียงแค่ได้ครอบครองกุญแจรูปดาวนั้นแล้ว เช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าจะหาไข่มุกมังกรเจอ”
เลือดของกู้ชูหน่วนสูบฉีดพลุ่งพล่านขึ้นมา
กุญแจรูปดาว……
นั่นเป็นสิ่งที่นางต้องการค้นหาไม่ใช่หรือ?
“พวกเราชาวหุบเขาตันหุยก็ต้องคอยปกป้องคุ้มครองกุญแจรูปดาวมาหลายชั่วอายุคน”
“ท่านพ่อบุญธรรม หลิงลั่วไม่เคยเข้าใจเลยว่า เหตุใดพวกเราชาวหุบเขาตันหุยถึงพยายามค้นหาไข่มุกมังกรมาโดยตลอด ไข่มุกมังกรดีจริงอย่างที่ถูกกล่าวขานกันมาอย่างนั้นเลยหรือ?”
“ไม่ว่าสุดท้ายแล้วไข่มุกมังกรจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือคนทุกคนและทุกรุ่นของหุบเขาตันหุยมีภารกิจในการค้นหาไข่มุกมังกรและปกป้องคุ้มครองกุญแจรูปดาว”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานชะงักอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวต่อ “มีเบาะแสของไข่มุกมังกรเม็ดที่พระชายาเยี่ยแย่งชิงไปเมื่อครั้งที่แล้วหรือไม่?”
“หลิงลั่วได้ตรวจสอบแล้ว ว่ากันว่าได้ถูกเผ่าหยกแย่งชิงไปเสียแล้วและไข่มุกมังกรเม็ดนั้นก็ไม่ได้อยู่กับคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้แล้วขอรับ แต่กลับตกอยู่ในมือของเผ่าหยก แต่ไม่ว่าหลิงลั่วจะค้นหาอย่างไร ก็ยังหาทางเข้าเผ่าหยกไม่ได้เลยขอรับ”
“หากทางเข้าของเผ่าหยกหาได้ง่ายดายเช่นนั้น นั่นก็คงไม่ใช่เผ่าหยกหรอก”
“เหตุใดที่คนของเผ่าหยกพยายามตามหาไข่มุกมังกรนั้น จากที่พวกข้าตรวจสอบมานั้น ดูเหมือนว่าเผ่าจะครอบครองไข่มุกมังกรแล้วจำนวนหนึ่ง”
“เรื่องเหล่านี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ขอเพียงแค่รู้ว่าไข่มุกมังกรตกไปอยู่ในมือของเผ่าหยกแล้ว เช่นนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงกลับมาแล้ว ปกป้องคุ้มครองกุญแจรูปดาวให้ดีและพยายามจัดการงานการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะให้ดีราบรื่นก็พอแล้ว”
“ขอรับ”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานและลูกชายพูดคุยอยู่นานไม่จบไม่สิ้น จากนั้นพูดเรื่องอื่นอีกมากมายก่อนที่จะออกจากห้องตำรา
กู้ชูหน่วนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ขอเพียงแค่ได้อันดับหนึ่งในงานการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ เช่นนั้นก็สามารถเข้าไปยังเขตหวงห้ามได้?
มีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งทำการเดินสำรวจตรวจเวรยามผ่านไปอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนได้ยินเสียงพูดคุยอย่างเป็นกังวลของพวกเขาดังขึ้นมา
“เนื้อในโรงครัวหายไปอีกแล้ว นั่นถือเป็นอาหารที่เตรียมเอาไว้รับรองแขกที่มาจากสำนักต่างๆ ไม่รู้ว่าเป็นคนที่ไร้คุณธรรมจากไหนที่มาแอบขโมยเนื้อสัตว์ในโรงครัวตลอดเวลาเลย”
“ก็ใช่น่ะสิ เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อลาและเนื้ออื่นๆ กว่าสองร้อยห้าสิบกิโลหายไปทั้งหมดเลย หากยังหาไม่พบ เช่นนั้นเราจะอธิบายให้ท่านผู้นำยังไงดี”
“มีผู้มีชื่อเสียงและมีเกียรติจำนวนมากที่มายังหุบเขาตันหุยของเรา หากอาหารไม่มีเนื้อสัตว์เลยสักนิดละก็ พระเจ้า เช่นนั้นแล้วหุบเขาตันหุยของเราต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน”
“ยังคิดเรื่องอับอายอะไรอีก ยังไม่รีบไปตามหาเนื้อสัตว์ละก็ เช่นนั้นแม้แต่ชีวิตของเราก็ไม่เหลือ”
“หุบเขาตันหุยได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปยังโรงครัวได้เลยด้วยซ้ำและในโรงครัวเองก็ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนย้ายใดๆ พวกเจ้าคิดว่าไอ้หัวขโมยนั่นแอบขโมยอาหารไปได้อย่างไรหรือ? คงเป็นไปไม่ได้ที่กินเข้าไปในท้องทั้งหมดกระมัง”
“คิดไปถึงไหนน่ะ ใครจะมีความสามารถเช่นนั้น เนื้อสัตว์ตั้งสองร้อยห้าสิบกิโล กินไปทั้งหมดหรือ? เช่นนั้นก็คงอิ่มตายกันพอดี”
คนที่กำลังพูดนั้นยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป
ความสงสัยของกู้ชูหน่วนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
แอบขโมยเนื้อหมู หรือว่าจะเป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์?
เจ้าหมอนั่นกินแต่เนื้อสัตว์และไม่กินผัก อีกอย่างปริมาณที่กินก็เยอะมาก ตั้งแต่ที่มันเข้ามายังหุบเขาตันหุยมันก็หายไป คาดว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต้องเป็นคนทำเรื่องนี้แน่ๆ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก กู้ชูหน่วนก็เขย่งเท้าเพื่อออกไป
“ใครน่ะ……ใครอยู่ตรงนั้น?”
ลูกศิษย์ที่กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยตะโกนขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็มีลูกศิษย์จำนวนมากวิ่งกันเข้ามา
กู้ชูหน่วนหยุดชะงักและคิดว่ามีคนเห็นนางเข้าให้แล้ว
แต่กลับคาดไม่ถึงว่านางจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ทำไมหรือ ข้าไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“อ้อ จอมมารนั่นเอง ข้าน้อยผิดเองขอรับ จอมมารได้โปรดให้อภัยพวกเขาด้วยขอรับ”
ผู้อาวุโสเจี่ยที่เป็นหัวหน้า ผู้อาวุโสเจี่ยพาเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายมาทำการปิดล้อมจอมมาร และเมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็ได้รีบให้ลูกศิษย์เปิดทางออก
กู้ชูหน่วนรีบหาที่ปลอดภัยและแอบเข้าไปหลบซ่อน
“ท่านจอมมาร เหตุใดท่านถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่หรือ?”
“หุบเขาตันหุยของเจ้าส่งสาส์นเชิญมาให้ข้า เช่นนั้นข้าก็เลยมาที่นี่” จอมมารเอามือไพล่หลังและจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา
เขาไม่มีทางบอกพวกเขาหรอกว่า เขาเข้าไปยังโรงครัวเพื่อหาอาหารให้แก่ท่านพี่หญิง แต่กลับเดินหลงทางอยู่ตรงนี้
เดิมทีเขาเห็นแผ่นหลังที่คล้ายกับท่านพี่หญิงและกำลังคิดจะวิ่งไล่ตามไป จากนั้นลูกศิษย์ของหุบเขาตันหุยก็โผล่เข้ามา จึงทำให้เขาพลาดโอกาสตามหาท่านพี่หญิง ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างมาก
“ใช่ๆ……หุบเขาตันหุยได้ส่งสาส์นเชิญไปให้ท่าน แต่คนใช้ต่างพูดกันว่า ท่านยังไม่ได้มาหุบเขาตันหุย ฉะนั้นจู่ๆ ท่านก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ พวกข้าจึงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก……”
“พวกเจ้าหมายความว่า ข้าไม่สมควรมาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น พวกข้าจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร จอมมารให้เกียรติเดินทางมายังหุบเขาตันหุย นั่นก็ถือเป็นเกียรติของหุบเขาตันหุยของเราอย่างยิ่ง”