กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 537
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 537
“ท่านพี่ไป๋ ท่าน… ท่านพูดผิดไปหรือเปล่า ที่นางทำแตกคือ…”
“ไม่ว่าแม่นางกู้จะทำอะไรแตก สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้ตั้งใจ”
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นไม่ใช่คนโง่ ดูก็รู้ว่าไป๋จิ่นไม่อยากเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย หรือไม่นางคงอยากจะเป็นสหายกับกู้ชูหน่วน
สิ่งที่กู้ชูหน่วนทำแตกเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเผ่าน้ำแข็ง ไม่อย่างนั้นผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ฉี่หลัวคงไม่โกรธขนาดนี้
น่าหลานหลิงลั่วกำลังคาดคะเนว่าไป๋จิ่นอยากจะเป็นสหายกับนางจริงๆ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นกันแน่
กู้ชูหน่วนลูบคาง ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “ถ้าไม่ตีกันคงไม่รู้จักกัน เรื่องตะเกียงหลากสีข้าต้องขออภัยเป็นอย่างมาก ครั้งนี้กู้ชูหน่วนเป็นหนี้น้ำใจพวกท่าน ในภายภาคหน้าหากต้องการสิ่งใด หากข้าช่วยได้ ข้าจะพยายามช่วยอย่างสุดแรง”
“แม่นางกู้เป็นคนใจถึงตรงไปตรงมา องอาจห้าวหาญ เป็นเกียรติของเผ่าน้ำแข็งยิ่งนักที่ได้เป็นสหายกับท่าน”
ทุกคนถึงกับงงงัน
นี่เป็นสหายกันแล้วหรือ
ไม่ใช่ว่าไป๋จิ่นแห่งเผ่าน้ำแข็งมีนิสัยแปลกๆ คบหาด้วยยากและไม่เคยให้เกียรติใครหรอกหรือ
ที่เห็นอยู่ตรงหน้านางก็พูดจาดีนี่นา ไม่เห็นเหมือนในข่าวลือเลยสักนิด
“ท่านพี่ไป๋จิ่น…”
“เอาละ ถ้าจะตำหนิก็ต้องตำหนิเจ้าที่ไม่ระมัดระวัง จะไปโทษคนอื่นไม่ได้”
ฮวาฉี่หลัวทั้งกังวลทั้งโกรธและตกใจ ทำได้แค่กระทืบเท้าเร่าๆ
น่าหลานหลิงลั่วไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา “ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด เช่นนั้นก็จบแต่เพียงเท่านี้ดีกว่า หลิงลั่วเตรียมสุราเบาๆ ไว้ให้ ถือเป็นการแสดงความขอโทษแทนคู่หมั้นของข้า”
“คู่หมั้น?”
ริมฝีปากสีแดงสดของไป๋จิ่นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ อย่างไม่คาดคิด
นางเป็นพระชายาเอกของเยี่ยจิ่งหานมิใช่รึ
จะมาเป็นคู่หมั้นของนายน้อยแห่งตันหุยกู่ได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนคว้าปกคอเสื้อด้านหลังของเขา เบ้ปากบอกว่า “พรุ่งนี้จะมีการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ ยังจะมาดื่มสุราอะไรอีก กลับไปนอนเอาแรงให้เต็มที่เถอะน่ะ”
“นี่…”
น่าหลานหลิงลั่วยิ้มอย่างกระดากเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนไม่ให้เกียรติเขาเลยจริงๆ ที่มาดึงคอเสื้อของเขาต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ ต่อไปในฐานะนายน้อย เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นคนของเผ่าน้ำแข็งยังมองอยู่ด้วย
สาวกของตันหุยกู่พากันอ้าปากค้าง
นี่น่ะหรือคือนายหญิงของนายน้อย
มัน… มันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว
มีสตรีที่ไหนบ้างมาดึงคอเสื้อผู้ชายออกไปแบบนี้
ที่สำคัญก็คือนางกลับมาอีกครั้งและพูดอะไรที่น่าโมโหจนไม่อาจชดใช้ได้ด้วยชีวิต
“เสี่ยวฉี่หลัว เป็นสาวเป็นนางโกรธไปก็มีแต่ริ้วรอยจะขึ้น ถ้าเจ้ายังขมวดคิ้วอยู่อีก ระวังจะไม่มีใครแต่งงานด้วยละ”
“กู้ชูหน่วน เจ้า… มันจะมากเกินไปแล้ว”
คนของตันหุยกู่และเผ่าน้ำแข็งขอโทษขอโพยกันก่อนจะแยกย้าย
ภายในห้อง ใบหน้าเล็กๆ ที่อ่อนเยาว์ของฮวาฉี่หลัวเต็มไปด้วยความโมโห คิ้วที่เรียวดั่งใบหลิวขมวดมุ่นอยู่นานสองนาน
ที่หางตาของนางมีน้ำตาคลอ นางประคองถ้วยชาไว้และเอ่ยกับไป๋จิ่นที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด “ท่านพี่ไป๋ ตะเกียงหลากสีแตกแล้ว ท่านไม่เจ็บใจหรือ ตะเกียงแตกแล้ว ต่อไปเราจะตามหาธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ฮือๆ…”
ไป๋จิ่นวางถ้วยชาในมือและเอ่ยเรียบๆ “เจ็บใจไปทำไม เจ้าดูบนพื้นดีๆ สิ”
ฮวาฉี่หลัวมองตามสายตาของนางไปบนพื้น จากนั้นจึงเห็นว่าไส้ตะเกียงยังสว่างสดใสแม้ว่าตะเกียงจะแตกไปแล้วก็ตาม
นี่มัน…
ตะเกียงแตกไปแล้ว ไส้ตะเกียงจะยังสว่างอยู่ได้อย่างไร
ไป๋จิ่นมองทิศทางที่กู้ชูหน่วนเดินจากไปและเอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในหุบเขาตันหุย และอยู่ข้างกายของพวกเรานี่เอง”
ฮวาฉี่หลัวเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาและเอ่ยอย่างงุนงง “อยู่… อยู่ข้างกายพวกเรา ที่ไหนหรือ”
“ไกลสุดขอบฟ้า อยู่ใกล้แค่ตรงหน้า”
“ฉี่หลัวไม่เข้าใจ”
ไป๋จิ่นลูบศีรษะเล็กๆ ของนางอย่างรักใคร่ มุมปากแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เด็กโง่ เจ้าไม่คิดว่าดวงตาของกู้ชูหน่วนเหมือนดวงตาของธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ”
“อา… ท่าน… ท่านจะบอกว่านางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร ถ้านางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดนางจึงจำพวกเราไม่ได้ นอกจากนี้… นอกจากนี้ยังดุว่าข้าจะไม่ได้แต่งงานอีกด้วย”
“บางที… ธิดาศักดิ์สิทธิ์อาจจะมีแผนอื่น หรือไม่ตอนนั้นนางอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนจำพวกเราไม่ได้ ข้าได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างหลัง”
“ท่านพี่ไป๋ ท่านแน่ใจหรือว่าเป็นนาง”
“ไม่ค่อยแน่ใจนัก ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง พรุ่งนี้ข้าจะลองหยั่งเชิงดูอีกที”
“งั้นข้าจะไปหานาง เมื่อครู่ข้าเกือบจะฆ่านางเสียแล้ว ข้าช่างงี่เง่ายิ่งนัก โชคดีที่ท่านพี่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ยังปลอดภัย”
ไป๋จิ่นดึงนางกลับมาและเอ่ยอย่างขำๆ ปนหนักใจ “เจ้าจะไปหานางตอนนี้ หรือว่าอยากให้ทุกคนรู้ว่านางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าน้ำแข็งของเรา”
“งั้นเราจะทำเป็นไม่รู้จักงั้นหรือเจ้าคะ”
“คอยดูก่อนว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์คิดจะทำอะไร ถ้านางตั้งใจทำเป็นจำเราไม่ได้ การไปหานางในเวลานี้จะไม่เป็นการทำให้แผนของนางวุ่นวายหรอกหรือ”
ไป๋จิ่นอดกังวลไม่ได้
เยี่ยจิ่งหานไม่ใช่คนที่จะคบหาได้ง่ายๆ
การที่ตันหุยกู่ยืนกรานว่าจะแต่งงานกับธิดาศักดิ์สิทธิ์นั่นก็เท่ากับว่าประกาศสงครามกับเยี่ยจิ่งหาน
เดิมทีตันหุยกู่ตั้งใจว่าจะจัดงานมงคลในวันที่มีการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ ให้นายน้อยน่าหลานหลิงลั่วแต่งงานกับกู้ชูหน่วน ทว่าผู้อาวุโสแห่งตันหุยกู่ เผ่าน้ำแข็ง เยี่ยจิ่งหาน เผ่าปีศาจและคนอื่นๆ ต่างคัดค้านอย่างพร้อมเพรียง บังคับให้พวกเขายกเลิกการแต่งงาน ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานกล่าวอย่างเสียใจว่า “หลิงลั่ว ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เต็มใจจะจัดงานแต่งให้พวกเจ้า แต่ว่า… หากเราเป็นศัตรูแค่กับเยี่ยจิ่งหานเราก็ไม่กลัวหรอก แต่ตอนนี้ยังมีเผ่าปีศาจและเผ่าน้ำแข็งเพิ่มมาอีก ปัญหามันเริ่มซับซ้อน”
เพื่อน่าหลานหลิงลั่ว ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับเยี่ยจิ่งหานเขาก็ยอม
แต่เขาไม่คิดว่าทันทีที่มีข่าวออกไป จอมมารและผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ไป๋จิ่นจะเข้ามาเตือนทันที เป็นการตอบสนองที่รุนแรงมาก
นอกจากนี้ผู้อาวุโสหลายคนของตันหุยกู่ยังอยากจะให้หลานสาวแต่งงานกับหลิงลั่ว ช่วงนี้จึงผลัดกันเทียวไปเทียวมา เกลี้ยกล่อมให้เขายกเลิกการหมั้น
เขาเป็นผู้นำของตันหุยกู่ เขาจะทำให้ทั้งตันหุยกู่ต้องตกอยู่ในอันตรายเพียงเพราะหลิงลั่วเพียงคนเดียวไม่ได้
น่าหลานหลิงลั่วยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านพ่อบุญธรรม ลูกเข้าใจความรู้สึกที่ท่านมีต่อลูก การแต่งงานจะยกเลิกก็ยกเลิกไป ถึงอย่างไรในภายภาคหน้าก็ยังมีโอกาสสำหรับสิ่งนี้อีก รอให้อาหน่วนกับเยี่ยจิ่งหานหย่ากันเสียก่อน แล้วเราค่อยหารือเรื่องแต่งงานกับนางอีกครั้งก็ยังไม่สาย”
เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าพ่อบุญธรรมต้องทนรับแรงกดดันมากมายแค่ไหนเพื่อเขา
ตันหุยกู่มีวิธีรับมือกับเยี่ยจิ่งหานอยู่แล้ว แต่การรับมือกับเผ่าปีศาจและเผ่าน้ำแข็งอาจทำให้ตันหุยกู่ล่มสลายได้ทุกเมื่อ
เขาจะปล่อยให้ผู้คนของตันหุยกู่ต้องมาสละชีวิตเพื่อเขาได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นหากยังไม่ได้แก้ไขเรื่องการหมั้นหมายของนางกับเยี่ยจิ่งหาน การแต่งงานของเขาและนางจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
เป็นเขาที่ใจร้อนเกินไป
“เจ้าคิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ขอเพียงแค่ทั้งสองคนตกลงปลงใจกัน พ่อเชื่อว่าวันหนึ่งพวกเจ้าจะได้แต่งงานกันแน่นอน”
จิตใจของน่าหลานหลิงลั่วว่างเปล่า
ทั้งสองคนตกลงปลงใจกัน?
ถ้านางมีใจให้เขา เขาคงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่นาง…
นางเป็นเพียงผู้หญิงที่ไร้หัวใจ
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานหรือน่าหลานหลิงลั่วต่างก็มีความสงสัยภายในใจ
เผ่าน้ำแข็งตัดขาดจากโลกและเรื่องทางโลกไปนานแล้ว เหตุใดจึงยื่นมือมาแทรกแซงเรื่องของกู้ชูหน่วนอย่างกะทันหัน
ความสัมพันธ์ของพวกนางกับกู้ชูหน่วนคืออะไรกันแน่
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ฉงน แต่เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารก็แปลกใจไม่แพ้กัน
วันต่อมา ดวงอาทิตย์สาดแสงสวยงามตระการตา ที่หน้าห้องโถงใหญ่อันโอ่อ่าของตันหุยกู่มีลานแสดงยุทธ์ขนาดใหญ่ลานหนึ่ง ซึ่งทั้งสองข้างของลานแสดงยุทธ์มีเพิงตั้งไว้อยู่หลายหลัง
ที่เพิงแต่ละหลังมีตั่งไม้เตี้ยตั้งอยู่ บนตั่งไม้มีสุราและอาหารรสเลิศวางไว้และมีชื่อของนิกายและเผ่าต่างๆ เขียนไว้ตามลำดับ
ที่ใจกลางลานแสดงยุทธ์มีเตากลั่นยาตั้งอยู่เป็นจุดๆ
การชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะคราวนี้รวบรวมยอดฝีมือจากทั้งใต้หล้ารวมถึงเผ่าและนิกายต่างๆ มาหมด แทบจะเรียกได้ว่ายอดฝีมือทั้งหมดมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว นับว่าเป็นกระบวนทัพที่โอ่อ่ามาก
กู้ชูหน่วนแอบยืนอยู่บนแท่นสูงซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าฉายอยู่ในแววตาของนาง และใบหน้าของนางก็แข็งเกรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เยี่ยจิ่งหานก็มาด้วย และใบหน้าของเขาก็อึมครึมมาก
ท่วงท่าเช่นนั้นไม่เหมือนคนที่มาเพื่อร่วมการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ แต่เหมือนคนที่มาเพื่อจับชู้มากกว่า
คนที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมเยี่ยจิ่งหานคือจอมมาร
ไม่รู้ว่าจอมมารไปโดนลมบ้าหมูอะไรมา สีหน้าของเขาจึงมืดมนราวกับมีคลื่นความโกรธอันรุนแรงสุมแน่นอยู่ในใจ แค่สะกิดนิดเดียวคงจะเผาทุ่งให้วอดวายได้เลย
ผู้ยิ่งใหญ่สองคนมาเจอกัน จอมมารลูบเส้นผมสีดำนุ่มสลวยของเขาพลางยิ้มเยาะ “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนขี้แพ้นี่เอง”
ฉ่า…
บรรยากาศที่คึกคักสงบลงในทันใด
แม้ว่าหลายๆ คนในที่นี้จะมาจากนิกายใหญ่ที่ซ่อนเร้นจากโลก แต่ถ้าเทียบกับเยี่ยจิ่งหานและจอมมาร พวกเขายังนับว่าห่างไกลมาก
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยชักดาบออกมา ตำหนิอย่างมีโทสะว่า “อย่ามาทำตัวไร้เหตุผลกับนายท่านของพวกข้า”
ยังมีนักฆ่าโลหิตอีกคนที่ชักอาวุธออกมา