กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 538
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 538
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันทีทันใด
ใบหน้ารูปดอกท้อที่มีมนต์เสน่ห์ของจอมมารมืดมนลงอย่างฉับพลัน จิตสังหารพาดผ่านเข้ามาจนทุกคนรู้สึกตึงเครียด
แต่ยังโชคดี ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานทำอย่างไร แค่เขายกแขนเสื้อขึ้น จิตสังหารนั้นก็มลายหายไป
ทุกคนโล่งอก
แต่ยังไม่ทันจะถอนหายใจออกมา จิตสังหารก็แผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารคุมเชิงซึ่งกันและกัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ทำอะไร แต่รอบกายกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล บางคนที่มีฝีมือไม่มากพอถึงกับรู้สึกกดดันจนต้องหมอบลงไปกับพื้น
นี่คือพลังระหว่างราชากับราชา
กู้ชูหน่วนกุมขมับ
นางรู้ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าพบหน้ากัน
ปึงๆๆๆ
กระเบื้องมุงหลังคาที่อยู่ไกลออกไปลอยขึ้นมาอย่างฉับพลันและก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดยักษ์สองกลุ่มกลางอากาศ สุดท้ายกระเบื้องเหล่านั้นก็ปะทะเข้าหากันเสียงดัง แตกกระเด็นไปทุกทิศทุกทางและปะทะเข้าหาฝูงชน
ผู้คนที่มาร่วมการชุมนุมพากันตกใจ มองไปยังกระเบื้องที่ตกลงมาจากฟ้าอย่างหวาดกลัว
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้พวกเขาจะอยากซ่อนตัวก็สายไปเสียแล้ว
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีฝ่ามือที่นุ่มนวลและทรงพลังมาดูดกระเบื้องเหล่านั้นไป วางปนเปกันบนพื้นจนกลายเป็นกองภูเขากระเบื้อง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงที่ไพเราะดุจดั่งกล้วยไม้บนหุบเขาที่ว่างเปล่าก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา
“เหตุใดทั้งสองท่านจะต้องโกรธกันด้วย ที่นี่คือหุบเขาตันหุย หากมีความแค้นเคืองส่วนตัวใดๆ ไว้รอจนงานชุมนุมสิ้นสุดค่อยไปจัดการกันเป็นส่วนตัว แบบนั้นจะดีกว่าหรือไม่”
ทุกคนเงยหน้ามองและพบว่าคนผู้นั้นเป็นสตรีรูปงามที่อยู่ในอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะ
สตรีผู้นั้นมีหน้าตางดงามปานจะล่มบ้านล่มเมือง มีบัวหิมะบานสะพรั่งอยู่ที่หว่างคิ้วของนาง รอบกายของนางเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สงบไร้การรบกวน คำพูดและรอยยิ้มดูงดงามมีเสน่ห์ ทุกการเคลื่อนไหวพร้อมพรักไปด้วยความสง่างามที่น่าหลงใหล
ข้างกายสตรีชุดขาวยังมีเด็กสาวหน้าตาอ่อนวัยอีกคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณสิบห้าสิบหกปี
แม่นางน้อยผู้นั้นถักผมเปียสองข้าง ใบหน้ายังมีความเป็นเด็ก ดวงตากลมโตวาววับกลอกไปมา บนใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ที่สดใส ตอนนี้นางกำลังมองไปรอบๆ เพื่อหาอะไรบางอย่าง
หลายคนในที่นี้ไม่รู้จักพวกนาง ทว่าสตรีในชุดขาวยังดูเด็กมาก แต่กลับจัดการกระเบื้องที่ลอยคว้างของสองยอดฝีมืออย่างเทพแห่งสงครามกับจอมมารได้ ความแข็งแกร่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ถ้าพวกเขาเดาไม่ผิด วรยุทธของผู้หญิงคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในชั้นสูงสุดระดับห้า หรือไม่ก็อาจจะอยู่ระดับหกแล้วด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
เหตุใดพวกเขาจึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เนื่องจากนางเข้ามาแทรกแซงอย่างกะทันหัน ทั้งเยี่ยจิ่งหานและจอมมารจึงหันไปมองนางอย่างพร้อมเพรียง
จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ราวกับดอกเหมยแดงที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางหิมะ ทั้งมีเสน่ห์และเยียบเย็น
“ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็เป็นผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ไป๋จิ่นกับฉี่หลัวแห่งเผ่าน้ำแข็งนี่เอง ทำไมรึ หรือว่าเผ่าน้ำแข็งก็อยากเข้ามายุ่งเรื่องเผ่าปีศาจของเราด้วย”
ก่อนที่ไป๋จิ่นจะพูดอะไร ฮวาฉี่หลัวก็พูดขึ้นมาก่อนว่า
“พวกข้าคร้านที่จะไปยุ่งเรื่องของพวกท่าน ที่นี่คืออาณาเขตของตันหุยกู่ ถ้าพวกท่านอยากสู้กันนักก็ออกไปสู้ที่อื่น ไม่รู้รึว่าการต่อสู้ที่นี่นับเป็นการไม่ให้เกียรติตันหุยกู่”
ฮือฮา…
ลมหายใจของทุกคนเย็นเยียบ
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเผ่าน้ำแข็ง…
เผ่าน้ำแข็งตัดขาดจากทางโลกไปแล้ว นอกจากนี้ยังไม่ออกมาปรากฏตัวต่อโลกภายนอกนานหลายทศวรรษแล้วมิใช่หรือ
เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่หุบเขาตันหุยอย่างกะทันหันเช่นนี้
แม่สาวน้อยผู้นั้นจะไม่กล้าหาญเกินไปหน่อยหรือ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อกรกับจอมมารต่อหน้าธารกำนัลเช่นนั้น ไม่กลัวว่าจอมมารจะฆ่านางด้วยฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวหรืออย่างไร
ทว่าจอมมารกลับหัวเราะเสียงดัง พยับหมอกบนใบหน้าก็คลายลงไปมาก “แม่สาวน้อยช่างฉลาดพูดคล้ายๆ นาง เอาเป็นว่าวันนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความเจ้า”
ผู้นำหุบเขาน่าหลานเอ่ยอย่างทันท่วงทีว่า “ทั้งสองท่าน วันนี้เป็นวันดีที่เราจัดการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ เพื่อเห็นแก่หน้าของผู้เฒ่าอย่างข้า โปรดทิ้งเรื่องนี้ไปก่อนได้หรือไม่”
กระแสความหนาวเย็นจากเยี่ยจิ่งหานลดลงไปมาก ภายในใจนึกสงสัยในจุดยืนและเจตนารมณ์ของเผ่าน้ำแข็ง แต่สุดท้ายก็ยอมเห็นแก่หน้าพวกนาง
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน เขาก็อดถากถางไม่ได้ว่า “ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน ถ้าข้าจำไม่ผิด ดูเหมือนท่านจะบังคับให้พระชายาของข้าแต่งงานเป็นสะใภ้ของท่านมิใช่หรือ”
จอมมารค้านว่า “นางเป็นภรรยาของข้า”
น่าหลานหลิงลั่วแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวนวลดั่งดวงจันทร์ ดูสง่างามและโดดเด่นเหนือใคร เขาเดินอย่างเนิบช้ามาแต่ไกลและเอ่ยด้วยเสียงที่ดังกังวานอย่างไม่ยอม “นางเป็นคู่หมั้นของข้า นางตกลงจะแต่งงานกับข้าแล้ว”
จอมมารเอ่ยอย่างเยียบเย็น “เหลวไหล เห็นกันอยู่ว่าผู้ที่นางสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยคือข้า”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มเยาะ “พวกเจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร นางคือผู้ที่แต่งงานเป็นพระชายาของข้าแล้ว พวกเจ้าจะมาคิดอะไรกัน”
ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง
ตกลงว่าเป็นผู้หญิงของใครกันแน่
เป็นไปได้หรือที่ผู้หญิงคนเดียวจะแต่งงานมีสามีสามคน
รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋จิ่นชะงักค้างราวกับไม่แน่ใจว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางมีใจให้ใคร
ฮวาฉี่หลัวมึนงงยิ่งกว่าและเอ่ยออกมาทันทีว่า “เดี่ยวๆๆ ที่พวกท่านพูดกันถึงหมายถึงท่านพี่กู้ชูหน่วนใช่หรือไม่ นางเป็นพระชายาของเยี่ยจิ่งหานมิใช่รึ แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกท่านสองคนด้วย”
จอมมารและน่าหลานหลิงลั่วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “จริงๆ แล้วนางไม่ชอบเยี่ยจิ่งหาน แต่นางถูกเขาบังคับให้แต่งงาน”
กู้ชูหน่วนกุมขมับและรู้สึกว่าปวดหัวเหลือเกิน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
นางกับเยี่ยจิ่งหานแต่งงานกันเพราะเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
นางไม่ได้สัญญาว่าจะแต่งงานกับซือม่อเฟย
ส่วนน่าหลานหลิงลั่วนั่นเป็นแผนการที่ทำเพื่อหวังผลประโยชน์
ผู้ชายสามคนตรงหน้านี้ นางไม่ชอบใครทั้งนั้น
เหตุใดตอนนี้เรื่องมันจึงยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ
ฮวาฉี่หลัวเต้นผ่าง “ว่าไงนะ ท่านบังคับนางรึ เหตุใดท่านต้องบังคับนางด้วย”
ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าน้ำแข็งกับกู้ชูหน่วนคืออะไรกันแน่ เหตุใดนางต้องตื่นเต้นขนาดนี้
ไป๋จิ่นดึงนางกลับมาและบอกเป็นนัยให้นางพูดให้น้อยลง
ฮวาฉี่หลัวกังวลมาก “แต่… พวกเขาบอกว่าท่านพี่กู้ถูกบังคับ”
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกที่น่าขบขันที่สุดในใต้หล้า เขาไพล่มือไว้ด้านหลังและเอ่ยอย่างทรงอำนาจ “น่าขัน ข้าที่ไม่เคยต้องการสตรีแบบไหนเลย เหตุใดจะต้องบังคับให้นางแต่งงานด้วย? ข้าจะพูดอีกครั้ง ถ้าใครกล้าแตะต้องพระชายาหานของข้า ไม่ว่าคนพูดนั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจะมีอำนาจใดๆ อยู่เบื้องหลัง ต่อให้ข้าจะต้องทุ่มเททุกวิถีทาง ข้าก็จะทำลายคนผู้นั้นให้หายวับไปกับตา”
คำพูดประโยคนั้นกระตุ้นความรู้สึกของจอมมารกับน่าหลานหลิงลั่ว ทันใดนั้นไฟระหว่างทั้งสองก็ปะทุขึ้นทันที
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานกลัวว่าพวกเขาจะต่อสู้กันจนรบกวนการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงจับน่าหลานหลิงลั่วเอาไว้พลางเกลี้ยกล่อมว่า
“ทุกท่านได้โปรด วันนี้เป็นวันดีสำหรับการจัดการชุมนุม เรื่องส่วนตัวเหล่านี้ค่อยมาคุยกันทีหลังได้หรือไม่”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเยี่ยจิ่งหานกับจอมมารคงจะเห็นแก่หน้าของพวกเขาบ้าง แต่คราวนี้ตันหุยกู่ก็ต้องการแต่งงานกับกู้ชูหน่วนเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารจึงไม่คิดจะเหลือเกียรติใดๆ ไว้ให้ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน
ขณะที่บรรยากาศกำลังมึนตึง ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็ตะโกนมาแต่ไกลว่า “เผ่าเพลิงฟ้ามาถึงแล้ว…”
เผ่าเพลิงฟ้า?
นี่ก็เป็นอีกเผ่าใหญ่ที่ซ่อนเร้นจากโลก
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่ได้เห็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า
จิตสังหารของเยี่ยจิ่งหานเอ่อล้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาที่มองเผ่าเพลิงฟ้าเยียบเย็นประดุจน้ำแข็ง
มือที่กุมขมับของกู้ชูหน่วนคลายลงทันที
ความโกรธท่วมท้นขึ้นมา
ความเกลียดชังแพร่กระจายลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ
เผ่าเพลิงฟ้า…
เผ่าเพลิงฟ้าที่ทำร้ายผู้คนนับพันนับหมื่นของเผ่าหยก…