กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 54
แม่สาวอัปลักษณ์ผู้นี้ร้ายกาจมาก
แววตาที่เยือกเย็นของเยี่ยเฟิงดูเหมือนจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทว่าถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีแววของความครุ่นคิดในดวงตาคู่นั้น
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าอัครเสนาบดีกู้กำลังทำหน้าอึมครึมน่ารังเกียจอยู่ฝั่งตรงข้าม เหล่าขุนนางที่อยู่ข้างกายดูเหมือนจะกำลังหัวเราะเยาะเขา เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ชัด
กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟังและได้ยินการสนทนาของพวกเขาแว่วๆ
“อัครเสนาบดีกู้ช่างสั่งสอนบุตรสาวของท่านได้ดีนัก บุตรสาวทั้งสามล้วนมีความประพฤติดีเยี่ยมจนได้เข้ามาเรียนที่สำนักศึกษาวังหลวงทีละคน คุณหนูสามกับคุณหนูห้ายิ่งโดดเด่นกว่าใคร น่านับถือยิ่งนัก”
คำพูดเหน็บแนมเหล่านี้ทำให้อัครเสนาบดีกู้โกรธจนรู้สึกคันปาก ทว่าเขาต้องทำเป็นยิ้มเข้าไว้ “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”
“ดูสิ ข้าเพิ่งจะพูดถึงบุตรสาวของท่านอัครเสนาบดีกู้ไปหยกๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจของผู้คนเสมอ พวกท่านยังไม่เชื่ออีกหรือนั่น” เสนาบดีคนหนึ่งบุ้ยปากไปฝั่งตรงข้าม
อัครเสนาบดีกู้พยายามข่มความโกรธที่ท่วมท้นขึ้นมาภายในใจ
เขาไม่ได้ตาบอด เขาจะไม่เห็นได้อย่างไรว่าคนของสำนักศึกษาวังหลวงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังทำให้กู้ชูหลานอับอายขายหน้า
เขาโกรธมาก
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น กู้ชูหลานยังมีหน้ามาปรากฏตัวในการชุมนุมแข่งขันวิชาการ
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าก็คือไม่รู้ว่ามีใครปากบอนมาปล่อยข่าวเรื่องที่หลานเอ๋อร์เสียความบริสุทธิ์ ทำให้จวนอัครเสนาบดีต้องเสียเกียรติ และเขาก็กลายเป็นที่เยาะเย้ยของสหายในราชสำนัก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยถากถางของผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อัครเสนาบดีกู้จึงกล่าวอย่างมีโทสะว่า “อย่างน้อยบุตรีของข้าก็ได้เข้าศึกษาในสำนักศึกษาวังหลวง โดยเฉพาะบุตรีคนรองของข้าที่ปราดเปรื่องและมีชื่อเสียงในรัฐเยี่ย ดีกว่าบางคนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
ในบรรดาบุตรสาวของเขา บุตรสาวคนรองคือความภาคภูมิใจของเขาเสมอมา ขอเพียงแค่วันนี้กู้ชูอวิ๋นคว้าที่หนึ่งมาได้ เกียรติของเขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน
อัครเสนาบดีกู้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับกู้ชูอวิ๋น
ทว่าอยู่ๆ หม่ากงกงก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ ทำให้ความหวังสุดท้ายของเขาพังทลาย
กู้ชูหลานบุตรีของอัครเสนาบดีกู้กระทำเรื่องผิดศีลธรรมจนเสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล นับเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในสำนักศึกษาวังหลวง ต้องโทษโบยห้าสิบไม้และต้องออกไปจากสำนักศึกษาทันที พระบัญชานี้มีผลตลอดชีวิต บุตรีคนรองกู้ชูอวิ๋นในฐานะพี่สาวมีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เป็นผลให้ถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในการชุมนุมแข่งขันวิชาการครั้งนี้และต้องออกไปทันที
อัครเสนาบดีกู้ทรุดลงในทันใด สีหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือด
กู้ชูหลานที่เลวทรามถูกขับไล่ก็สมควรแล้ว แต่อวิ๋นเอ๋อร์ทำผิดอะไร
ถ้าถูกตัดสิทธิ์เช่นนี้เขาจะรักษาเกียรติตัวเองได้อย่างไร
อัครเสนาบดีกู้ตื่นตระหนก แต่กู้ชูอวิ๋นยิ่งตื่นตระหนกมากกว่า
นางเตรียมตัวมาหลายวันหลายคืนเพื่อการแข่งขันในวันนี้ นอกจากนี้นางยังหวังว่าชื่อเสียงของตนเองจะเลื่องลือไปทั่วจากการชุมนุมแข่งขันวิชาการ และนางก็จะได้รับความโปรดปรานจากท่านอาจารย์ซั่งกวน
การที่ถูกตัดสิทธิ์เช่นนี้นางจะยินดีได้อย่างไร
กู้ชูอวิ๋นมองบิดาของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ
หัวใจของอัครเสนาบดีกู้แหลกสลาย
เขาเองก็อยากจะอ้อนวอนต่อองค์จักรพรรดิ ทว่าสิ่งที่หลานเอ๋อร์ทำเป็นสิ่งเลวร้ายมาก ถ้าไปร้องขอต่อพระองค์เกรงว่าจะยิ่งทำให้พระองค์ทรงกริ้วยิ่งขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นทั้งจวนอัครเสนาบดีก็จะตกอยู่ในอันตราย
อัครเสนาบดีกู้เบนหน้าหนีอย่างจนปัญญา
หัวใจของกู้ชูอวิ๋นจมลงสู่ก้นบึ้ง
นางกัดฟันแน่น พยายามไม่หันไปมองอาจารย์ซั่งกวนผู้อ่อนโยนและสง่าที่อยู่ในอาภรณ์สีขาว
“คุณหนูสองโปรดรับพระราชโองการ” หม่ากงกงมีท่าทีที่ไม่ดีนัก
ยังไม่ทันที่กู้ชูอวิ๋นจะพูดอะไร กู้ชูหลานก็ย่างสามขุมเข้าไปชี้หน้ากู้ชูหน่วนอย่างโกรธเกรี้ยวพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“ข้าถูกใส่ร้าย พวกท่านเชื่อข้าสิ เป็นกู้ชูหน่วน เป็นนางที่สร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายข้า พวกท่านควรขับไล่นางถึงจะถูก”
“สามหาว เจ้ากล้าลบหลู่พระราชโองการงั้นหรือ”
“ข้าเปล่านะ ข้าเพียงแค่…”
“ฝ่าบาทมีกระแสรับสั่ง หากคุณหนูห้าฝ่าฝืนพระราชโองการจะต้องถูกลากออกไปโบยจนตาย”
องครักษ์ก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนซ้ายแขนขวา ลากกู้ชูหลานออกไป