กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 558
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 558
“มันคือกิเลนแห่งความเวิ้งว้าง” เหวินเส่าอี๋อ้าปากค้าง นึกอยากจะถอยกลับแต่ว่าสายเกินไปเสียแล้ว
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารกันกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลังอย่างรู้กัน จอมมารจ้องมองกิเลนแห่งความเวิ้งว้างอย่างตื่นตัว ในขณะที่เยี่ยจิ่งหานมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออก
กู้ชูหน่วนกระซิบถามเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
“กิเลนแห่งความเวิ้งว้างคือสิ่งใดรึ”
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่ามันมีกลิ่นอายเหมือนมังกรอสูรระดับเจ็ดที่อยู่บนหุบเขาโลหิตหูหลู
ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดนี่ก็อยู่ระดับเจ็ดเหมือนกันหรอกนะ
ลิ้นของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สั่นสะท้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นใบหน้าของมันแสดงความหวาดกลัวออกมา “กิเลนเขาเดียวแห่งความเวิ้งว้างเจริญเติบโตอยู่ในสถานที่เวิ้งว้าง และที่ที่เราอยู่ตอนนี้คือสถานที่เวิ้งว้างแห่งหนึ่ง ไม่ว่าวรยุทธของทุกคนจะสูงส่งเพียงใด ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่ วรยุทธของทุกคนจะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่ต่างอะไรจากดอกสำลีที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง”
“ความหมายของเจ้าก็คือ หากต่อสู้กันที่นี่พวกเราจะเสียเปรียบ เพราะเราจะสูญเสียวรยุทธทั้งหมด แต่วรยุทธของมันจะยังอยู่เหมือนเดิม?”
“กะ… ก็ประมาณนั้น”
“พอจะดูออกหรือไม่ว่ามันอยู่ระดับไหน”
“ระ…ระ…ระดับเจ็ด…”
รูม่านตาของกู้ชูหน่วนหดเล็กลง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมผู้ชายสามคนที่ไม่กลัวฟ้าดินจึงได้ดูกดดันมากขนาดนี้
นางพยายามเพ่งสายตาเพราะอยากเห็นกิเลนแห่งความเวิ้งว้างที่อยู่ตรงหน้าชัดๆ
ทว่าที่นี่มืดเกินไป นางมองเห็นเพียงเงาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้ารางๆ
เงากลมๆ นั้นคล้ายวัวยักษ์ที่อ้วนพี บนหัวมีเขายาวอยู่หนึ่งเขา ฟันแหลมคม คมยิ่งกว่าฟันของหมาป่าหลายเท่าตัว
เมื่อมองดูเงานั้นอีกครั้งจึงเห็นว่ามันสูงกว่าสิบเมตร พวกเขาที่อยู่ตรงหน้ากิเลนแห่งความเวิ้งว้างดูอ่อนปวกเปียกราวกับมดปลวก
กิเลนแห่งความเวิ้งว้างเคลื่อนที่อย่างไร้จุดหมาย หากไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันหลับตาอยู่ พวกเขาก็เกือบจะคิดไปว่ากิเลนเขาเดียวเห็นพวกเขาแล้ว
เยี่ยจิ่งหานกระซิบว่า “ถ้าอยากรอดจงเคลื่อนไหวเงียบๆ หาทางออกก่อน”
ผู้ที่อยู่ตรงนั้นล้วนเป็นคนฉลาด เหตุใดพวกเขาจะไม่รู้ว่าทันทีที่กิเลนเขาเดียวตื่นขึ้นและต้องเผชิญหน้ากับมัน พวกเขามีแนวโน้มจะแย่มากกว่าดี ตอนนี้ทำได้เพียงต้องออกไปก่อนเท่านั้น
กู้ชูหน่วนคลำหาทางออกในความมืด ไม่รู้ว่าลำแสงอะไรส่องผ่านมา ดวงตาที่แหลมคมของนางจึงพบว่าที่คอของกิเลนแห่งความเวิ้งว้างมีกุญแจรูปดาวห้อยอยู่
ไม่เอาน่า…
กุญแจรูปดาวห้อยอยู่ที่กิเลนเขาเดียวจริงๆ
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี
“พวกท่านสองคนพอจะมีวิธีช่วยข้าเอากุญแจรูปดาวมาจากคอของกิเลนหรือไม่”
จอมมารเหลือบมองและกล่าวว่า “มันก็แค่กุญแจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปลิดชีพตัวเองทิ้ง”
ดูเหมือนเหวินเส่าอี๋จะเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาที่อบอุ่นของเขาเบนกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับกำลังคิดว่าจะชิงกุญแจรูปดาวมาจากกิเลนเขาเดียวได้อย่างไร
เยี่ยจิ่งหานถามว่า “เจ้าต้องการกุญแจรูปดาวขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่”
“จำเป็น?”
“จำเป็น”
นางมาที่นี่ก็เพื่อกุญแจรูปดาว ถ้าคว้ากุญแจรูปดาวมาไม่ได้นางจะมาที่นี่ทำไม
“หาทางออกก่อน หลังจากเจอทางออกข้าจะช่วยชิงมาให้”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองเยี่ยจิ่งหานอย่างซาบซึ้งใจ
หลังจากควานหาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็พบจุดที่เว้าลงไป
จุดเว้านี้เหมือนกับหุบเขาทรงกระบี่ที่ประตูด้านนอกทุกประการ กู้ชูหน่วนชักดาบสั้นออกมา ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เยี่ยจิ่งหานกับจอมมาร ให้จอมมารจับตาเหวินเส่าอี๋ ให้เยี่ยจิ่งหานไปชิงกุญแจรูปดาว ส่วนนางจะเปิดประตูหิน
ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็คือประตูหินเปิดออกเสียงดังครั่นครืน คนจากเผ่าน้ำแข็ง หออันดับหนึ่งในใต้หล้า เผ่าเพลิงฟ้า รวมถึงคนของตันหุยกู่ก็กรูกันเข้ามา
แสงสว่างส่องเข้ามาพร้อมกับเสียงของการต่อสู้
กิเลนแห่งความเวิ้งว้างถูกปลุกให้ตื่นทันที
โฮกฮาก…
เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับกิเลนแห่งความเวิ้งว้างที่พุ่งเข้ามา
มันวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วพอๆ กับเสือชีตาห์และฟาดกรงเล็บพิษลงมาอย่างแรง
คนของเผ่าเพลิงฟ้าบุกเข้ามาเป็นกลุ่มแรกและกลายเป็นหนังหน้าไฟที่รับกรงเล็บพิษก่อนใคร ทันใดนั้นคนพวกนั้นก็สลายกลายเป็นเลือด ไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ซากกระดูก
ทุกคนตื่นตกใจ
พวกนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงของเผ่าเพลิงฟ้า และหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดอีกด้วย คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายอย่างไม่รู้หนเหนือหนใต้อยู่ตรงร่างของกิเลนแห่งความเวิ้งว้าง
ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินเส่าอี๋ช่วยดึงพวกเขาไว้ทัน เกรงว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าคงต้องบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้
เหวินเส่าอี๋รู้สึกละอายใจเล็กน้อย ตอนที่กิเลนเขาเดียวพุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าในครั้งแรก เขาใช้พลังของเขาเพื่อยืนมือไปช่วยโดยลืมไปว่าวรยุทธของเขาไร้ความหมายเมื่ออยู่ที่นี่ สุดท้ายเขาจึงใช้ความคล่องแคล่วรวดเร็วดึงพวกเขาออกมา
โฮกฮาก…
กิเลนเขาเดียวคำรามขึ้นมาอีกครั้ง การเคลื่อนไหวยังไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าและไป๋จิ่น
“เหตุใดวรยุทธของข้าจึงหายไป”
“วรยุทธของข้าก็หายไปเช่นกัน ดึงชี่แท้ออกมาใช้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
ผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้ายังไม่ทันจะตอบโต้อะไรได้ก็ถูกกรงเล็บอีกครั้งจนสลายกลายเป็นเลือด
ไป๋จิ่นกลิ้งตัวออกไป สีชิ่นใช้ผ้าไหมสีแดงตวัดไปดึงไป๋จิ่นออกมาอีกแรง ช่วยชีวิตนางได้อย่างทันท่วงที
การเผชิญหน้ากับกิเลนแห่งความเวิ้งว้างระดับเจ็ดไม่เปิดโอกาสให้ใครมีโอกาสหลบหลีก แววตาของกู้ชูหน่วนเย็นเยียบ ทันใดนั้นนางก็ถลันเข้าไปหากิเลนแห่งความเวิ้งว้าง
“อาหน่วน…”
“พี่หญิง…”
“แม่นางกู้…”
มีคนตะโกนเรียกนางโดยไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
กู้ชูหน่วนหยิบอาวุธที่ซ่อนไว้ออกมาและยิงไปทางกิเลนเขาเดียวอย่างแม่นยำ
แต่ถึงอย่างไรกิเลนเขาเดียวตัวนี้ก็คืออสุรกายระดับเจ็ด อาวุธลับทำอะไรมันไม่ได้เลย
ขณะที่เข้าไปใกล้มัน กู้ชูหน่วนก็รู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็นบางอย่าง รู้สึกราวกับว่านางกำลังจะกลายเป็นเลือด
เยี่ยจิ่งหาน จอมมาร ไป๋จิ่น สีชิ่นและคนอื่นๆ เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือมาช่วย
แม้แต่เหวินเส่าอี๋ก็ยังยืนมือมาช่วยนาง
คนของเผ่าเพลิงฟ้าตกใจมากและรั้งเหวินเส่าอี๋ไว้
“นายน้อยจะเข้าไปไม่ได้ หากข้าเดาไม่ผิด นั่นคือกิเลนแห่งความเวิ้งว้าง ความแข็งแกร่งของมันสูงถึงระดับเจ็ด ต่อให้เราทุกคนร่วมมือกันก็ยังฆ่ามันไม่ได้ ปล่อยให้พวกนั้นต่อสู้กันจนได้รับบาดเจ็บไปเอง แล้วเราแค่คอยฉวยผลประโยชน์ก็พอ”
“นายน้อย โปรดออกไปกับพวกข้าก่อน ข้าจะขังพวกนั้นไว้ที่นี่ ปล่อยให้อยู่ในความว่างเปล่าไปตลอดกาล”
เสียงของผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าจะว่าดังก็ไม่ดังจะว่าเบาก็ไม่เบา และทุกคน ณ ที่แห่งนี้ได้ยินกันหมด
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่กับกิเลนเขาเดียว พวกเขาจะฆ่าพวกเผ่าเพลิงฟ้าให้หมด
แม้ว่าทั้งห้าคนจะร่วมมือกันแต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ปรับของกิเลนเขาเดียวอยู่ดี พวกเขาสูญเสียวรยุทธไปหมดเมื่ออยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและมีทักษะพื้นฐานที่ดี เกรงว่าพวกเขาคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
เหวินเส่าอี๋ยืนอยู่อย่างนั้นไม่ยอมจากไป เขาเพียงแค่จ้องมองทุกคนที่กำลังต่อสู้ด้วยความเฉยเมย
ดวงตาที่เมินเฉยคู่นั้นไม่สนใจอะไรเลย แต่ทุกครั้งที่เห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจะมองนางอย่างตามติดโดยไม่มีเหตุผล
เขาไม่เคยเห็นกู้ชูหน่วนที่เป็นแบบนี้มาก่อน นางเกือบถูกกิเลนเขาเดียวพัดปลิวหลายครั้ง แต่นางก็ปีนขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งนางจะทุ่มอย่างเต็มกำลังและผงาดขึ้นมาอีก
หลายจุดบนเรือนร่างของนางถูกย้อมสี เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาตามเสื้อผ้าที่นางสวมใส่
ทว่าสีหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและมุ่งมั่น
พึ่บ!
พึ่บ!
แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างไป๋จิ่นและสีชิ่นยังได้รับบาดเจ็บเพราะกิเลนแห่งความเวิ้งว้าง
เยี่ยจิ่งหานและจอมมาร คนหนึ่งจับขาหน้าคนหนึ่งจับขาหลังของสัตว์ร้าย ไม่รู้ว่าพวกเขาควบคุมเนื้อหนังที่ทรงพลังในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนยกมือขวาขึ้นและยิ่งอาวุธลับไปที่ดวงตาของกิเลนเขาเดียว
มือหนึ่งจับเขาของมันไว้ อีกมือหนึ่งชิงกุญแจรูปดาวออกมาอย่างรวดเร็ว
กิเลนเขาเดียวลงมือจู่โจมทันที
เยี่ยจิ่งหาน จอมมาร รวมถึงกู้ชูหน่วนถูกสะบัดออกไปอย่างแรง พวกเขากระอักเลือดอย่างหนัก และอวัยวะภายในก็พลุ่งพล่านไม่หยุด