กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 569
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 569
“รองหัวหน้าเผ่าซือคง ท่านผู้อาวุโสสูงสุดและท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ลั่วเอ๋อร์อายุยังน้อยและเผลอพูดผิดไป แน่นอนว่าชาวหุบเขาตันหุยของเราไม่มีทางดูหมิ่นในเผ่าเพลิงฟ้าเลยแม้แต่นิดเดียว” ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานมองไปยังน่าหลานหลิงลั่ว
เจ้าคนไม่เอาไหน คิดอยากทำลายหุบเขาตันหุยอย่างนั้นหรือ?
เผ่าเพลิงฟ้าเป็นกองกำลังที่ควรมีปัญหาด้วยหรือ?
นั่นเป็นถึงเผ่าโบราณที่มีอายุและการสืบทอดมากว่าพันปี มียอดฝีมืออยู่ในเผ่าเป็นจำนวนมากและยังมีผู้อาวุโสสูงสุดอีกมากมาย หุบเขาตันหุยของพวกเขาไม่กล้าก่อปัญหาด้วยหรอก
น่าหลานหลิงลั่วกล่าว “การมายืนอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วนนั้นเป็นเพียงความคิดและการกระทำของข้าเพียงผู้เดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหุบเขาตันหุยแม้แต่นิดเดียว”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ ยังไม่รีบกลับมารีบ”
“ท่านพ่อ ท่านบอกกับข้าตั้งแต่ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กว่า หากในใจมีใครที่คอยเป็นห่วงเป็นใย เช่นนั้นจะต้องพยายามปกป้องดูแลนางให้ดีที่สุด และไม่ให้นางต้องได้รับบาดรับหรืออันตรายใดๆ และตอนนี้ ต่อให้ลูกต้องจบชีวิตลง เช่นนั้นลูกก็ต้องปกป้องคุ้มครองนางเพื่อให้ออกไปจากเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างปลอดภัยขอรับ”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานอดไม่ได้ที่จะเอาอะไรไปอุดปากของเขาไม่ให้เขาพูด
ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
เผ่าเพลิงฟ้าเป็นที่ไหนกัน ต่อให้มีจอมมารหรือเยี่ยจิ่งหานอีกกี่คน เช่นนั้นก็ไม่สามารถออกไปจากเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างปลอดภัย ฝีมือการต่อสู้ของเขาเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว จะไปนับประสาอะไร?
หรือว่าเขามองไม่ออกหรือว่าเผ่าเพลิงฟ้าคิดจะฆ่านางเสียให้ได้?
กู้ชูหน่วนถือเป็นนักปรุงกลั่นยาที่มีพรสวรรค์ หุบเขาตันหุยของพวกเขาก็ขาดแคลนผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ และยอมแลกด้วยทั้งหุบเขาตันหุยเพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตของนาง
และ……
ความเป็นจริงช่างเจ็บปวด
หากหุบเขาตันหุยต้องต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้า ก็ไม่มีแววจะชนะเลยสักนิด พวกเขาอยากทำลายก็ทำลายได้
หลายปีมานี้ กองกำลังขนาดเล็กที่เผ่าเพลิงฟ้าทำลายไปยังไม่มากพออีกหรือ?
พวกเขายังไม่ทันจะได้ตัวของกู้ชูหน่วน เกรงว่าหุบเขาตันหุยคงจะเหลือเพียงซากเท่านั้นกระมัง
ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ดูเสียเปรียบไปทุกทาง
“ข้าออกคำสั่งให้เจ้ากลับมา”
“ขอโทษขอรับ หลิงลั่วไม่อาจทำตามได้”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานทั้งโมโหทั้งร้อนรนกระวนกระวาย และวิ่งไปลากเขาออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เยี่ยจิ่งหานเหล่มองกู้ชูหน่วนและส่งสัญญาณทางสายตา “เจ้าเป็นอะไรกับเขา?”
กู้ชูหน่วนกางมือออกด้วยท่าทางไร้เดียงสา
จะเป็นอะไรกันได้?
นางกับเขาไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย
เพียงแค่เคยเจอกันครั้งเดียวที่หุบเขาโลหิตหูหลู หลังจากนั้นก็เจอกันที่หุบเขาตันหุย จากนั้นเขาก็ตามยื้อนางอย่างน่าแปลกใจ นางจึงไม่สามารถทำอะไรได้?
กู้ชูหน่วนพูดว่า “นายน้อยแห่งหุบเขาน่าหลาน ข้าขอบใจสำหรับความหวังดีของท่าน นี่เป็นความแค้นระหว่างข้ากับเผ่าเพลิงฟ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน ท่านรีบออกไปพร้อมกับท่านพ่อของท่านเถอะ”
“ได้ยินหรือยัง นางบอกให้เจ้าออกไปยังไงล่ะ เหตุใดเจ้ายังอยู่ตรงนี้อีก?”
เจ้าลูกไม่รักดี รักใครไม่รัก แต่กลับตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้
เขาไม่ได้ตาบอด กู้ชูหน่วนไม่ได้เป็นเพียงพระชายาของเยี่ยจิ่งหานเท่านั้น และยังเป็นผู้หญิงที่จอมมารตกหลุมรัก และที่สำคัญก็คือ กู้ชูหน่วนไม่ได้ชอบลูกบุญธรรมคนนี้ของเขาเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้หลิงลั่วยังโกหกเขา บอกว่าเขาและนางรักใคร่กันดี
อะไรคือการรักใคร่กันดี ล้วนแต่เป็นคำพูดโกหกหลอกลวง
หากพวกเขาสองคนรักใคร่กันดี เช่นนั้นแล้วเขาจะทำให้เยี่ยจิ่งหานโกรธ ทำให้จอมมารโมโหหรือ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
การทำเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้รักเขาเลย แต่กลับเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก และยังเอาหุบเขาตันหุยเข้าแลก เขาเดิมพันเกินตัวไปหรือไม่?
“ท่านพ่อ……หากท่านกลัวว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะทำมิดีมิร้ายต่อหุบเขาตันหุย เช่นนั้นลูกขอยกเลิกความสัมพันธ์กับหุบเขาตันหุยลงตั้งแต่ตอนนี้”
“เจ้า……เจ้าคิดอยากให้ข้าโมโหจนตายไปเลยใช่หรือไม่?”
ผู้นำแห่งหุบเขาสองคนพ่อลูกถกเถียงกันจนเผ่าเพลิงฟ้ารู้สึกรำคาญ
กู้ชูหน่วนก็รู้สึกรำคาญเช่นกัน
จากนั้นจึงเดินเข้าไปและใช้โอกาสในจังหวะที่น่าหลานหลิงลั่วไม่ทันระวังตัว จากนั้นทุบลงไปที่เขาหนึ่งที จนทำให้เขาหมดสติไปทันที
“ท่านสามารถพาเขากลับไปได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ กู้ชูหน่วนปัดมือและหันไปมองผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน เพื่อส่งสัญญาณให้เขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษ……”
“ไม่เป็นไร เดิมทีข้าและท่านก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”
เขาเป็นผู้นำแห่งหุบเขาตันหุย และเพื่อประชาชนชาวหุบเขาทุกคน ทำให้เขาไม่อาจก่อเรื่องบาดหมางกับเผ่าเพลิงฟ้านั่นก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งอะไรเช่นนั้น
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมาและทำได้เพียงถอนหายใจ จากนั้นประคองน่าหลานหลิงลั่วจากไป รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวว่า “ปรมาจารย์สี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหออันดับหนึ่งในใต้หล้า เจ้า……” สีชิ่นลุกขึ้นยืนและลูบผมของตัวเองอย่างเย้ายวน จากนั้นเดินส่ายสะโพกออกไปข้างหน้า นางยิ้มและกล่าวว่า “รองหัวหน้าเผ่าซือคงช่างพูดขบขันนัก
“อ้อ……” รองหัวหน้าเผ่าซือคงลากเสียงยาว
ทุกคนต่างมองไปที่สีชิ่นพร้อมกัน
หรือหออันดับหนึ่งในใต้หล้าจะยอมเป็นศัตรูกับเผ่าเพลิงฟ้า เพียงเพื่อคนคนเดียวที่มีฝีมือระดับขั้นที่สอง?
ไม่……
ต่อให้กองกำลังของพวกเขาจะใหญ่มากเพียงใด การจะสู้รบกับเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลยสักนิด
แต่ทำอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึง
ใบหน้าที่เย้ายวนมีเสน่ห์ของสีชิ่นเชิดชูชันและยกแขนเสื้อขึ้นโบกไปมา จากนั้นก็คุกเข่าข้างเดียวลงตรงหน้าของกู้ชูหน่วน ด้วยท่าทางเคารพและนอบน้อมอย่างมาก
“ข้อน้อยสีชิ่นแห่งหออันดับหนึ่งในใต้หล้าคารวะเจ้าหอ”
ซี๊ด……
ทุกคนต่างพากันทำเสียงสูดลมหายใจเข้า
สายตาของทุกคนหันไปที่สีชิ่นและจากนั้นก็มองไปที่กู้ชูหน่วน และเป็นเวลานานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
แม้แต่เยี่ยจิ่งหานและจอมมารก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
เจ้าหอ?
สีชิ่นเรียกกู้ชูหน่วนว่าเจ้าหอ?
หรือว่ากู้ชูหน่วนจะเป็นเจ้านายของหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร……
กู้ชูหน่วนอายุเพียงเท่าไร เหตุใดนางถึงมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?
รองหัวหน้าเผ่าซือคงลุกขึ้นยืนกะทันหัน “เจ้าเรียกนางว่าอะไรนะ? เจ้าหอ? นางเป็นเจ้าหอของหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ?”
“นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเป็นเจ้าหอของหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอีกหรือ”
สีหน้าของสีชิ่นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและตื่นเต้นดีใจ
แยกจากกันกับเจ้าหอมาเป็นเวลานาน พวกเขาทั้งหมดเฝ้ารอวันที่เจ้าหอจะกลับมาอีกครั้ง
ท่าทางของสีชิ่นไม่ยำเกรง “คิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าหอของตัวเองเป็นใครอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารต่างมองไปที่กู้ชูหน่วนและส่งสัญญาณทางแววตา
กู้ชูหน่วนยิ้มแหยและกางมือขึ้นอีกครั้ง
มองหน้ามองเพื่ออะไร?
นางก็เป็นเพียงคนที่เดินทางข้ามเวลามาคนหนึ่ง เรื่องราวในอดีตนั้น นางก็ไม่มีความทรงจำในส่วนนั้น เช่นนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่านางเป็นเจ้าหอของหออันดับหนึ่งในใต้หล้าได้อย่างไร?
นางเองกลับรู้สึกสับสนมากกว่าเสียอีก
เดิมทีนางก็เป็นเพียงคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีที่ไม่เป็นที่รักและโปรดปราน แต่จู่ๆ ก็กลับมีกองกำลังมากมายเช่นนี้
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกรอด “สถานะตัวตนของเจ้า ช่างมีเยอะเสียเหลือเกิน”
กู้ชูหน่วนหายใจติดขัด “ที่ไหนกันล่ะ ก็มีเพียงเท่านี้กระมัง”
“หรือ……หรือว่ายังมีสถานะตัวตนอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”
“เอ่อ……”
นอกจากผู้นำแห่งนิกายเทพอสูร หัวหน้าเผ่าหยก……
ดูเหมือนก็จะไม่มีแล้ว……
จอมมารหัวเราะเสียงดัง “ไม่แปลกที่เป็นพี่หญิงของข้า หออันดับหนึ่งในใต้หล้า สุดยอดมาก”
กู้ชูหน่วนกระแอมสองสามครั้ง “เอ่อ เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
สีชิ่นลุกขึ้นและยืนเฝ้าอยู่อีกฝั่งอย่างนอบน้อม สีหน้าของนางดูมีความสุขและตื่นเต้น ราวกับมีคำพูดเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะพูดกับกู้ชูหน่วน
ตรงกันข้าม สีหน้าของคนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างซีดเซียว
หออันดับหนึ่งในใต้หล้าที่โด่งดังมีชื่อเสียง ที่แท้ก็เป็นกองกำลังของกู้ชูหน่วน……
วันนี้หากไม่จัดการฆ่าสังหารพวกเขาเสียแต่ตรงนี้ วันข้างหน้าเกรงว่าจะต้องมีปัญหาเข้ามาอีกไม่รู้จบอย่างแน่นอน?
รองหัวหน้าเผ่าซือคงมองไปยังไป๋จิ่นและพูดขึ้นมา “ไป๋จิ่น เรื่องนี้เผ่าน้ำแข็งของพวกเจ้าคงจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่?”
ไป๋จิ่นลุกขึ้นยืนอย่างสง่ามผ่าเผยและลูบผมเลีบนแบบสีชิ่น น้ำเสียงของนางหวานหยดย้อยและชัดเจน
“รองหัวหน้าเผ่าซือคง ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง เรื่องนี้ เผ่าน้ำแข็งของข้าจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแน่นอน”
“อ้อ……ไม่ทราบว่าไป๋จิ่นอยู่ฝ่ายไหนหรือ?” คำพูดของเขามีสัญญาณของการข่มขู่
แต่ไป๋จิ่นราวกับไม่เข้าใจในความหมายของเขา
เพียงแค่พลิกแขนเสื้อขึ้นและคุกเข่าลงต่อหน้ากู้ชูหน่วนอย่างเคารพ “ข้าน้อยไป๋จิ่นหนึ่งในสี่ผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าน้ำแข็งคารวะท่านหัวหน้าเผ่า”